เวลาในชีวิตของคนเรานั้นมีจำกัด โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่แต่ละเดือน กว่าจะได้เงินมาต้องเหนื่อย และเสียสละเวลา ยิ่งนับวันเวลาในการทำงานก็มีแต่จะลดลง หากมัวแต่เก็บเงินนอนนิ่งในบัญชีออมทรัพย์หรือรอจนกว่าจะมีเงินก้อนไปลงทุน คงยากที่จะมีความมั่นคงในระยะยาว เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจไม่ดียิ่งควรลงทุน มีเงินเดือนไม่มากก็ลงทุนได้ ขอแค่รู้จักที่จะเริ่มลงทุน เรียนรู้การลงทุนอย่างถูกวิธี อย่ามัวแต่รอเวลา ย่อมช่วยเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างแรกแบ่งสัดส่วนเงินเพื่อลงทุน
ก่อนจะไปลงทุนต้องเข้าใจว่าการลงทุนคือการที่เราจ่ายเงินออกไปแล้ว อาจจะได้เงินกลับมาจำนวนเพิ่มมากขึ้น(กำไร) หรือลดลง(ขาดทุน) ซึ่งก่อนลงทุนจะต้องบริหารจัดการเงิน โดยแบ่งสัดส่วนจากรายได้ที่เข้ามาในแต่ละเดือนอย่างมีวินัยเสียก่อน
รายได้แต่ละเดือน 15% = เงินลงทุน 10% = เงินออม 10% = เงินสำรอง 65% = เงินใช้จ่าย
|
การจัดสรรเงินลงทุน ในแต่ละเดือนแบบที่ง่ายที่สุดคือ เมื่อมีรายรับเข้ามาในแต่ละเดือน ให้แบ่ง 15% สำหรับลงทุน เช่น เงินเดือน 20,000 บาท เอาไปลงทุน 15% คือ 3,000 บาท แบ่งสำหรับเก็บออมห้ามใช้ 10% คือ 2,000 บาท แบ่งสำหรับเงินสำรองฉุกเฉิน 2,000 บาท เมื่อแบ่งตามนี้แล้วจะมีเงินสำหรับใช้จ่ายค่าต่าง ๆ อาทิ กิน เที่ยว ซื้อของ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และอื่น ๆ อยู่ที่ 13,000 บาท เป็นต้น นี่คือสัดส่วนที่ทำได้ไม่ยาก แถมช่วยสร้างวินัยทางการเงินให้กับตัวเอง
ลงทุนอะไรดี ให้ได้ผลตอบแทน
เมื่อแบ่งเงินลงทุนไว้อย่างชัดเจน รูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจที่อยากแนะนำ ได้แก่
1. ใครๆก็ต้องมีอาชีพเสริม
การลงทุนที่ช่วยต่อยอดรายได้อย่างชัดเจน คือ การมองหาอาชีพเสริมจากทักษะที่ตนเองมี โดยสามารถทำได้ในต้นทุนที่กำหนดไว้ ไม่ควรมากเกินไปจนลำบาก อาชีพเสริมที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ขายสินค้าต่าง ๆ ขายอาหาร บริการส่งของ ตัวแทนจำหน่าย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางออนไลน์ช่วยลดต้นทุนค่าเช่าที่จากการมีหน้าร้านได้เป็นอย่างดี ขยันสักนิดลงทุนแบบพอดี รายได้เพิ่มแน่นอน
2. สะสมกองทุน
ช่วงเศรษฐกิจวิกฤตหนักให้มองเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว ราวกับว่าเราจะซื้อของแพงในราคาถูกได้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบนี้ โดยกองทุนระยะยาวที่แนะนำ คือ
: Super saving fund (SSF) หรือกองทุนรวมเพื่อการออม เป็นกองทุนการออมระยะยาวช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคตโดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี โดยลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท* ระยะเวลาถือครอง 10 ปี(นับจากวันที่ซื้อ) ไม่จำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุน SSF จะนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
*รวมกับกองทุนเพื่อการเกษียรอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
: Retirement Mutual Fund (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนการออมแบบผูกพันระยะยาวของทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ เพื่อให้มีหลักประกันสำหรับตนเองและครอบครัวยามเกษียณอายุ โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษี 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี** ระยะเวลาถือครอง 5 ปี(นับจากวันที่ซื้อ) และต้องถือยาวจนถึงอายุ 55 ปี จำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งกองทุน RMF จะนำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภทเหมือนกองทุนรวมทั่วไป
**รวมกับกองทุนเพื่อการเกษียรอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
KTC TIP : แนะนำให้กระจายการซื้อหลักทรัพย์ ทยอยซื้อเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือนด้วยเงินเท่า ๆ กัน เป็นการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar - Cost Averaging) ซึ่งช่วยลดโอกาสการขาดทุน มีโอกาสได้ผลตอบแทนดีในระยะยาว แต่ห้ามทำผิดเงื่อนไขเด็ดขาด เพราะอาจต้องเสียค่าปรับให้กรมสรรพากร
|
3. เล่นหุ้นไม่ได้แพงอย่างที่คิด
การลงทุนกับหุ้นในปัจจุบันนั้นทำได้ง่าย โดยขั้นตอนการเปิดพอร์ตนั้น อย่างแรกคือมองหาโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและติดต่อได้ง่าย โดยดูประวัติ รูปแบบการบริการ และค่าคอมมิชชัน จากเว็ปไซด์นี้ settrade.com
แนะนำว่าเมื่อได้โบรกเกอร์แล้ว เลือกบัญชีหุ้น 2 แบบคือ
แบบ Cash Account ต้องโอนเงินซื้อภายใน 3 วันหลังจากได้รับการยืนยัน คำสั่งซื้อ (เหมือนพรีออเดอร์ละจ่ายทีหลัง)
แบบ Cash Balance ใช้เงินจากบัญชีโดยตรง มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ก็ซื้อหุ้นได้เท่านั้น
จากนั้นดาวน์โหลดแอปฯ Streaming มาช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อขาย เช็กราคา บริหารพอร์ตด้วยตนเอง
สิ่งสำคัญของการลงทุนกับหุ้นคือการหาความรู้และตัดสินใจอย่างรอบคอบ แนะนำผู้ลงทุนให้ดูผลประกอบการของบริษัทที่สนใจจะซื้อหุ้นย้อนหลัง 10 ปี ว่ามีอัตราการเติบโตอย่างไร?
โดยมีปัจจัยหลัก 3 สิ่งช่วยตัดสินใจในการวิเคราะห์หุ้น คือ
1.) วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน : สภาวะเศรษฐกิจ วิเคราะห์อุตสาหกรรม วิเคราะห์บริษัท
2.) งบการเงิน : แสดงถึงผลการประกอบกิจการ
3.) การวิเคราะห์กราฟเชิงลึก : ศึกษาแนวโน้มการขึ้น-ลงของทิศทางคณิตศาสตร์
ควรลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ไม่ซื้อแค่ตัวเดียว แต่ควรซื้อกระจายความเสี่ยง สัก 3-6 อุตสาหกรรม จำไว้ว่าหากเลือกลงทุนกับหุ้นที่ถูกต้อง มูลค่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่หากขาดทุนก็ต้องยอมรับและศึกษาหาความรู้ให้มากกว่าเดิม อย่าทุ่มกับการซื้อหุ้นจนหมดตัว แต่ซื้อหุ้นอย่างรอบคอบมีสติ
4. ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี+ผลตอบแทน
การลงทุนกับการประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์คืออีกทางเลือกในการออมเงิน ซึ่งมักให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจและคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน โดยมีให้เลือกทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น 7/15 ชำระเบี้ยประกัน 7 ปี คุ้มครอง 15 ปี เป็นต้น เมื่อครบกำหนดอายุกรรมธรรม์จะได้ผลประโยชน์ตามที่ตกลง การลงทุนกับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เหมาะกับคนเริ่มทำงานและวัยกลางคน เพราะต้องชำระเบี้ยมากกว่าสิบปี ไม่เหมาะกับวัยเกษียณ เพราะอาจจะเพิ่มภาระในการใช้จ่าย แนะนำให้ชำระเบี้ยแบบรายปี ค่าเบี้ยจะต่ำกว่าและได้ผลตอบแทนสูงสุดตามเงื่อนไข นอกจากนี้ควรจำไว้ว่าหากเลือกวงเงินคุ้มครองสูง ผลตอบแทนจะค่อนข้างต่ำจึงควรพิจารณาให้รอบคอบ เลือกให้เหมาะกับวัยและตามกำลังที่จ่ายได้แน่นอน
KTC TIP : สิทธิพิเศษใช้บัตรเครดิต KTC ชำระเบี้ยประกันชีวิตมีส่วนลด รายละเอียดโปรโมชั่น คลิก
|
5. ได้น้อย แต่ได้แน่ด้วยตราสารหนี้
การลงทุนกับตราสารทางการเงินเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ที่ไม่กล้าเสี่ยงมากนับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากทั่วไป ผู้ลงทุนในตราสารหนี้จะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้จะได้รับดอกเบี้ยตามเวลาที่กำหนดที่ระบุไว้ ส่วนเงินต้นจะได้คืนเมื่อครบกำหนดเวลา ตราสารหนี้ที่พบบ่อย ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ตั๋วเงินคลัง ซึ่งอายุของตราสารหนี้มีตั้งแต่ 1 วันถึง 20 ปี มีความเสี่ยงแตกต่างกัน ผลตอบแทนตราสารหนี้มักตรงข้ามกับหุ้น จึงช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี
ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ประโยคที่ทุกคนรู้กันดี แต่ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งต้องรู้จักลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสหารายได้ให้กับตัวเอง และที่สำคัญคือการมีวินัยทางการเงิน เช่นเดียวกับความคุ้มค่าในการใช้เงิน บัตรเครดิตนอกจากสะดวกยังมีคะแนนสะสม ทุก 25 บาทเท่ากับ 1 คะแนน ซึ่งคะแนนเหล่านี้เปรียบเหมือนเงินสด สามารถเอามาใช้เป็นเครดิตเงินคืนหรือส่วนลดเวลาซื้อของต่าง ๆ และยังมีวงเงินให้ใช้บริหารเงินหรือลงทุนได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องจัดสรรรายรับที่มีให้ชัดเจน ฉลาดลงทุน แบ่งเก็บแบ่งใช้ มีวินัยทางการเงิน เพื่อที่การลงทุนจะได้ไม่สะดุด และมีชีวิตที่มั่นคงมั่งคั่งในระยะยาว
KTC TIP : หากเพิ่งเริ่มลงทุนอย่าหวังแต่กำไร ควรพิจารณาเลือกการลงทุนในระยะยาวที่มีความเสี่ยงต่ำ และหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาการลงทุนให้เหมาะสม และผิดพลาดน้อยที่สุด
|
สมัครบัตรเครดิต…ที่นี่
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
เริ่มต้นการลงทุนง่ายๆ แค่รายได้ 15,000 บาท/เดือนขึ้นไป