มือใหม่ ดูแลรถยนต์แบบไหนให้รถดูดีให้เหมือนมีรถคันใหม่อยู่เสมอ
รถยนต์ ถือเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่ใช้เดินทางและเป็นของรักของหวงสำหรับใครหลาย ๆ คน เนื่องจากรถยนต์มีราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งหากดูแลไม่ดีอาจทำให้ต้องเสียเงินก้อนโตเพื่อซ่อมบำรุงอีกด้วย ดังนั้นการดูแลรถยนต์ให้ดีให้สวย มีสภาพเหมือนใหม่อยู่เสมอถือเป็นสิ่งที่คนมีรถควรปฏิบัติ เพราะไม่เพียงแต่ให้รถอยู่ในสภาพที่ดูดีแต่ยังช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานของรถยนต์ได้ยาวนานขึ้น แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นดูแลรถยนต์คันโปรดแบบไหนดี พี่เบิ้มมีวิธีดูแลรถยนต์ดี ๆ มาแนะนำกันครับ
เทคนิคดูแลรถยนต์ง่าย ๆ ที่ทำให้เหมือนได้รถคันใหม่
ดูแลรถยนต์ให้เหมือนใหม่
1. ห้ามปล่อยให้คราบสกปรกติดรถนาน
การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้นควรเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาด เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากขับรถที่ดูสกปรกไปไหนมาไหน โดยเฉพาะบริเวณด้านนอกของรถยนต์ที่เจอทั้งฝุ่นควัน คราบน้ำ ขี้นก หรือร่องรอยการเปรอะเปื้อนต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดคราบกับตัวถังรถยนต์ เมื่อพบเจอคราบสกปรกควรรีบทำความสะอาดทันที เพราะคราบเหล่านี้หากปล่อยไว้นานอาจทำร้ายสีของรถยนต์โดยไม่รู้ตัว เช่น เกิดจุดด่างบริเวณสีของรถยนต์ ที่ล้างไม่ออกต้องเสียเงินไปขัดสีและเคลือบสีรถใหม่ถือเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ ดังนั้นถ้าพบเจอคราบสกปรกควรรีบเช็ดออกหรือทำความสะอาดทันที นอกจากนี้ควรล้างรถ 1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดคราบสกปรกฝังแน่นบริเวณสีรถยนต์
2. ทำความสะอาดภายในห้องโดยสารอย่างสม่ำเสมอ
ภายในห้องโดยสารคืออีกหนึ่งจุดสำคัญของตัวรถที่ไม่ควรละเลย ผู้ใช้รถสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ เช่น ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ ภายในห้อง เพื่อกำจัดฝุ่นและเศษต่าง ๆ ที่อยู่ภายในรถยนต์ ใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดนำมาเช็ดบริเวณคอนโซลหน้ารถและเบาะรถ ดูแลเบาะรถยนต์และส่วนที่เป็นหนังด้วยการลงผลิตภัณฑ์เคลือบที่ช่วยทำให้บริเวณดังกล่าวมีความเงางามสวยเหมือนใหม่ และช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานออกไป รวมถึงป้องกันการแห้งกรอบหรือแตกร้าวได้อีกด้วย
3. หลีกเลี่ยงการจอดรถยนต์ตากแดด
แสงแดดปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลเสียให้แก่รถยนต์ได้ในหลายด้าน ทั้งอุณภูมิความร้อนที่ทำให้เครื่องยนต์ ระบบทำความเย็นต้องทำงานหนักขึ้นเป็นเท่าตัว สีของรถยนต์ที่อาจซีดจางจากการถูกแดดเผาเป็นเวลานาน อุปกรณ์ที่เป็นยางเสื่อมสภาพเร็ว เช่น ยางปัดน้ำฝน ขอบกระจกรถยนต์ เป็นต้น ปัญหานี้ทำให้รถยนต์ของคุณเสื่อมสภาพก่อนถึงเวลา ทั้งยังตั้งเสียเงินในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ที่เกิดความเสียหาย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดด แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้แนะนำให้ใช้ผ้าคลุมรถ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดกระทบกับตัวรถโดยตรง
4. เช็คยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ
ยางรถยนต์อุปกรณ์สำคัญที่ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้แต่ยางรถยนต์มีระยะเวลาในการใช้งานอยู่เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและเป็นการถนอมยางรถยนต์ ควรเติมลมยางทุก 2-4 สัปดาห์ นอกจากนี้การเช็คสภาพดอกยางรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนี่คือชิ้นส่วนที่ใช้ยึดเกาะพื้นถนน ดังนั้นทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร ควรทำการสลับยางรถยนต์เพื่อให้ยางรถเกิดการสึกหรอที่เท่ากัน
5. หยุดทำร้ายรถด้วยพฤติกรรมของผู้ขับขี่
หลายคนอาจทำร้ายรถยนต์คันโปรดแบบไม่รู้ตัว โดยพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อตัวรถยนต์ที่ผู้ใช้รถหลายคนมองข้าม เช่น การบรรทุกของหนัก การออกรถด้วยความเร็ว ขับผ่านทุกลูกระนาดด้วยความเร็ว พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อรถทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ ระบบเบรค โช๊ค เครื่องยนต์ หากทำพฤติกรรมเช่นนี้เป็นประจำคุณอาจต้องเสียเงินในการซ่อมรถเร็วขึ้นอย่างแน่นอน
6. ตรวจเช็คสภาพรถยนต์อยู่เสมอ
ระบบรถยนต์ต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเด็ดขาด เพราะไม่เพียงแต่เป็นการยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ยังช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ โดยจุดสำคัญที่ควรตรวจเช็คสภาพอยู่เสมอ เช่น ระบบเบรค ระบบทำความเย็น เครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง ยางรถยนต์ ระบบไฟฟ้า แต่ถ้าไม่มั่นใจในการตรวจเช็คด้วยตัวเองสามารถนำรถยนต์เข้าไปตรวจเช็คสภาพที่สถานบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ได้เช่นเดียวกัน
เทคนิคดูแลรถหน้าฝนง่าย ๆ ห่างไกลอุบัติเหตุ
ดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝน
หน้าฝนถือเป็นฤดูที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากความลื่นของท้องถนนกับน้ำฝนที่ตกลงมาทำให้บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ดังนั้นการดูแลรถยนต์ให้มีความพร้อมและขับรถด้วยความไม่ประมาทจึงเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก
เช็คใบปัดน้ำฝน
ควรตรวจเช็คสภาพของใบปัดน้ำฝนว่ามีเสียงดังหรือเกิดรอยบนกระจกขณะปัดหรือไม่หากเกิดในกรณีใดกรณีหนึ่งควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน เพราะนั่นคือสัญญาณการเสื่อมสภาพของใบปัดน้ำฝนแล้วนั่นเอง
เติมน้ำยาฉีดกระจก
ควรเช็คระดับน้ำยาฉีดกระจกอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ช่วงฝนตกได้ดีมากยิ่งขึ้น
ตรวจสอบระบบเบรก
ช่วงหน้าฝนส่งผลให้ถนนลื่น ทำให้ต้องแตะเบรคระหว่างขับรถอยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบระบบเบรครถยนต์ให้มีความพร้อมต่อการขับขี่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
เช็คลมยางและยางรถยนต์ให้พร้อม
ลมยางและสภาพของยางรถยนต์ควรมีความลึกของดอกยางที่เหมาะสม จะช่วยให้สามารถรีดน้ำบนถนนได้ดีและยึดเกาะถนนได้ดีมากยิ่งขึ้นป้องกันการลื่นไหลของรถขณะขับขี่
การตรวจเช็คสภาพรถด้วยตัวเองและการดูแลรถยนต์ให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ ไม่เพียงขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานรถยนต์เท่านั้น ยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางเสริมสภาพคล่องทางการเงินด้วยการนำรถยนต์มายื่นขอสินเชื่อกับ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ที่อนุมัติไวภายใน 2 ชั่วโมง ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท แถมรถยังมีใช้ เพียงเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนพี่เบิ้ม Delivery ก็พร้อมเดินทางไปรับสมัครและตรวจสอบสภาพรถถึงที่บ้าน เมื่อผ่านการอนุมัติได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทันที เรียกได้ว่าการดูแลรถให้ดูใหม่เสมอเป็นการวางแผนทางการเงินรูปแบบหนึ่ง เพราะหากรถสภาพดีก็จะมีโอกาสได้เงินก้อนจากการกู้สินเชื่อรถยนต์ที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มีเงินก้อนสำรองฉุกเฉินยามจำเป็น…ที่นี่