เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเลขบัตรเครดิต ที่หลายคนละเลย
บัตรเครดิตรูปแบบการใช้จ่ายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนี้ เพราะไม่เพียงแต่การใช้จ่ายที่ง่ายและสะดวกสบายเท่านั้น บัตรเครดิตยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายเพื่อให้เจ้าของบัตรฯ สามารถใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ทั้งได้รับในส่วนของสิทธิประโยชน์จากพาร์ทเนอร์ การเก็บคะแนนสะสมเพื่อแลกรับของสมนาคุณ โปรโมชั่นส่วนลดต่าง ๆ เพื่อการใช้จ่ายที่คุ้มค่าให้แก่ผู้ถือบัตรเครดิต สำหรับคนที่มีบัตรเครดิตใบแรก หรือผู้ที่มีบัครเครดิตอยู่แล้วอาจยังไม่รู้ถึงความสำคัญและความหมายของตัวเลขบนบัตรเครดิต สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฎอยู่บนหน้าบัตรเครดิตว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไรข้อมูลส่วนไหนบ้างที่ควรต้องระวังเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ
บัตรเครดิตประกอบด้วยอะไรบ้าง แต่ละส่วนสำคัญอย่างไร?
ความหมายของตัวเลขบนบัตรเครดิต
บัตรเครดิตจะประกอบด้วยข้อมูลหลายส่วนที่มีความหมายและความสำคัญที่แตกต่างกันออกไป โดยหน้าตาของบัตรเครดิตที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินออกให้จะมีลักษณะหน้าตาที่คล้ายคลึงกันแทบทุกส่วน และต้องประกอบด้วยรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
- สัญลักษณ์หรือโลโก้ของธนาคาร / สถาบันการเงินผู้ออกบัตรฯ
- EMV Chip หรือ Europay MasterCard Visa ชิปที่เป็นเทคโนโลยีทางด้านความปลอดภัยในการส่งข้อมูลทางการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่ถือเป็นมาตรฐาน มีการใช้งานกันทั่วโลกในการป้องกันการปลอมแปลงบัตรฯ หรือป้องกันการคัดลอกข้อมูลของบัตรเครดิต
- หมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก จะปรากฏอยู่บริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังของบัตรเครดิต ซึ่งเป็นการระบุตัวตนของบัตรเครดิตแต่ละใบ โดยตัวเลขที่ปรากฎจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละหลัก เช่น หมายเลขของผู้ให้บริการ เลขบัญชี เลขธนาคารผู้ออกบัตร เลขตรวจสอบ เป็นต้น เลขหน้าบัตรเครดิต ทําอะไรได้บ้าง? หมายเลขทั้ง 16 หลักที่ปรากฎอยู่บนหน้าบัตรเครดิตถือเป็นหมายเลขสำคัญที่สามารถนำไปใช้งานทั้งการกรอกหมายเลขบัตรเครดิตสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงการซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ถือเป็นข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญอย่างมากและไม่ควรบอกให้ผู้อื่นรับรู้โดยเด็ดขาดเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดี
- วันหมดอายุของบัตรเครดิต โดยบนหน้าบัตรเครดิตจะมีการแสดงเดือนและปีที่หมดอายุของบัตรเครดิต เพื่อให้สามารถเช็กได้ว่าบัตรเครดิตใบดังกล่าวหมดอายุเมื่อไหร่
- ชื่อเจ้าของบัตรเครดิตจะถูกระบุลงบนหน้าบัตรเครดิต เพื่อให้รู้ว่าบัตรเครดิตใบนี้เป็นของใคร รวมถึงสามารถตรวจเช็กการใช้งานว่าลายเซ็นต์ที่ปรากฏในการชำระเงิน เป็นชื่อเดียวกันหรือลายเซ็นเดียวกันกับเจ้าของบัตรเครดิตหรือไม่
- ชื่อผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิต ที่เป็นตัวกลางในการชำระเงินระหว่างร้านค้าและบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต ซึ่งจะปรากฏอยู่บนหน้าบัตรเครดิตอย่าง Visa Mastercard JCB UnionPay ที่เป็นตัวกลางสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต โดยบัตรเครดิตแต่ละองค์กรจะมีสิทธิประโยชน์ของผู้ให้บริการแต่ละแห่งที่แตกต่างกันออกไป
- Security Code หรือ Card Verification Value ที่คุ้นเคยกันกับหมายเลข CVV รหัสความปลอดภัย จะอยู่บริเวณด้านหลังของบัตร เป็นตัวเลข 3 ตัวที่จะระบุไว้บนบัตรเครดิตแต่ละใบ โดยจะมีหมายเลขที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหมายเลข CVV ทั้ง 3 หลักห้ามเปิดเผยให้แก่ผู้ใดเป็นอันขาด เนื่องจากเป็นหมายเลขที่ใช้ในการยืนยันตัวตนสำหรับการใช้บัตรเครดิตทำธุรกรรมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ
ใช้จ่ายได้อย่างสบายใจเพียงสมัครบัตรเครดิต KTC
ให้เลขบัตรเครดิต อันตรายไหม? ทริกใช้บัตรเครดิตแบบไหนให้ปลอดภัย
ในปัจจุบันจะเห็นข่าวของผู้คนที่มักตกเป็นเหยื่อของบรรดามิจฉาชีพ ผู้ที่มีบัตรเครดิตหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการให้เลขบัตรเครดิตแก่ผู้อื่นถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะมีความเสี่ยงสูงหากมีผู้ไม่หวังดีนำเลขบัตรเครดิตไปใช้อาจทำให้เกิดหนี้แบบไม่รู้ตัว ดังนั้นเลขบัตรเครดิตถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรบอกให้ผู้อื่นรับรู้โดยเด็ดขาด รวมถึงไม่ควรถ่ายภาพและไม่ควรบันทึกหมายเลขบัตรเครดิตในช่องทางออนไลน์ หรือช่องทางในการชำระเงินที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี
วิธีใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัย
แนะนำวิธีใช้บัตรเครดิตแบบไหนให้ปลอดภัย ห่างไกลมิจฉาชีพ
เซ็นลายเซ็นชื่อตัวเองไว้ด้านหลังบัตร
เมื่อได้รับบัตรเครดิตควรทำการเซ็นชื่อตัวเองไว้บริเวณด้านหลังบัตรเครดิต ซึ่งด้านหลังบัตรเครดิตจะมีแถบสีขาวซึ่งเป็นจุดที่สามารถเขียนชื่อหรือลายเซ็นลงไปได้ นอกจากนี้ยังถือเป็นช่องทางในการตรวจสอบลายเซ็นเมื่อมีการรูดซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการ ลดความเสี่ยงมิจฉาชีพนำบัตรเครดิตไปใช้
เช็กข้อความแจ้งเตือนการใช้จ่ายบัตรเครดิตอยู่เสมอ
ในปัจจุบันทางธนาคารและสถาบันการเงินเจ้าของบัตรเครดิตได้มีการพัฒนาระบบการแจ้งเตือน ให้ผู้ถือบัตรเครดิตสามารถตรวจสอบการทำรายกาย หรือเปิดการแจ้งเตือนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะหากพบยอดการใช้ที่ผิดปกติจะช่วยให้สามารถอายัดบัตรเครดิตและติดต่อธนาคารได้อย่างทันท่วงที ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บัตรฯ KTC จะได้รับการแจ้งเตือนรายการใช้จ่าย ผ่าน แอป KTC Mobile และหากต้องการอายัดบัตรชั่วคราวก็สามารถอายัดผ่านแอป KTC Mobile ได้ด้วยตนเอง
ให้บัตรเครดิตอยู่ในสายตาอยู่เสมอ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตบางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกรณีที่พนักงานของร้านนำบัตรเครดิตของเราไปรูดยังจุดชำระเงิน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเจ้าของบัตรเครดิตควรให้บัตรอยู่ในสายตาอยู่เสมอ เช่นการไปชำระที่จุดชำระเงินด้วยตัวเองหรือให้พนักงานนำเครื่องรูดบัตรเครดิตมารูดชำระค่าบริการที่โต๊ะนั่นเอง หรือถามหาการชำระแบบ Contactless ซึ่งเป็นการทำรายการด้วยตัวเอง โดยเป็นระบบการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสให้ผู้ถือบัตรเครดิตสามารถแตะจ่ายได้เองไม่ต้องผ่านมือของพนักงาน
ปิดรหัส CVV หลังบัตร
รหัส CVV เป็นเลข 3 ตัวที่อยู่หลังบัตรเครดิต หากเลขดังกล่าวไปตกอยู่ในมือมิจฉาชีพ อาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกนำไปทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้นควรนำสติกเกอร์ปิดรหัสเอาไว้จะเพิ่มความอุ่นใจได้มากกว่า
ห้ามเผยแพร่ข้อมูลบัตรเครดิตให้ผู้อื่นรู้
ข้อมูลบัตรเครดิตถือเป็นข้อมูลทางการเงินที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและควรเก็บเป็นความลับ ไม่ควรบอกข้อมูลบัตรเครดิตที่สำคัญให้แก่ผู้อื่น เช่น เลขบัตรเครดิต 16 หลัก วันหมดอายุ หมายเลข CVV รวมถึงห้ามให้ผู้อื่นยืมบัตรเครดิตไปใช้โดยเด็ดขาด
การใช้งานบัตรเครดิตถึงแม้จะเป็นตัวเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุคสังคมไร้เงินสดเช่นนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข้อควรระวังในการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตอยู่มากมาย ผู้ถือบัตรฯ ไม่ควรละเลยวิธีป้องกันบัตรเครดิต เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้อย่างปลอดภัยและลดโอกาสที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงบัตรเครดิตได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายอยู่เสมอไม่เพียงแต่ผู้ถือบัตรเครดิตเท่านั้น ร้านค้าต่าง ๆ ในฐานะผู้ให้บริการก็ควรเลือกช่องทางการชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ อาทิ การเลือกใช้ระบบรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ที่รองรับการรูดชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ทั้งยังมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยให้กับร้านค้าและผู้มาใช้บริการ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจในการใช้จ่ายห่างไกลจากมิจฉาชีพ
เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้ากับระบบชำระเงินที่ปลอดภัย กับเครื่องรูดบัตร EDC…ที่นี่