หากมีการสร้างบ้านหรือรีโนเวทพื้นที่ใหม่ งานทาสีถือเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ ทั้งภายในและภายนอกตัวบ้าน เพื่อให้บ้านออกมาสวยงามหน้าอยู่ โดยเฉพาะภายในบ้านที่เราอยู่อาศัยเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าการทาสีภายในใหม่ ก็จะต้องมีการจ่ายค่าแรง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น เราจึงจะมาเรียนรู้ไปพร้อมกัน ว่า การทาสีบ้านจะต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง หรือการทาสีภายในบ้านจะต้องจ่ายในตารางเมตรละเท่าไหร่บ้าง เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างดีที่สุดในการตกแต่งบ้าน
ค่าแรงทาสีภายในปัจจุบันจะต้องจ่ายเท่าไหร่บ้าง
ปัจจุบันค่าแรงในการทาสีภายในบ้านมีความหลากหลาย และแตกต่างกันตามหลายปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดพื้นที่ที่ต้องการทาสี ความซับซ้อนของงาน รวมถึงประเภทของสีและวัสดุที่ใช้ โดยทั่วไปแล้วค่าแรงทาสีภายในจะอยู่ในช่วงประมาณ 50 ถึง 180 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งราคานี้จะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานและความต้องการเฉพาะของลูกค้า เช่น หากผนังมีสภาพเก่าหรือมีรอยร้าว ช่างอาจต้องใช้เวลามากขึ้นในการเตรียมพื้นผิวก่อนทาสี ส่งผลให้การทาสีภายในทั้งหมดอาจมีราคาแพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก
นอกจากนี้ช่างสีหรือบริษัทรับเหมาทาสี ยังอาจมีแพ็คเกจเหมารวมที่รวมราคาทาสี ทั้งค่าแรง ค่าสี และอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน หรือราคาเฉพาะโอกาสสำหรับคนกู้เงินรีโนเวทบ้าน ที่มักจะถูกเสนอจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ซึ่งราคาสำหรับแพ็คเกจแบบนี้มักเริ่มต้นที่ประมาณ 11,000 ถึง 12,000 บาท สำหรับพื้นที่ทาสีประมาณ 10 ตารางเมตรขึ้นไป และอาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น การออกแบบลวดลาย การซ่อมแซมก่อนทาสี เป็นต้น
ปัจจัยที่ส่งผลกับค่าแรงทาสีภายในมีอะไรบ้าง?
การจ่ายค่าแรงสำหรับการทาสีภายในนั้นจะมีการคิดราคาจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของงาน ความซับซ้อน ขนาดพื้นที่ ไปจนถึงรูปแบบของสีที่ใช้ ซึ่งโดยรวมแล้วปัจจัยหลัก ๆ จะประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
ลักษณะบ้านใหม่หรือบ้านเก่า
บ้านใหม่และบ้านเก่ามีความแตกต่างกันในเรื่องของสภาพพื้นผิวผนัง โดยภายในบ้านใหม่มักจะมีผนังที่เรียบเนียนและพร้อมสำหรับการทาสี ทำให้ช่างทาสีบ้านสามารถทำงานได้รวดเร็วและง่ายดายกว่า ในขณะที่บ้านเก่ามักจะมีรอยแตกร้าว รอยเปื้อน หรือผนังที่ลอกหลุด ส่งผลให้จำเป็นต้องใช้เวลาและวัสดุในการซ่อมแซมและเตรียมพื้นผิวก่อนทาสีนั่นเอง
ปริมาณพื้นที่ภายในบ้าน
ปริมาณพื้นที่ภายในบ้านก็มีผลต่อค่าแรงของการทาสีภายในโดยตรง ซึ่งยิ่งพื้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ราคาทาสีต่อตารางเมตรก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เนื่องจากต้องใช้วัสดุและเวลาทำงานมากขึ้น แต่ในบางครั้งราคาทาสีบ้านลักษณะนี้ ก็อาจมีตัวเลือกแบบเหมาจ่ายให้เราสามารถเลือกได้คุ้มค่ามากขึ้นด้วยเช่นกัน
ความยาก-ง่ายในการทาสีภายใน
ความยากง่ายของงานทาสีภายในมีผลต่อค่าแรงของช่างทาสีบ้านอย่างชัดเจน โดยงานที่ต้องทาสีในพื้นที่ที่มีรายละเอียดซับซ้อน เช่น มีการเจาะช่องแสง ประตู หน้าต่าง หรือมีลวดลายตกแต่งมาก จะต้องใช้เวลาทำงานมากกว่าและต้องการความละเอียดสูง ทำให้ค่าแรงสูงขึ้นจากเทคนิคที่ต้องใช้มากขึ้น
นอกจากค่าแรงทาสีภายในแล้วยังมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกบ้าง?
นอกจากค่าแรงในการจ้างช่างทาสีภายในบ้านแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้ใช้บริการควรเตรียมพร้อมไว้เพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายสำหรับการทาสีภายใน โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้มักรวมถึงวัสดุ อุปกรณ์ และบริการเพิ่มเติมที่จำเป็นดังนี้
- ค่าสีและวัสดุทาสี
สีเป็นส่วนประกอบหลักที่มีผลต่อทั้งคุณภาพและความสวยงามของงาน และทำให้ราคาทาสีต่อตารางเมตรแตกต่างกันออกไปตามเกรดของสีและยี่ห้ออย่างชัดเจน - ค่าประเมินและสำรวจพื้นที่ก่อนทำงาน
บางครั้งช่างหรือบริษัทรับเหมาทาสีจะคิดค่าบริการในการออกสำรวจพื้นที่หน้างานก่อนเริ่มทำงานเพื่อประเมินสภาพผนัง ขนาดพื้นที่และจำนวนเที่ยวที่ต้องทาสี รวมถึงวางแผนการทำงานอย่างละเอียด ซึ่งอาจรวมอยู่ในราคาค่าแรงสำหรับการทาสีภายในหรือคิดแยกต่างหากก็ได้เช่นกัน - ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือทาสี
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทาสี เช่น ลูกกลิ้ง ทัพพี แปรงทาสี ผ้าใบคลุมพื้น หรือบันได รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นและสารเคมี เช่น หน้ากาก ถุงมือ ชุดป้องกัน บางครั้งอาจคิดแยกตามความเหมาะสมของงานและข้อตกลงกับช่าง - ค่าเตรียมพื้นผิวและงานซ่อมแซม
หากผนังมีรอยแตก รอยรั่ว หรือผิวที่ไม่เรียบ ช่างอาจต้องใช้วัสดุและเวลาซ่อมแซมพื้นผิวก่อนการทาสี เช่น การขัดลอกสีเก่า อุดรอยแตกร้าว หรือซ่อมผนังปูน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงขึ้น - ค่าขนย้ายและทำความสะอาดหลังงาน
ในบางกรณี ผู้ให้บริการอาจมีค่าขนย้ายวัสดุอุปกรณ์เข้าหน้างาน หรือค่าใช้จ่ายสำหรับการทำความสะอาดพื้นที่หลังจากทาสีเสร็จ เพื่อให้บ้านเรียบร้อยเหมือนเดิม
วิธีเลือกช่างทาสีภายในให้คุ้มค่าและตอบโจทย์มากที่สุด
การเลือกช่างทาสีบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากต้องการงานที่มีคุณภาพ สวยงาม ยังต้องการความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เพื่อให้ได้ช่างที่เหมาะสมและงานออกมาดีที่สุดด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งก่อนตัดสินใจคุณควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- สอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน
- เลือกช่างที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะงานทาสีภายใน
- ตรวจสอบรีวิวและคำแนะนำจากลูกค้าเก่า
- เลือกช่างที่ใช้วัสดุคุณภาพและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
- พิจารณาการรับประกันงานหลังเสร็จงาน
- เปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง
- ติดต่อสอบถามและพูดคุยรายละเอียดก่อนจ้างงาน
ค่าแรง ทาสี ภายใน แนะนำรายละเอียดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกทาสี
การพิจารณาเรื่องค่าแรงสำหรับทาสีภายใน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ในการสร้างหรือรีโนเวทพื้นที่ใหม่ ซึ่งจำเป็นจะต้องพิจารณาปัจจัยด้านค่าแรงทาสี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถรับรู้ได้ก่อนเริ่มงาน ว่าจะต้องจ่ายเงินให้กับงานทาสีตารางเมตรละเท่าไหร่ รวมไปถึงในกรณีที่คุณต้องทำงานปริมาณมาก ก็ควรตรวจสอบราคารับเหมาทาสี ว่าอยู่ที่ตารางเมตรละเท่าไหร่อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน
ในบางครั้งการวางแผนในการปรับปรุงพื้นที่อยู่อาศัย อย่างการกู้เงินซ่อมบ้านหรือการปรับปรุงบ้านก่อนเตรียมขึ้นบ้านใหม่ การวางแผนทางการเงินให้พร้อมที่สุด ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เราอยากแนะนำ คือ การมีบัตรกดเงินสด KTC PROUD ที่เป็นตัวช่วยไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพื่อให้คุณสามารถนำเงินสดออกมาใช้จ่ายได้ทันที เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนการเงินให้รอบคอบอย่างแท้จริง
บัตรกดเงินสด KTC PROUD พกไว้ไม่สะดุด ทุกการใช้จ่ายที่จำเป็น
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
พร้อมรับมือกับทุกเหตุฉุกเฉินด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี