เปิด 5 อันดับ อาชีพสำหรับเด็กจบใหม่ ที่อยากทำงานกับบริษัทต่างชาติ

ในยุคที่ทั่วโลกเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน เด็กจบใหม่ในไทยจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจกับการทำงานในบริษัทต่างชาติมากขึ้น ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความทันสมัยหรือการสร้างภาพลักษณ์ แต่กลับมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความชื่นชอบในวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง รายได้และสวัสดิการที่ดีกว่า โอกาสเติบโตในระดับนานาชาติ และการเสริมสร้างประสบการณ์และทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน

วัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง

บริษัทต่างชาติมักมีวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความเสมอภาค การให้ความเคารพในความคิดเห็นของพนักงานทุกระดับรวมถึงเด็กจบใหม่ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง พนักงานใหม่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการพิสูจน์ทักษะความสามารถของตนเอง แต่จะได้รับโอกาสในการแสดงความสามารถตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นทำงาน ซึ่งสิ่งนี้ช่วยผลักดันเกิดความกระตือรือร้นในการทำงานและสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

อัตรารายได้และสวัสดิการที่ดีกว่า

เงินเดือนและสวัสดิการของบริษัทต่างชาติมักจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าเฉลี่ยของตลาดแรงงานไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่งงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางต่าง ๆ

นอกจากนี้ ในบริษัทต่างชาติหลาย ๆ แห่งยังมีสวัสดิการเสริมที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพที่ครอบคลุม วันหยุดพักผ่อนที่มากกว่า นโยบายส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะของตนเอง และให้โอกาสในการเดินทางไปเรียนรู้งานที่ต่างประเทศ

โอกาสเติบโตในระดับนานาชาติ

การทำงานกับบริษัทต่างชาติเปิดโอกาสให้พนักงานหรือเด็กจบใหม่ได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับทีมงานจากหลายประเทศ การได้รับมอบหมายงานที่ท้าทาย หรือแม้กระทั่งโอกาสในการย้ายไปทำงานที่สำนักงานที่ต่างประเทศในอนาคต

การสื่อสารภาษาอังกฤษ ทักษะดิจิทัล : จุดแข็งของเด็กจบใหม่

เด็กจบใหม่ที่เติบโตมาในยุคอินเทอร์เน็ตมีความได้เปรียบในด้านภาษาอังกฤษและทักษะดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทต่างชาติให้ความสำคัญอย่างมาก ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และการสื่อสารแบบ Digital native ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับวิธีการทำงานของบริษัทต่างชาติได้อย่างรวดเร็ว

คุณสมบัติของเด็กจบใหม่ที่บริษัทต่างชาติมองหา

ด้วยเทรนด์สังคมยุคดิจิทัล คุณสมบัติของนักศึกษาจบใหม่ที่บริษัทต่างชาติมองหา จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องไปกับความต้องการของสังคมในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย เพื่อที่บริษัทจะได้บุคลากรที่มีทักษะความสามารถ พร้อมสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคม

ทักษะภาษาอังกฤษ

ทักษะภาษาอังกฤษที่ดี ครอบคลุมความหมายถึงการพูด (Speaking) การเขียน (Writing) และการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทธุรกิจ (Business Communication) ซึ่งไม่จำเป็นต้องสื่อสารได้เทียบเท่า Native Speaker แต่จะต้องสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและมั่นใจ โดยผลคะแนนการสอบวัดระดับภาษาที่บริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ต้องการจะอยู่ที่ TOEIC 700+ หรือ IELTS 6.0+ ขึ้นไป

สิ่งสำคัญ คือจะต้องสามารถเขียนอีเมลทางการเป็นภาษาอังกฤษได้ รวมถึงสามารถเข้าร่วม Conference call พร้อมสื่อสารพูดคุยได้ และจะต้องนำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทักษะดิจิทัล

ทักษะดิจิทัล ในที่นี้หมายถึงทักษะที่เกี่ยวข้องกับ Data Tech และ Marketing Tools ต่าง ๆ ซึ่งบริษัทต่างชาติมักจะใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ในการทำงาน การมีทักษะดิจิทัลที่ดีจึงเปรียบเสมือนข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างยิ่ง อาทิ ทักษะการใช้ Excel ขั้นสูง การทำงานกับ CRM System การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล หรือความเข้าใจเกี่ยวกับ Cloud Computing

ทัศนคติเปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้ความแตกต่างทางวัฒนธรรม

บริษัทต่างชาติมักมองนักศึกษาจบใหม่ที่มี Growth Mindset ที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สามารถทำงานได้อย่างอิสระ และมีความรับผิดชอบในตนเองสูง รวมถึงสามารถทำความเข้าใจและเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรม

นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับตัวและทำงานร่วมกับคนต่างชาติ ต่างวัฒนธรรม และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างยืดหยุ่น ก็เป็นคุณสมบัติที่บริษัทต่างชาติให้ความสำคัญอย่างมาก

Resume และ Portfolio ที่มีผลลัพธ์วัดผลได้

Resume สำหรับยื่นสมัครงานในบริษัทต่างชาติจำเป็นต้องนำเสนอโดยเน้นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อ้างอิงตัวเลขและข้อมูลที่วัดผลได้ เช่น เพิ่มยอดขาย 15% หรือ เคยรับผิดชอบโปรเจคที่มีงบประมาณ 2 ล้านบาท

5 อันดับ อาชีพที่เหมาะกับการทำงานในบริษัทต่างชาติ

เปิดรายชื่อ 5 อันดับอาชีพ สำหรับนักศึกษาจบใหม่ เหมาะแก่การทำงานในบริษัทต่างชาติ

1. Digital Marketing Executive

Digital Marketing Executive หรือ ผู้บริหารการตลาดดิจิทัล คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางแผน พัฒนา และดำเนินกลยุทธ์การตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อจุดประสงค์ในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น การสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) การเพิ่มยอดขาย การเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งอาชีพนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลปัจจุบันที่ผู้บริโภคต่างใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์เป็นหลัก

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ

• วางแผนและพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัล ร่วมกับทีมในการกำหนดเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมาย และช่องทางการตลาดดิจิทัลที่เหมาะสม
• สร้างสรรค์เนื้อหา วางแผนการโพสต์ และบริหารจัดการบัญชีโซเชียลมีเดียต่าง ๆ อาทิ Facebook, Instagram, TikTok และ X เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม
• Search Engine Optimization (SEO) หรือการปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาให้ติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาบน Google
• สร้างสรรค์แคมเปญอีเมลเพื่อสื่อสารกับลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่สนใจ เช่น การส่งข่าวสาร โปรโมชั่น หรือเนื้อหาที่มีประโยชน์
• ทำงานร่วมกับทีม Content Creator ในการวางแผน สร้างสรรค์ และเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจ
• ดูแลการตลาดแบบ Affiliate และ Influencer Marketing โดยวางแผนและดำเนินงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ หรือผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย (Influencer) เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ
• การติดตาม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดดิจิทัลโดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Google Analytics เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้น
• ศึกษาแนวโน้มการตลาดดิจิทัลใหม่ ๆ และวิเคราะห์กลยุทธ์ของคู่แข่ง

ทักษะเฉพาะ

• มีความรู้ความเข้าใจในแพลตฟอร์มดิจิทัล คุ้นเคยกับการใช้งานและกลไกของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึง Google Ads, Google Analytics และ เครื่องมือ SEO
• สามารถตีความข้อมูลตัวเลขจากเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์
• สามารถคิดเนื้อหาที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
• มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำ SEO และการบริหารจัดการแคมเปญโฆษณาบน Google

อัตราเงินเดือน

รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นที่ 25,000 บาท อ้างอิงจากอัตราเงินเดือนที่ปรากฏบนเว็บไซต์สมัครงาน jobsdb ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

Digital Marketing Executive เป็นตำแหน่งงานที่เหมาะมากสำหรับการทำงานกับบริษัทต่างชาติ เพราะจะได้ร่วมงานกับทีมนานาชาติและใช้เครื่องมือระดับโลกเช่น Google Ads, Meta Business Manager, Google Analytics 4 ซึ่งได้มาตรฐานสากล

2. Software Developer

Software Developer หรือ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และบำรุงรักษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ เว็บไซต์ ระบบการทำงานสำหรับองค์กร หรือแม้แต่ระบบปฏิบัติการ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานหรือแก้ปัญหาทางธุรกิจ ซึ่งตำแหน่งงานนี้เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโลกยุคดิจิทัล

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ

• วิเคราะห์ความต้องการ (Requirements Analysis) โดยทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือผู้ใช้งาน เพื่อนำมาออกแบบฟังก์ชันการทำงานของซอฟต์แวร์
• วางโครงสร้างและองค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบ เพื่อให้ซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสามารถขยายต่อได้ในอนาคต
• เขียนโค้ด (Coding/Programming) โดยใช้ภาษาโปรแกรมต่าง ๆ เช่น Python, Java, C#, JavaScript, Go, Swift และ Kotlin
• ตรวจสอบหาข้อผิดพลาด (Bugs) ในโค้ด และทดสอบการทำงานของซอฟต์แวร์เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดและปราศจากข้อบกพร่อง
• ค้นหาและแก้ไขข้อผิดพลาดที่พบหลังจากซอฟต์แวร์ถูกใช้งานจริง และปรับปรุงประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ให้ดียิ่งขึ้น
• บันทึกข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการออกแบบ โค้ด และการทำงานของซอฟต์แวร์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาและบำรุงรักษาในอนาคต

ทักษะเฉพาะ

• ทักษะด้านการเขียนโปรแกรม (Programming Skills) มีความเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึมพื้นฐาน เพื่อเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ
• มีความเข้าใจในฐานข้อมูล (Database Knowledge) และมีความรู้เรื่องฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database) เช่น SQL (MySQL, PostgreSQL, MSSQL) หรือฐานข้อมูล NoSQL (MongoDB, Cassandra)
• รู้จักหลักการออกแบบซอฟต์แวร์ที่ดี (Design Patterns) และเข้าใจหลักการ Clean Code

อัตราเงินเดือน

รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นที่ 25,000 บาท อ้างอิงจากอัตราเงินเดือนที่ปรากฏบนเว็บไซต์สมัครงาน jobsdb ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

3. UX/UI Designer

UX/UI Designer คือผู้ที่รับผิดชอบในการออกแบบผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อให้ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้มากที่สุด โดย UX (User Experience) Designer จะมุ่งเน้นการออกแบบประสบการณ์การใช้งานที่ดีของผู้ใช้ ส่วน UI (User Interface) Designer เน้นการออกแบบส่วนติดต่อที่สวยงามและใช้งานง่าย

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ

• วิจัยผู้ใช้ (User Research) ผ่านการสัมภาษณ์ผู้ใช้งาน การทำแบบสำรวจ และการวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อทำความเข้าใจความต้องการ ปัญหา และความคาดหวังของผู้ใช้งาน
• วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูล (Analysis & Synthesis) โดยนำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยมาวิเคราะห์และสรุปผล เพื่อหา Pain Points (ปัญหาที่ผู้ใช้เจอ) และ Opportunities หรือ โอกาสในการพัฒนา
• จัดหมวดหมู่และจัดระเบียบเนื้อหาและฟังก์ชันการทำงานของผลิตภัณฑ์ให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและเป็นระบบ
• สร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถโต้ตอบได้ เพื่อจำลองการทำงานของผลิตภัณฑ์ก่อนการพัฒนาจริง

ทักษะเฉพาะ

• เครื่องมือออกแบบ เช่น Figma, Sketch, Adobe XD, Photoshop และ Illustrator
• มีพื้นฐานด้าน HTML/CSS และเข้าใจการทำงานของ Developer
• การสร้าง Prototype และ Interactive Design
• ความรู้เรื่อง Design Principles และ Typography
• การทำ User Research และ Data Analysis

อัตราเงินเดือน

รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นที่ 25,000 บาท อ้างอิงจากอัตราเงินเดือนที่ปรากฏบนเว็บไซต์สมัครงาน jobsdb ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

ทั้งนี้ บริษัทต่างชาติจะมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง User Experience อย่างลึกซึ้ง ทั้งยังมีทีม Product ที่ทำงานร่วมกันจากหลายประเทศ ทำให้ UX/UI Designer ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและมีประโยชน์อย่างมากในทำงาน

4. Translation Specialist

Translation Specialist หรือ นักแปล (Translator) คือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการแปลภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง โดยมุ่งเน้นที่การรักษาความหมาย ถ้อยคำต้นฉบับ เจตนา อารมณ์ และบริบททางวัฒนธรรมของเนื้อหานั้น ๆ ให้ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นธรรมชาติมากที่สุด

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ

• แปลเอกสารหรือเนื้อหา จากภาษาต้นฉบับ (Source Language) ไปเป็นภาษาเป้าหมาย (Target Language) ซึ่งอาจเป็นการแปลรายงานทางวิทยาศาสตร์ เอกสารทางธุรกิจ เอกสารทางกฎหมาย หรือเอกสารทั่วไป
• ตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์ การสะกดคำ ความสอดคล้องกันของคำศัพท์ และความลื่นไหลของภาษาในงานแปลของตนเองหรือของผู้อื่น
• ค้นคว้าข้อมูล ศัพท์เฉพาะทาง หรือบริบทที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เพื่อให้มั่นใจว่าการแปลมีความถูกต้องและเป็นไปตามหลักปฏิบัติของสาขานั้น ๆ

ทักษะเฉพาะ

• ต้องมีความเข้าใจภาษาต้นฉบับในระดับสูงมาก ทั้งไวยากรณ์ คำศัพท์ และสำนวน
• มีความเข้าใจในวัฒนธรรมและ Context ทางสังคม
• ทักษะการใช้ CAT Tools (Computer-Assisted Translation)

อัตราเงินเดือน

รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นที่ 35,000 บาท ขึ้นอยู่กับภาษาต้นฉบับและภาษาเป้าหมาย อ้างอิงจากอัตราเงินเดือนที่ปรากฏบนเว็บไซต์สมัครงาน jobsdb ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

5. International Sales

International Sales หรือ ผู้จัดการฝ่ายขายต่างประเทศ คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขายและขยายตลาดสินค้าหรือบริการของบริษัทไปสู่ระดับสากล รับหน้าที่ในการเป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมโยงบริษัทกับลูกค้าในต่างประเทศ ตั้งแต่การค้นหาโอกาสทางธุรกิจ การนำเสนอสินค้า การเจรจาต่อรอง ไปจนถึงการปิดการขาย และการดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ

• วิจัยและวิเคราะห์ตลาด (Market Research & Analysis) โดยศึกษาตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ วิเคราะห์คู่แข่ง แนวโน้มทางเศรษฐกิจ กฎระเบียบทางการค้า และวัฒนธรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
• ค้นหาและสร้างโอกาสทางธุรกิจ (Lead Generation & Prospecting)
• นำเสนอจุดเด่น คุณประโยชน์ และมูลค่าของสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้าต่างชาติอย่างมืออาชีพ โดยอาจมีการเดินทางไปพบลูกค้าด้วยตนเอง หรือนำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์
• การเจรจาเงื่อนไขการขาย ราคา สัญญา และข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดสำหรับทั้งสองฝ่าย โดยต้องคำนึงถึงกฎหมายและข้อบังคับทางการค้าระหว่างประเทศ
• ปิดการขาย (Closing Sales) โดยดำเนินการขั้นตอนสุดท้ายของการขายให้สำเร็จ และจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้อง
• สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าต่างชาติในระยะยาว เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ เพิ่มยอดขาย และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ทักษะเฉพาะ

• ทักษะการสื่อสารหลายภาษา (Multilingual Communication) โดยภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จำเป็นอย่างยิ่งในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและคู่ค้าทั่วโลก และอาจมีทักษะภาษาที่สามเพิ่มเติมด้วย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สเปน หรือภาษาที่ใช้กันแพร่หลายในตลาดเป้าหมาย จะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก
• มีความสามารถในการนำเสนอสินค้าอย่างน่าสนใจ, การแก้ไขข้อโต้แย้ง (Objection Handling), และการปิดการขาย
• เข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม การสื่อสาร และมารยาททางธุรกิจของแต่ละประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด
• มีความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบการนำเข้า-ส่งออก ภาษี ศุลกากร เงื่อนไขการส่งมอบสินค้า ละวิธีการชำระเงินระหว่างประเทศ

อัตราเงินเดือน

รายได้เฉลี่ยเริ่มต้นที่ 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับภาษาต้นฉบับและภาษาเป้าหมาย อ้างอิงจากอัตราเงินเดือนที่ปรากฏบนเว็บไซต์สมัครงาน jobsdb ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568

เคล็ดลับการเตรียมตัวเพื่อสมัครงานบริษัทต่างชาติ

สำหรับเคล็ดลับการเตรียมตัวเพื่อสมัครงานในบริษัทต่างชาติ มีทั้งหมด 4 ข้อสำคัญ ดังนี้

ใช้ข้อมูลภาษาอังกฤษ

LinkedIn Profile จะต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ และมีรูปภาพโปรไฟล์ที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและมีความน่าเชื่อถือ ในส่วนของ Resume ควรเป็น International Format ที่เน้นผลลัพธ์และมีโครงสร้างการจัดวางที่อ่านง่าย ไม่ความซับซ้อน และสุดท้าย Portfolio ทั้งหมดควรจะต้องมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ

ทั้งนี้ การเขียน Summary ในแต่ละตำแหน่งงาน ควรจะต้องมี Action Verbs เช่น “Achieved”, “Developed”, “Implemented” และระบุตัวเลขที่ชัดเจน

ฝึกฝนทักษะ Business Communication

การฝึกฝนการเขียน Professional Email ที่มีโครงสร้างชัดเจน เรียนรู้ Business Vocabulary ที่ใช้ในสายงานของตัวเอง และฝึกการนำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษ เป็นวิธีการเตรียมตัวที่ดีอย่างยิ่ง ซึ่งจะสร้างความโดดเด่นให้กับโปรไฟล์สมัครงานของคุณ และที่สำคัญคือความมั่นใจ แม้จะสื่อสารได้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพูดอย่างชัดเจนและตรงประเด็น จะช่วยให้คุณเป็นผู้สมัครงานที่โดดเด่นได้

เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อประดับนานาชาติ

มองหาโอกาสร่วมงาน Conference หรือ Workshop ที่จัดขึ้นโดยองค์กรต่างชาติ หรืออาจเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครที่ได้ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งการเป็นสมาชิกชุมชนออนไลน์ในสายงานที่สนใจ

การมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้คนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แม้เป็นเพียงโครงการเล็ก ๆ แต่ก็จะช่วยสร้างความโดดเด่นในการสมัครงานได้

ฝึกฝนการใช้เครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

การเรียนรู้และมีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น

• เครื่องมือการสื่อสาร เช่น Microsoft Teams และ Discord
• เครื่องมือการจัดการ เช่น  Notion, Trello, Asana และ Jira
• เครื่องมือในการออกแบบ เช่น Figma และ Adobe Creative Suite
• เครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google Analytics, Tableau และ Power BI
• เครื่องมือในการพัฒนา เช่น GitHub, AWS และ Docker

การมีความรู้ความเข้าใจและมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือเหล่านี้จะทำให้การเริ่มต้นงานใหม่ในบริษัทต่างชาติเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ช่องทางสมัครงานบริษัทต่างชาติ

• LinkedIn Jobs

LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มหลักที่บริษัทต่างชาติใช้ในการคัดเลือกพนักงาน การอัพเดทโปรไฟล์ให้สมบูรณ์และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ รวมถึงกรอกข้อมูลทักษะความสามารถที่เกี่ยวข้องกับสายงาน จะช่วยแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในสายงานนั้น ๆ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน

• เว็บไซต์บริษัทโดยตรง (Global Career Page)

หลายบริษัทต่างชาติมี Career Page สำหรับรับสมัครพนักงานเข้าทำงานในสำนักงานตามประเทศต่าง ๆ การกรอกข้อมูลการสมัครผ่านเว็บไซต์บริษัทโดยตรง ช่วยให้มั่นใจว่าใบสมัครถูกส่งตรงเข้าสู่ระบบ HR ซึ่งจะรวดเร็วกว่าการสมัครผ่านเว็บไซต์สมัครงานอื่น ๆ

• JobsDB และ Indeed

แพลตฟอร์มสมัครงานใหญ่ ๆ เหล่านี้มีตำแหน่งงานจากบริษัทต่างชาติมากมาย และมีข้อมูลเรื่องเงินเดือน รวมถึงรีวิวภาพรวมของบริษัทที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจสมัครงาน อีกทั้งยังสามารถตั้งค่า Job Alert เพื่อให้ได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ที่ตรงกับคุณสมบัติและความสนใจของคุณ

ทั้งนี้ การเรียนคอร์สออนไลน์จากแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Coursera, Udemy หรือ LinkedIn Learning ไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะ แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายในสายงานที่คุณสนใจด้วย

การทำงานกับบริษัทต่างชาติไม่ใช่เพียงแค่ฝันใหญ่ แต่เป็นเป้าหมายที่สามารถทำได้จริงสำหรับเด็กจบใหม่ ที่สำคัญคือการพัฒนาทักษะให้ตรงกับความต้องการของตลาด การสร้างเครือข่ายในสายงาน และมีทัศนคติที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ โอกาสในการทำงานกับบริษัทต่างชาติในปัจจุบันมีมากกว่าที่คิด เพียงแต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ เพื่อไปสู่ความเป็นมืออาชีพระดับนานาชาติ

นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังมองหาตัวช่วยในการบริหารเงินเดือน เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแรงในการวางแผนทางการเงินในอนาคต สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ทั้งยังมอบความคุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย ด้วยการรับคะแนน KTC FOREVER สะสมได้ไม่จำกัดและไม่มีวันหมดอายุ

ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC