"เศรษฐศาสตร์" เป็นคณะยอดนิยมที่คะแนนสอบเข้าสูงติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ เนื่องจากเป็นสาขาวิชาที่ครอบคลุมหลายด้าน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจกลไกทางเศรษฐกิจ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายในสายงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ยังสามารถต่อยอดไปสู่สายอาชีพอื่น ๆ ได้อีกมากมาย เช่น นักการตลาด ฝ่ายผลิต นักวางกลยุทธ์ เป็นต้น ใครที่กำลังสนใจคณะนี้ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่หรือนักเรียนที่กำลังเตรียมสอบเข้า ก็สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ รวมถึงฐานเงินเดือนได้จากบทความนี้
เศรษฐศาสตร์ (Economics) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์และระบบเศรษฐกิจ
เศรษฐศาสตร์ คืออะไร
เศรษฐศาสตร์ (Economics) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์และระบบเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ครอบคลุมทั้งด้านการบริโภค การผลิต การกระจายสินค้าและบริการ รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งวิชาเศรษฐศาสตร์ถือเป็นอีกหนึ่งแขนงวิชาของสังคมศาสตร์ เพราะต้องเรียนรู้ ศึกษา และวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ ระบบเศรษฐกิจ และบริหารทรัพยากร
เศรษฐศาสตร์ มีสาขาอะไรบ้าง
ภาคเศรษฐศาสตร์ จะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค ที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์การตัดสินใจของผู้บริโภคและธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์มหภาค สำหรับการศึกษาระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวม เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และการว่างงาน นอกจากนี้ เศรษฐศาสตร์มีแขนงสาขาวิชาเฉพาะ ได้แก่
- เศรษฐศาสตร์การเงิน (Monetary Economics) ให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับตลาดการเงิน การลงทุน และการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ จะเน้นการเรียนโดยใช้ตัวเลข และวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก
- เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Economics) ศึกษาอิทธิพลของปัจจัยทางจิตวิทยาและสังคม ต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ ซึ่งคุณจะต้องวิเคราะห์ และวิจัยพฤติกรรมมนุษย์
- เศรษฐศาสตร์แรงงาน (Labour Economics) เนื้อหาการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดแรงงาน และนโยบายที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก ซึ่งเศรษฐศาสตร์แขนงนี้สามารถนำไปต่อยอด ในสายอาชีพที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับแรงงาน
- เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (International Economics) เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ การเงินระหว่างประเทศ และการเคลื่อนย้ายทุน โดยจะต้องเรียนรู้ดุลการค้า อัตราแลกเปลี่ยน หรือข้อตกลงระหว่างการค้าเสรี
- เศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม (Environmental Economics) มีเนื้อหาหลักคือ ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เมื่อเรียนจบแล้วสามารถไปทำงานเป็นนักวิจัยสิ่งแวดล้อม หรือเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม
- เศรษฐศาสตร์เชิงปริมาณ (Quantitative Economics) วิชาที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอ่านค่าสถิติ และวิเคราะห์ข้อมูล โดยต้องเรียนรู้การใช้เครื่องมือคณิตศาสตร์เป็นหลัก
- เศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม (Industrial Economics) เป็นสาขาวิชาที่น่าสนใจ เพราะจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ในแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม พร้อมกับต้องศึกษาพฤติกรรม วิเคราะห์โครงสร้าง และจัดสรรทรัพยากร
- เศรษฐศาสตร์ดิจิทัล (Digital Economics) หนึ่งในแขนงวิชาที่กำลังมาแรง เพราะเกี่ยวข้องกับเทรนด์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งคุณจะได้ศึกษาเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลและเทคโนโลยี อย่างเช่น สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ
จบเศรษฐศาสตร์ทํางานอะไรได้บ้าง
ข้อดีของการเรียนจบเศรษฐศาสตร์ คือการสมัครงานได้อย่างหลากหลาย และสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มาต่อยอดในการทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ อีกทั้งยังเลือกเรียนต่อ หรือลงคอร์สออนไลน์เพื่อสร้างทักษะพิเศษให้ใบประวัติยื่นสมัครงานของคุณโดดเด่น ตัวอย่างตำแหน่งงานที่เหมาะกับผู้เรียนจบเศรษฐศาสตร์ ได้แก่
- นักวิเคราะห์การเงิน (Financial Analyst) วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน และให้คำแนะนำสำหรับการลงทุน
- นักวิเคราะห์ตลาด (Marketing Analyst) ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มตลาด
- นักการตลาด (Marketing) ที่สามารถนำความรู้เศรษฐศาสตร์มาใช้ทำการตลาด เพิ่มยอดขาย และคิดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย
- นักวางแผนการลงทุน (Investment Planner) ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย
- นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Economic Analyst) คาดการณ์ผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่งต้องใช้ทักษะในการวิเคราะห์เป็นหลัก
- ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) มีหน้าที่ดูแลการลงทุนของผู้ซื้อกองทุน รวมถึงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุน
- นักวิจัย (Researcher) ศึกษาและทำวิจัยเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่
- นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยม เพราะผลตอบแทนสูง และเป็นที่ต้องการขององค์กรใหญ่ โดยอาศัยหลักการคิดวิเคราะห์ และสรุปข้อมูล
- นักวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risk Analyst) ประเมินความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร ซึ่งมีโอกาสได้ทำงานในองค์กรใหญ่
เรียนเศรษฐศาสตร์ ตกงานไหม
ผู้ที่เรียนจบเศรษฐศาสตร์มีความเสี่ยงต่อการตกงานต่ำ เพราะผู้มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เป็นที่ต้องการขององค์กรหลายแห่ง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพต่าง ๆ จึงทำให้มีโอกาสในการทำงานสูง และนำทักษะไปปรับใช้ได้ในหลายตำแหน่ง
ทำงานเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ควรเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการประยุกต์ใช้ทักษะที่มีกับตำแหน่งงานต่าง ๆ และเพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายงาน โดยสามารถพัฒนาทักษะและคุณสมบัติในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้
- ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis Skill) ทักษะที่ต้องฝึกฝนทั้งในขณะที่เรียน หรือทำงาน เพราะจำเป็นที่ต้องใช้วิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐศาสตร์ต่าง ๆ รวมถึงยังช่วยให้คุณเติบโตในสายงาน ต่อยอดเป็นนักวิเคราะห์ หรือที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐศาสตร์ได้
- ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) เป็นทักษะที่สำคัญ แนะนำให้หมั่นฝึกฝนทักษะนี้ เพราะนักเศรษฐศาสตร์ต้องสามารถวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจได้แม่นยำ และมีความสมเหตุสมผล ในขณะเดียวกันก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วย
- ทักษะเศรษฐมิติ (Econometrics) แม้จะเป็นทักษะที่ต้องใช้ความรู้เชิงลึก แต่ถ้าหากคุณมีทักษะด้านนี้ จะช่วยให้เติบโตในสายงานที่ต้องใช้ศาสตร์นี้อย่างแน่นอน เพราะสามารถใช้พยากรณ์ความเป็นไปด้านเศรษฐกิจ ประเมินผลนโยบาย และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางเศรษฐศาสตร์
- ทักษะการนำเสนอข้อมูล (Data Visualization) นอกจากการคิดวิเคราะห์ การนำเสนอข้อมูลเป็นทักษะที่นักเศรษฐศาสตร์ควรมี เพราะสำคัญต่อการนำเสนอผลงาน หรือสรุปรวบรวมข้อมูลสำคัญให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้
- ทักษะการบริหารโครงการ (Project Management) หากคุณต้องการเติบโตทางสายงานบริหาร หรือเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีม ทักษะนี้เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ เพราะจำเป็นมากต่อการบริหารโครงการ บริหารทีม หรือปรับใช้ในการบริหารกลยุทธ์
สายงานเศรษฐศาสตร์เงินเดือนเริ่มต้น - สูงสุดเท่าไหร่ในปี 2568
ถ้าหากว่าคุณทำงานที่อาศัยทักษะความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ฐานเงินเดือนเริ่มต้น และสูงสุดจะค่อนข้างกว้าง โดยเกี่ยวโยงกับปัจจัยทางด้านประสบการณ์ หรือทักษะพิเศษ โดยเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่จะอยู่ที่ 20,000 บาท เป็นต้นไป และอาจมีจำนวนสูงสุดได้มากกว่า 200,000 บาท หรือหลัก 1,000,000 บาท ถ้าหากคุณเปิดบริษัท หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ
ตัวอย่างบริษัทที่รับคนที่จบเศรษฐศาสตร์
จุดเด่นของคนที่เรียนจบเศรษฐศาสตร์ คือมีโอกาสทำงานได้หลากหลายตำแหน่ง และมีโอกาสเติบโตในบริษัททุกรูปแบบ ถ้าหากคุณมองหาไอเดียในการสมัครงาน โดยใช้ทักษะเศรษฐศาสตร์ที่มี แนะนำบริษัทที่มีตำแหน่งเปิดรับสมัครสำหรับคนที่จบเศรษฐศาสตร์ ดังนี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) หรือธนาคารกลางแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรใหญ่ที่มีความมั่นคง และมีชื่อเสียง มีหน้าที่หลักคือดูแลสถาบันการเงิน รวมถึงการควบคุม ตรวจสอบสถาบันการเงินในประเทศไทย เปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์หลายตำแหน่ง
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT Public Company Limited) บริษัทรัฐวิสาหกิจรูปแบบบริษัทมหาชนจำกัดใหญ่ในประเทศไทย มีธุรกิจหลักคือแก๊สและน้ำมัน มีตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะเศรษฐศาสตร์ การบริหาร นักวิเคราะห์วางแผนเศรษฐศาสตร์ และตำแหน่งการใช้ทักษะเฉพาะทาง
- บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CP All Public Company Limited) ถ้าอยากเติบโตทางสายอาชีพเศรษฐศาสตร์ บริษัท ซีพี ออลล์ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูง มีตำแหน่งหลากหลาย ทั้งในระดับพนักงานทั่วไป นักวิเคราะห์ ที่ปรึกษา ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง
- บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) หรือที่รู้จักกันในชื่อ SCG บริษัทธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่งที่ใช้ทักษะเศรษฐศาสตร์ ถือว่าเป็นองค์กรใหญ่ที่มั่นคง น่าเชื่อถือ และมีโอกาสเติบโตในสายงานสูง
- บริษัท Deloitte มีชื่อเสียงในวงการนักบัญชี และออดิท (Audit) เป็นบริษัท Big4 ที่เปิดรับพนักงานหลายตำแหน่ง เน้นคนที่เรียนจบสาขาวิชาบัญชี และเศรษฐศาสตร์ เพราะต้องมีทักษะการคำนวณ การวิเคราะห์ และบางตำแหน่งระบุว่าต้องมีความรู้ทางด้านกฎหมายด้วย
สำหรับนักศึกษาจบใหม่จากคณะเศรษฐศาสตร์ หรือผู้ที่กำลังหางานด้านเศรษฐศาสตร์ ควรพัฒนาทักษะและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานและเติบโตในสายอาชีพนี้ การเรียนคอร์สเพิ่มเติมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต้องใช้ เพราะการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด สามารถเริ่มต้นการเรียนรู้ของคุณ ด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นในด้านการเงิน และลงเรียนคอร์สวิชาเศรษฐศาสตร์ออนไลน์ ได้โดยใช้บัตรเครดิต KTC ที่แบ่งชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษได้นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER สะสมไว้ใช้แทนเงินสด หรือแลกคะแนนรับส่วนลด/เครดิตเงินคืน กับหลากหลายร้านค้า
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC