การเปลี่ยนงาน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตการทำงาน ที่วัยทำงานหลายๆ คนเคยผ่านมา โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจ เทคโนโลยี รวมไปถึงตลาดแรงงานที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงระยะเวลาการทำงานในที่ๆ หนึ่งของคุณเอง เพราะโดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี ด้วยการทำงานที่เดิมๆ อาจทำให้หลายๆ คน รู้สึกหมดไฟในการทำงาน เบื่องาน และมีความสุขในการทำงานน้อยลง จึงทำให้มีคำถาม "เปลี่ยนงานดีไหม?" เกิดขึ้นมาในความคิดของคุณ
ฉะนั้น ในการพิจารณาว่าเปลี่ยนงานดีไหม นอกเหนือไปจากบริษัทใหม่ สภาพแวดล้อม เนื้องาน หรือหัวหน้างานแล้วนั้น ก็อาจจะต้องรวมไปถึงผลตอบแทนหรือสวัสดิการต่างๆ ประกอบกันด้วย
ฉะนั้น "ถ้าจะเปลี่ยนงาน ควรได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นเท่าไหร่กันล่ะ?" บทความนี้ จะพาคุณไปสำรวจปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงาน รวมถึงแนวทางการประเมินผลตอบแทนที่เหมาะสมกับประสบการณ์และความสามารถของคุณกัน
การเปลี่ยนงาน ส่วนมากจะขอเงินเดือนขึ้น ประมาณ 10-30%
เปลี่ยนงาน เงินเดือนขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ?
ปกติการเรียกเงินเดือนเมื่อเปลี่ยนงานใหม่มักอยู่ที่ประมาณ 10-30% ของรายได้ที่คุณได้รับจากบริษัทเดิม โดยรายได้ดังกล่าวควรรวมทั้งฐานเงินเดือน ค่าคอมมิชชัน หรืออื่นๆ ถ้ามี ซึ่งสูตรง่ายๆ ที่เว็บไซต์ JobsDB แนะนำคือการนำรายได้ต่อเดือนคูณ 12 รวมโบนัสประจำ เพื่อประเมินรายได้รวมต่อปี อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเงินเดือนใหม่อาจไม่ได้จำกัดแค่ตัวเลขเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ควรรวมถึงสวัสดิการอื่นๆ ที่บริษัทใหม่จะมีให้คุณเช่นกัน เช่น โบนัส สิทธิประโยชน์แบบยืดหยุ่น (Flexible Benefit) ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อความคุ้มค่าในภาพรวมด้วยเช่นกัน
เปลี่ยนงาน ควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ มีหลักคิดอะไรบ้าง ?
การเปลี่ยนงานเป็นโอกาสสำคัญที่จะปรับเงินเดือนให้เหมาะสมกับทักษะและประสบการณ์ของคุณ แต่ทั้งนี้ การเรียกเงินเดือนควรมีหลักคิด และการประเมินอย่างรอบคอบ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นง่ายๆ ว่าปกติการเรียกเงินเดือนเมื่อเปลี่ยนงานใหม่มักอยู่ที่ประมาณ 10-30% ทั้งนี้ การเปลี่ยนงานเป็นช่องทางของการเรียกเงินเดือนเพิ่มก็จริง แต่ปัจจัยหรือหลักการคิดอะไรบ้าง ที่คุณควรจะนำมาประมวลผลร่วมด้วยเช่นกัน
1.ดูรายได้ปัจจุบันและอัตราการปรับเงินเดือน
เริ่มต้นด้วยการประเมินฐานเงินเดือนในสายงานที่คุณทำ โดยลองดูราคากลางในตลาดทั่วไปว่า ปกติแล้วมีเรทอยู่ที่ประมาณเท่าไรจากเว็บหางานต่างๆ จากนั้น ดูเงินเดือนปัจจุบันของตัวเองว่าอยู่ในฐานดังกล่าวนี้แล้วหรือยัง หากอยู่ในฐานแล้ว ปกติการย้ายงานใหม่มักได้ปรับขึ้นประมาณ 10-30% ของเงินเดือนเดิม แต่สามารถปรับเพิ่มได้มากกว่านั้นหากคุณยังไม่ได้อยู่ในฐานดังกล่าว รวมไปถึงมีทักษะเฉพาะหรือประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด ทั้งนี้ การเรียกเงินเดือนใหม่ไม่ได้มีสูตรอะไรตายตัว ถึงคุณเรียกเงินไปสูงแต่หากคุณมีประสบการณ์ งานๆ นั้นต้องอาศัยทักษะเฉพาะด้าน คุณเองก็สามารถเอาจุดแข็งดังกล่าวนี้ มาใช้เรียกเงินได้สูงกว่าราคาตลาดได้เช่นกัน
2.สวัสดิการต่าง ๆ ของบริษัทใหม่
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่านอกจากเงินเดือนแล้วนั้น สวัสดิการและค่าตอบแทนอื่นๆ ก็ควรนำมาพิจารณาร่วมกัน อย่างบางบริษัทอาจมีการทำงานที่ยืดหยุ่น ทำงานแบบ Work from home หรือทำงานแบบ Hybrid เข้าออฟฟิศ 2-3 วัน เบิกค่าเดินทาง และค่าอินเตอร์เน็ตได้ หรือมีอาหารกลางวันให้รับประทานฟรี รวมถึงสามารถเบิกค่า Training อบรมต่างๆ เพื่อพัฒนาตัวเองได้ ทั้งหมดรวมๆ แล้ว ก็นับเป็นสวัสดิการที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายบางส่วนได้ จึงควรนำมาประกอบการพิจารณาเปลี่ยนงานใหม่เช่นกัน
3.ประเมินคุณค่าของตัวเอง ลักษณะงานใหม่และความท้าทายที่ต้องทำ
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีแล้ว การวิเคราะห์ทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่คุณสามารถนำมาช่วยพัฒนาบริษัทใหม่ได้คือสิ่งที่คุณต้องประเมินเช่นกัน โดยหากคุณมีความสามารถเฉพาะที่ตลาดต้องการสูง คุณก็สามารถเรียกเงินเดือนที่มากกว่า 30% ได้
นอกจากนี้ คุณควรพิจารณางานใหม่ที่คุณต้องทำเช่นกัน เพราะเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นย่อมตามมาด้วยภาระงานที่มากขึ้นและยากขึ้น ฉะนั้นอย่าลืมพิจารณาและสอบถามถึงสโคปงานให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะเรียกเงินเดือนหรือตกลงเซ็นสัญญา เพราะรายละเอียดเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่คุณต้องนำมาประเมินถึงความคุ้มค่ากับเงินเดือนที่จะเรียกไปด้วย ในทางกลับกัน หากคุณมองว่าความท้าทายหรือความยากในการทำงานเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทำให้คุณเติบโตในสายงาน หรือเป็นโอกาสที่ดีได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ได้พิจารณาเป็นตัวเงิน ก็ย่อมได้เช่นกัน
สรุปวิธีประเมินงานใหม่ ก่อนตัดสินใจย้ายงาน
เมื่อถามใจตัวเอง แล้วพร้อมที่จะเปลี่ยนงานแล้วนั้น เราจึงขอสรุปคร่าวๆ ให้คุณว่ามีวิธีประเมินบริษัทใหม่อย่างไรบ้างเพราะนอกจากเรื่องของเงินเดือนแล้ว อย่าลืมว่าต้องดูถึงความเหมาะสมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้การเปลี่ยนงานครั้งนี้นำไปสู่ความก้าวหน้าและความสุขในชีวิตการทำงานของคุณ
- ศึกษาข้อมูลบริษัท อย่างเรื่องของความมั่นคง วัฒนธรรมองค์กร โครงสร้างทีม และโอกาสเติบโตในระยะยาว
- เปรียบเทียบเงินเดือนและสวัสดิการ โดยคำนวณรายได้ใหม่ เปรียบเทียบกับงานปัจจุบัน อย่างที่กล่าวไปว่าปกติการย้ายงานใหม่มักได้ปรับขึ้นประมาณ 10-30% ของเงินเดือนเดิม แต่ทั้งนี้ ก็ควรพิจารณาสวัสดิการส่วนอื่นๆ ประกอบกันไปด้วย
- เช็กรายละเอียดตำแหน่งและเจ้านายใหม่ หากตำแหน่งที่ย้ายไป เป็นตำแหน่งเดิม ก็ควรเช็กดูว่าทำไมบริษัทใหม่ถึงเปิดรับตำแหน่งนี้ ทำไมคนเก่าถึงลาออก หรือหากเป็นตำแหน่งใหม่ที่บริษัทนั้นกำลังขยายทีม ก็ควรดูรายละเอียดว่าตำแหน่งนี้ทำงานด้านไหน ต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง รวมไปถึง หัวหน้างาน เป็นอย่างไร เข้ากับเราได้แค่ไหน มีวิธีการทำงานอย่างไร เป็นต้น
- พิจารณาการเติบโตในสายอาชีพ เช่น ประเมินว่าตำแหน่งใหม่สอดคล้องกับเป้าหมายในสายงานของเราและช่วยพัฒนาทักษะของเราได้หรือไม่ องค์กรที่เราเข้าไปทำให้โอกาสในการเติบโตมากน้อยแค่ไหน
- ประเมินวัฒนธรรมและคุณค่าขององค์กรใหม่ ว่าบริษัทหรือองค์กรที่เราจะย้ายไป ให้โอกาสการเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน ใช้เทคโนโลยีในการทำงานอะไรบ้าง และมีความท้าทายใหม่ๆ อะไรที่จะเพิ่มพูนศักยภาพของเรา เป็นต้น
เปลี่ยนงาน ยื่นภาษียังไง ?
ท้ายสุดนี้ อาจเป็นคำถามที่พบบ่อย ว่าเปลี่ยนงานเราควรยื่นภาษีอย่างไร สำหรับผู้ที่ลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วได้ที่ทำงานใหม่ มีวิธีการยื่นภาษีที่ง่าย เพียงแค่ต้องขอหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) จากบริษัทเก่า แล้วนำรายได้จากที่เดิมมารวมกับที่ใหม่ยื่นภาษีเงินได้ตามมาตรา 40(1) ได้ตามปกตินั่นเอง
ในทุกการเปลี่ยนงาน ไม่ว่าโอกาสมาแบบเปิดประตูรอ หรือว่าต้องค้นหาเอง ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพราะนับว่าต้องมีหลากหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาเข้าด้วยกัน ฉะนั้น จึงไม่ควรด่วนใจร้อนหรือตัดสินใจปุบปับเพียงเพราะเจอปัญหาที่ยากจะทนไหวจากงานเดิมของคุณ ซึ่งโดยสรุปแล้วนั้นการตัดสินใจที่ดี ก็ควรนำปัจจัยสำคัญมาประกอบการประเมิน ไม่ว่าจะเป็น รายได้ โอกาสการเติบโต และสวัสดิการ เพื่อให้การก้าวไปยังที่ใหม่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่า
และสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวสมัครงานใหม่ ต้องการซื้อเสื้อผ้าสัมภาษณ์งาน เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ใช้จ่ายผ่าน บัตรเครดิต KTC เป็นตัวช่วยทางการเงินได้ ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทุกๆ 25 บาท จะได้รับคะแนน KTC FOREVER 1 คะแนน และโปรโมชั่นผ่อน 0% สำหรับการใช้จ่ายสำคัญ เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับการเริ่มต้นใหม่อย่างมั่นใจและไร้กังวล
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC