ในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขาย เจ้าของธุรกิจ ผู้นำองค์กร หรือแม้กระทั่งพนักงานทั่วไป การพูดโน้มน้าวใจกลายเป็นหนึ่งในทักษะที่จำเป็นและทรงพลังที่สุด เพราะไม่ใช่แค่การพูดให้คนฟัง แต่คือการพูดให้คน "เชื่อ" และ "คล้อยตาม" ไปกับแนวคิดของเรา การพูดโน้มน้าวใจที่มีประสิทธิภาพสามารถเปลี่ยนแปลงความคิด และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จมักเป็นนักพูดที่ดี นักเจรจาที่ประสบความสำเร็จก็มักมีเทคนิคการโน้มน้าวใจที่แข็งแกร่ง KTC จะพาคุณไปรู้จักกับ "การพูดโน้มน้าวใจ" พร้อมเทคนิคการพูดให้คนซื้อของจากคุณ หรือเชื่อในแนวคิดที่คุณเสนอ
การพูดโน้มน้าวใจสำคัญอย่างไร ?
1. สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ
นักขายที่พูดโน้มน้าวเก่ง มักปิดการขายได้ง่ายกว่า ช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง การพูดที่ดีสามารถเปลี่ยนความลังเลของลูกค้าให้กลายเป็นความมั่นใจ
2. เสริมสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ
คนที่สามารถอธิบายไอเดียของตนเองได้อย่างมั่นใจและมีเหตุผล จะถูกมองว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และน่าติดตาม
3. เป็นทักษะที่ใช้ได้ทุกวัน
ไม่ว่าจะนำเสนอไอเดียในการประชุม ขอขึ้นเงินเดือน หรือแม้แต่ชวนเพื่อนร่วมทีมทำโปรเจกต์ หากมีทักษะพูดโน้มน้าวใจ ย่อมได้เปรียบเสมอ สามารถสร้างความร่วมมือและแรงสนับสนุนได้มากขึ้น
4. ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
การพูดโน้มน้าวที่ดีไม่ใช่การบังคับ แต่คือการเข้าใจอีกฝ่าย และทำให้เขายอมรับเราด้วยความเต็มใจ ความสามารถในการรับฟังและสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจจะทำให้คนรู้สึกเชื่อใจเรา
5. ส่งเสริมการเจรจาต่อรอง
ในธุรกิจหรือการเจรจาใด ๆ การโน้มน้าวใจคือหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนจากคู่เจรจาให้กลายเป็นคู่ค้า
6. สร้างภาวะผู้นำ
ผู้นำที่มีความสามารถในการโน้มน้าวใจจะสามารถพาทีมก้าวผ่านความท้าทาย และยอมรับแนวทางใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้นการพูดโน้มน้าวใจ เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพช่วยถ่ายทอดความคิด และมุมมองของเราให้ผู้อื่นเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น|
8 เทคนิคการพูดโน้มน้าวใจ
แนะนำเทคนิคการพูดโน้มน้าวใจที่ใช้ได้จริง เห็นผล และสามารถฝึกฝนได้ทุกวัน เพื่อเพิ่มพลังการสื่อสารของคุณให้คนยอมรับและคล้อยตาม
1. เริ่มจากการเข้าใจผู้ฟัง
- ทำการบ้านเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ ปัญหา หรือเป้าหมายของเขา
- ถามคำถามเพื่อเปิดใจ เช่น “ถ้าคุณสามารถลดต้นทุนได้ 20% ภายในเดือนนี้ จะดีไหม?”
- การทำความเข้าใจจิตวิทยาผู้ฟังช่วยให้คุณพูดในสิ่งที่เขาอยากฟังมากกว่าพูดในสิ่งที่คุณอยากพูด
2. ใช้หลัก 3E: Emotion – Evidence – Example
- Emotion: กระตุ้นอารมณ์ เช่น ความกลัว ความหวัง หรือแรงบันดาลใจ
- Evidence: ใช้ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงมาสนับสนุน เช่น สถิติ งานวิจัย
- Example: ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น ประสบการณ์ลูกค้า หรือเหตุการณ์จริง
- การใช้ 3 สิ่งนี้ร่วมกันจะทำให้สารที่คุณสื่อมีพลังทั้งในเชิงตรรกะและอารมณ์
3. ใช้ภาษากายและน้ำเสียงที่สอดคล้องกับคำพูด
- น้ำเสียงที่มั่นใจ น้ำเสียงอบอุ่น หรือจังหวะการพูดที่มีพลังช่วยสร้างอารมณ์ร่วม
- ท่าทางเปิด เช่น การสบตา การยิ้ม หรือการใช้มืออย่างเหมาะสมจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกเข้าถึงง่าย
4. เลือกใช้คำพูดที่ชัดเจนและเรียบง่าย
- หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะที่ผู้ฟังอาจไม่เข้าใจ
- ใช้ภาษาที่จับต้องได้ เช่น "คุณจะประหยัดเวลาได้วันละ 1 ชั่วโมง" แทนการพูดกว้าง ๆ ว่า "งานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
- คำพูดที่ชัดเจนช่วยลดความลังเลของผู้ฟังและเพิ่มโอกาสในการตอบสนอง
5. ใช้เทคนิค Storytelling
- เรื่องเล่าช่วยสร้างภาพในใจ ทำให้ผู้ฟังจดจำได้นานและเกิดอารมณ์ร่วม
- เลือกเรื่องที่สะท้อนคุณค่าหรือแนวคิดที่คุณต้องการสื่อ
- เช่น “เคสของลูกค้าคนหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตหลังใช้บริการเรา…”
6. สร้างความน่าเชื่อถือ (Credibility)
- อ้างอิงประสบการณ์ตรง ความสำเร็จในอดีต หรือการรับรองจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ
- การพูดด้วยความมั่นใจและมีข้อมูลรองรับจะช่วยให้คุณดูเป็นมืออาชีพ
- การแสดงความรู้ในสิ่งที่พูดยังช่วยลดความสงสัยจากผู้ฟัง
7. ใช้ Social Proof และหลักจิตวิทยาการตัดสินใจ
- การแสดงให้เห็นว่าคนอื่นเชื่อในสิ่งที่คุณเสนอ จะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกปลอดภัยที่จะเชื่อตาม
- เช่น “รีวิวกว่า 500 คนให้คะแนน 5 ดาว” หรือ “กว่า 10 บริษัทชั้นนำเลือกใช้บริการของเรา”
- หลักจิตวิทยาเช่น scarcity (มีจำนวนจำกัด) ก็สามารถกระตุ้นการตัดสินใจได้
8. ปิดท้ายด้วย Call to Action ที่ชัดเจน
- บอกให้ผู้ฟังรู้ว่าคุณต้องการให้เขาทำอะไรต่อ เช่น สมัครวันนี้ ทดลองใช้ฟรี หรือทำนัดเพื่อพูดคุย
- ใช้คำพูดที่ให้แรงจูงใจ เช่น “เริ่มวันนี้เพื่อเห็นผลลัพธ์ทันที” หรือ “อย่ารอจนพลาดโอกาสสำคัญ”
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.istrong.co/single-post/persuasive-psychology, https://www.baseplayhouse.co/blog/negotiate-dealการพูดโน้มน้าวใจไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยการวางแผน ความเข้าใจจิตวิทยาผู้ฟัง และการสื่อสารอย่างชาญฉลาด แต่สำหรับการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดก็ต้องบัตรเครดิต KTC ที่นอกจากจะสะดวกสบายในการใช้จ่ายแล้ว ยังให้สิทธิประโยชน์อีกมากมาย อาทิ ส่วนลดจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ คะแนน KTC FOREVER ที่สามารถสะสมได้ไม่จำกัด ไม่มีวันหมดอายุ ใช้แลกรับเป็นเครดิตเงินคืนได้ และยังสามารถเปลี่ยนยอดชำระเต็มเป็นยอดผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษได้ หรือจะเปลี่ยนวงเงินคงเหลือในบัตรฯ เป็นเงินสดโอนเข้าบัญชี เมื่อมีเหตุใช้จ่ายยามจำเป็นก็ได้ ทั้งหมดนี้ให้คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองผ่านแอป KTC Mobile สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง อยู่ที่ไหนก็สมัครได้
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC