ศัพท์ดิจิทัล การตลาดออนไลน์ ตัวช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ
ปัจจุบันโลกออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจ เพราะสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้การซื้อขายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงง่าย กลายเป็นที่รู้จัก และช่วยสร้างความมั่นคงในระยะยาว สำหรับธุรกิจที่กำลังผันตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ นอกจากการวางแผนในสร้างธุรกิจ ให้ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่แล้ว การเรียนรู้ศัพท์ทางการตลาดที่มีความเฉพาะเจาะจง เป็นกลยุทธ์การตลาดสำคัญ ที่ช่วยให้การสื่อสารหรือการดีลงานกับบริษัทคู่ค้าเป็นเรื่องง่าย บทความนี้ KTC รวบรวมคำศัพท์การตลาดออนไลน์ ที่พบบ่อย ใช้ได้จริง เพื่อให้เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ที่รับหน้าที่คุยงานกับฝ่ายการตลาดเข้าใจศัพท์เทคนิค ช่วยให้การคุยงานราบรื่นและบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ
คำศัพท์ Digital Marketing สำคัญอย่างไร?
ศัพท์การตลาดออนไลน์ หรือ คำศัพท์ Digital Marketing เป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องง่าย ส่งผลให้การอ่านบทความหรือพูดคุยกับคนในวงการเข้าใจตรงกันมากขึ้น ดังนั้นหากธุรกิจของคุณมีความจำเป็นต้องคุยงานกับลูกค้า หรือดีลงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กร โดยเฉพาะการทำธุรกิจ B2B ที่หากไม่เข้าใจศัพท์การตลาดยุคใหม่ อาจส่งผลให้คุณ “ทำงานยาก” และพลาดโอกาสครั้งสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย ที่สำคัญการไม่เข้าใจความหมายของคำศัพท์ อาจทำให้ธุรกิจเลือกเครื่องมือมาใช้ไม่เหมาะสม และไม่สามารถดึงประสิทธิภาพออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างที่ควรเป็น ในขณะเดียวกันหากคุณเลือกใช้ศัพท์ต่าง ๆ อย่างถูกต้อง นำข้อมูลที่ได้มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกับการดำเนินธุรกิจเช่นกัน สำหรับประโยชน์ของการเข้าใจศัพท์ Digital Marketing หลัก ๆ พร้อมตัวอย่างประกอบ ดังนี้
การทำการตลาดอย่างเหมาะสม ช่วยให้การเข้าถึงง่ายขึ้น
1. เลือกใช้เครื่องมืออย่างเหมาะสม
ตัวอย่าง หากธุรกิจเน้น Awareness หรือการทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักและจดจำแบรนด์หรือสินค้า ที่สามารถใช้ Engagement หรือการมีส่วนร่วมของลูกค้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง โดยสิ่งจำเป็นคือตัวเลข Impression และ Reach ที่มีความหมายคล้ายกัน คือ จำนวนการแสดงหรือการมองเห็นโฆษณา ที่ธุรกิจลงผ่านช่องทางนั้น ๆ จนกลายเป็น Frequency ความถี่หรืออัตราการแสดงผล ซึ่งอัตราความถี่จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการแสดงผล และช่วยบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มีผลต่อ Performance มากน้อยเพียงใด ทั้งยังเป็นการนับจำนวนที่มีผลต่อ KPI ได้อีกด้วย
2. ช่วยต่อยอดในการทำการตลาด
หลังจากที่ช่วงแรกเน้นการทำธุรกิจแบบ Awareness ที่ทำให้คนจำนวนมากมองเห็นสินค้า ขั้นตอนต่อมาคือการนำข้อมูลส่วนดังกล่าวมาต่อยอด ด้วยการทำการตลาดในรูปแบบอื่น ๆ เช่น Remarketing หรือการขยายกลุ่มเป้าหมาย ที่มีโอกาสกลายเป็นลูกค้าในอนาคต โดยการตลาดรูปแบบดังกล่าว สามารถพบได้ขณะที่ผู้บริโภคใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งลูกค้าอาจกำลังกดดูสินค้าบางอย่างแต่ไม่ได้ตัดสินใจซื้อทันที หรือเคยซื้อสินค้ากลุ่มนี้มาก่อนแล้ว ระบบจะทำการสร้างโฆษณาสินค้าเดียวกันในพื้นที่อื่น ๆ ทั้งในฟีดโซเชียลและเว็บข่าว เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคพิจารณาและตัดสินใจซื้อใหม่อีกครั้ง
3. สามารถตั้ง KPI เพื่อใช้วัดคุณภาพในอนาคต
นอกจากการกำหนดเป้าหมายการตลาดให้เหมาะกับประเภทธุรกิจ การตั้ง KPI เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดในอนาคต เป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม ดังนั้นการรู้คำศัพท์และเข้าใจหลักการทำงานของการตลาดออนไลน์ ช่วยให้ธุรกิจเกิดการสร้าง Business Goal และรู้ขั้นตอนว่าต้องใช้เครื่องมือไหนในการวัดคุณภาพ เช่น ธุรกิจสร้างแคมเปญขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เป็นแคมเปญที่ต้องการทั้ง Impression, Reach และ CTR (เปอร์เซ็นการ Click ต่อจำนวนโฆษณา) วิธีนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถประมาณผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อเป็นตัวชี้วัดว่าแคมเปญประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด เป็นต้น
ศัพท์ทางการตลาด พร้อมความหมาย ตัวช่วยสร้างความมั่นคงธุรกิจ
- Awareness : การสร้างโอกาสในการเข้าถึงสินค้า ด้วยการทำให้ชื่อธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการกลายเป็นที่รู้จักและเกิดการจดจำจากผู้บริโภค
- Affiliate Marketing : การทำการตลาดผ่านพื้นที่อื่น ๆ เช่น เว็บไซต์ข่าว ยูทูป โดยที่เจ้าของพื้นนั้น ๆ มักได้รับค่าตอบแทนในการขายสินค้าและบริการ
- Analytics : เครื่องมือวิเคราะห์ผล วัดผล ตลอดจนพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ทราบความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และความคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซต์ เพจ หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุง และพัฒนาเว็บไซต์ได้อีกด้วย
- BOT : โปรแกรมจัดการข้อมูลอัตโนมัติ มักใช้สำหรับการทำงานง่าย ๆ ที่เกิดการทำซ้ำ ๆ เพื่อประหยัดแรงคน เช่น โปรแกรมพูดคุยตอบคำถาม (Chatting Bot) ในแอปพลิเคชัน
- Bounce Rate : อัตราการเข้าชมเว็บไซต์และออกไปโดยไม่ทำอะไรต่อ หากค่า Bounce Rate มีจำนวนมาก หมายถึงว่าคอนเทนต์หรือหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ไม่น่าติดตาม หรือไม่มีสิ่งที่ผู้อ่านตามหา
- Content Management System (CMS) : ระบบซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่ปรับเนื้อหาออนไลน์
- Click Through Rate (CTR) : เปอร์เซ็นการ Click ต่อจำนวนโฆษณา เป็นสิ่งที่ช่วยชี้วัดว่าเมื่อมีผู้มองเห็นโฆษณาแล้ว เกิดการตัดสินใจเข้าถึงรายละเอียดของข้อมูลมากน้อยเพียงใด หากค่า CTR สูง หมายถึงโฆษณามีความน่าสนใจ และเป็นผลดีต่อการประเมิน CPC
- Cost Per Click (CPC) : อัตราค่าใช้จ่ายในการโฆษณาต่อการ Click 1 ครั้ง หากมีการโฆษณาลงบนพื้นที่ของผู้อื่น ผู้ซื้อจำเป็นต้องจ่ายเงินเมื่อมีผู้ Click บนพื้นที่นั้น ๆ และยิ่งเป็นจุดที่มองเห็นโฆษณาได้ชัดเจน ราคามักสูงกว่าจุดอื่น ๆ
- Dashboard : หน้าแสดงผลรวมของรายงาน หรือหน้าแสดงผลสรุปข้อมูลในมุมมองต่าง ๆ ที่ช่วยให้ง่ายต่อการนำไปใช้ประโยชน์เชิงวิเคราะห์
- Domain : ชื่อของเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น www.zxc.com
- Campaign Objective : วัตถุประสงค์ของการทำแคมเปญออนไลน์ เช่น ต้องการยอดผู้ติดตาม ยอดวิว ยอดการลงทะเบียน เป็นต้น
- Engagement : การมีส่วนร่วมต่าง ๆ จากผู้ติดตามเพจ เช่น ยอด Like, Share และ Comment อีกทั้งการมีส่วนร่วมที่ดี ยังช่วยให้เพจกลายเป็นที่จดจำ จนนำไปสู่ Awareness
- E–Commerce : รูปแบบการดำเนินธุรกิจและการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์
- Evergreen content : คอนเทนต์ที่เนื้อหามีคุณภาพ มีคุณค่า และให้ประโยชน์กับผู้อ่านในระยะยาว
- Hashtag : เป็นเครื่องหมาย (#) ที่ตามด้วยคำ วลี หรือประโยคที่น่าสนใจ และมีคนค้นหาเยอะ สามารถใช้ได้ทั้งกับแคปชันรูปภาพ วิดีโอ หรือภายในบทความก็สามารถใช้ Hashtag ได้เช่นกัน
- Impression/ Reach : สำหรับ Impression คือจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาออกไป และแม้ผู้ที่เห็นโฆษณาจะเป็นคนเดิม แต่ก็ยังมีการนับจำนวน Impression ต่อไป แตกต่างจาก Reach ที่จะนับเพียงจำนวนคนที่เห็นโฆษณาเท่านั้น ตัวอย่าง หากมีการส่งโฆษณาออกไป และมีคนเห็นจำนวน 1 คน โดยบุคคลดังกล่าวมีการรับชมโฆษณา 5 ครั้ง ดังนั้นจึงนับเป็น 5 Impression 1 Reach เป็นต้น
- Inbound Marketing : เป็นเทคนิคการตลาด ที่ช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาในพื้นที่ของธุรกิจ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ โดยเน้นการสร้างและมอบประโยชน์ให้กับลูกค้า
- Influencer : เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ และช่วยสร้างแรงจูงใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ โดยบุคคลดังกล่าวไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นใคร ดารา นักร้อง นักการเมือง หรือแม้แต่บุคคลธรรมดา ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว + ผู้ติดตาม ก็สามารถทำได้
- Keyword : คำหรือประโยคที่มีคนค้นหาในอินเทอร์เน็ต และต้องเป็นจำนวนค้นหาที่มากพอ จึงจะให้ผลดีสำหรับการทำโฆษณาและการเขียนคอนเทนต์
- KPI (Key Performance Indicator) : เป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของงาน ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งข้อมูลพฤติกรรม ความคิดเห็นของผู้ใช้ ประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และอื่น ๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบ พร้อมวิเคราะห์หาจุดบกพร่องที่นำไปสู่การพัฒนา
- Lead : จำนวนผู้ที่ติดต่อ หรือลงทะเบียนพร้อมข้อมูลสำหรับการติดต่อกลับ
- Organic traffic : จำนวนการเข้าชมที่เกิดจากการ Click เข้ามายังเว็บไซต์จากหน้าค้นหา โดยที่ธุรกิจไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา
- Quality Score : คะแนนโฆษณาที่ปรากฎบน Google Ads หากคะแนนสูงหมายถึงมีประสิทธิภาพ
- Referral traffic : การเข้ามายังเว็บไซต์จากหน้าเว็บไซต์หรือเว็บเพจอื่น ที่ไม่ได้มาจากระบบค้นหา
- Search Engine Optimization (SEO) : เป็นการทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของการค้นหา โดยไม่มีการใช้เงินเพื่อซื้อโฆษณา แต่มีการปรับโครงสร้างเว็บ พัฒนาเนื้อหา และใช้ Keyword รวมไปถึงองค์ประกอบอื่น ๆ เพื่อให้เนื้อหามีคุณภาพ
- Search Engine Marketing (SEM) : การทำการตลาดบนอินเทอร์เน็ต ด้วยการจ่ายเงินเพื่อโปรโมทเว็บไซต์ของตัวเอง ช่วยให้คนมองเห็นได้มากขึ้น มีหลักการคล้ายกับการทำ SEO ตรงที่มีการใช้ Keyword และการสร้างเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
- Search volume : จำนวนที่มีคนค้นหา Keyword ผ่านอินเทอร์เน็ต
- Submission : การลงทะเบียนยืนยันตัวตนเว็บไซต์กับ Search Engine เพื่อใช้สำหรับการเก็บข้อมูล
- Traffic : จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ต่อวัน สัปดาห์ หรือเดือน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ KPI
- View : จำนวนผู้เข้ารับชมวิดีโอ
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างศัพท์การตลาดออนไลน์ ที่เจ้าของธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อการประชาสัมพันธ์ และทำการตลาดควรทราบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ พร้อมนำไปประยุกต์กับกิจการได้อย่างเหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่ากลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ไม่ได้มีเพียงศัพท์ทางการตลาดเท่านั้นที่สำคัญ แต่ยังมีอีกหลายเทคนิคที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะการดึงดูดลูกค้าด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย CRM ที่ช่วยรักษาฐานลูกค้าเก่า พร้อมเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าขาจร ให้กลายเป็นลูกค้าประจำในระยะยาว ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และวางกลยุทธ์ทางการค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ด้วยการใช้ฐานข้อมูลลูกค้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
MAAI BY KTC เครื่องมือสำหรับการทำธุรกิจ
หนึ่งตัวเลือกการนำเครื่องมือ CRM มาใช้กับธุรกิจที่น่าสนใจ คือการจัดทำบัตรสะสมแต้มดิจิทัล หรือบัตรสะสมคะแนน เพื่อมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้ลูกค้าที่มีการซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ อย่าง บริการ MAAI BY KTC เป็นตัวช่วยทางธุรกิจที่ช่วยรักษาฐานลูกค้า ด้วย Solution ที่เข้าใจมุมมองของการทำธุรกิจ มาในรูปแบบ Plug & Play แพลตฟอร์มสำเร็จรูป ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับแพลตฟอร์ม ที่ธุรกิจใช้สำหรับการขายสินค้าได้โดยตรง อีกทั้งเจ้าของธุรกิจยังสามารถจัดการระบบหลังบ้าน พร้อมกำหนดสิทธิประโยชน์ดี ๆ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรของ MAAI ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน โรงภาพยนตร์ และอื่น ๆ ได้ตามความต้องการ ใช้งานง่าย สะดวกสบาย แลก โอน สะสมคะแนนได้อย่างแม่นยำ ปลอดภัยด้วย Data Security ที่ได้มาตรฐาน หากธุรกิจของคุณสนใจในการทำ Digital Loyalty Platform ติดต่อสอบถามได้ที่ 02 123 5678