ทำความรู้จัก Remote Work คู่มือสร้างอาชีพในยุคดิจิทัล สำหรับคนรุ่นใหม่

บทบาทของการทำงานในยุคปัจจุบันกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เข้ามาพลิกโฉมวัฒนธรรมการทำงานทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย จากที่เคยเป็นเพียงทางเลือกเสริม การทำงานแบบ “Remote Work” ได้กลายเป็นอาชีพในกระแสหลัก และเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง คนรุ่นใหม่จำนวนมากหันมาสนใจและปรับตัวเข้ากับการทำงานในรูปแบบนี้มากขึ้น ด้วยความยืดหยุ่นและโอกาสที่เปิดกว้าง

ในบทความนี้ KTC จะพาไปทำความรู้จักกับ Remote Work ในทุกมิติ เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพในยุคดิจิทัลนี้

Remote Work คืออะไร และทำไมถึงมาแรง

“Remote Work” คือ การทำงานที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงถึงกัน โดยจะเป็นรูปแบบของการทำงานจากระยะไกล ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าสำนักงานใหญ่หรือสถานที่ทำงานตามปกติ พนักงานสามารถทำงานได้จากที่บ้าน ร้านกาแฟ Co-working Space หรือที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการทำงานและชีวิตประจำวัน

รู้จักความแตกต่างของ Remote Work, Work From Home (WFH) และ Hybrid Work

• Remote Work : เป็นคำที่กว้างที่สุด ครอบคลุมการทำงานจากที่ใดก็ได้ ไม่จำกัดเฉพาะที่บ้าน
• Work From Home (WFH) : เป็นรูปแบบหนึ่งของ Remote Work ที่เน้นการทำงานจากที่บ้านเป็นหลัก
• Hybrid Work : เป็นการผสมผสานระหว่างการทำงานที่ออฟฟิศและการทำงานจากระยะไกล พนักงานอาจเข้ามาทำงานที่สำนักงาน 2 - 3 วันต่อสัปดาห์ และทำงานจากที่บ้านในวันอื่น ๆ

สถิติการเติบโตของ Remote Work ทั่วโลกและในไทยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจนว่า การทำงานแบบ Remote Work กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดแรงงาน บริษัทชั้นนำทั่วโลกหลายแห่งได้ปรับนโยบายให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านหรือจากที่ไหนก็ได้ตามแต่ความสะดวก ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Remote Work เกิดขึ้นและแผ่ขยายจนได้รับความนิยมก็คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร อาทิ Video Conference (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์), แพลตฟอร์มการจัดการโปรเจกต์แบบออนไลน์ และระบบจัดเก็บข้อมูล ที่ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นทีมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

ประเภทของ Remote Work

Remote Work สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรและลักษณะงาน เช่น

• Full-time Remote : พนักงานทำงานจากระยะไกล 100% และไม่มีข้อกำหนดให้ต้องเข้าทำงานที่ออฟฟิศ
• Part-time Remote : พนักงานทำงานจากระยะไกลเป็นบางส่วน ซึ่งอาจจะมีข้อกำหนดให้เข้าทำงานที่ออฟฟิศ 1 - 2 วัน ต่อสัปดาห์
• Project-based Remote : เป็นการทำงานแบบโปรเจกต์ต่อโปรเจกต์ ส่วนใหญ่จะพบในการจ้างงานในกลุ่มฟรีแลนซ์

ทำไมการทำงานแบบ Remote Work ถึงตอบโจทย์คน Gen Z

คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z มีความสนใจในการทำงานแบบ Remote Work อย่างมาก ซึ่งก็มาจากปัจจัยดังนี้

• Work-life Balance : การทำงานแบบ Remote Work ให้ความยืดหยุ่นในการจัดสรรเวลาส่วนตัวกับการทำงาน ทำให้สามารถบริหารเวลาชีวิตได้สมดุลมากขึ้น
• ความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต : Remote Work สามารถทำงานได้จากทุกที่ ทำให้มีอิสระในการเดินทางหรือจัดการภารกิจส่วนตัวได้อย่างสะดวกสบาย
• การประหยัดค่าใช้จ่าย : Remote Work ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าอาหารนอกบ้าน และค่าเสื้อผ้าสำหรับแต่งตัวไปทำงาน
• เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง : Remote Work ช่วยให้ผู้ทำงานมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงเวลาในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม พัฒนาทักษะใหม่ ๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมตามความสนใจ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน

อาชีพและทักษะที่เหมาะกับ Remote Work

การทำงานแบบ Remote Work เปิดโอกาสให้กับหลากหลายอาชีพ โดยเฉพาะสายงานที่เน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์และอาศัยทักษะดิจิทัลเป็นสำคัญ อาชีพยอดนิยมสำหรับ Remote Work มีดังนี้

1. นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer)

Web Developer หรือ นักพัฒนาเว็บไซต์ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และระบบออนไลน์ต่าง ๆ โดยใช้ภาษาโปรแกรมมิ่งต่าง ๆ เช่น HTML, CSS, JavaScript, PHP หรือ Python ในปัจจุบันสายอาชีพนี้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เนื่องจากธุรกิจทุกประเภทมีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน ซึ่งก็คือการเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ งานพัฒนาเว็บไซต์สามารถทำงานได้โดยอาศัยเพียงคอมพิวเตอร์และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อีกทั้งการทำงานเป็นทีมร่วมกับนักพัฒนาคนอื่น ๆ ก็สามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ เช่น Zoom ในการติดต่อประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. นักออกแบบ UX/UI (UX/UI Designer)

UX/UI Designer เป็นผู้ออกแบบประสบการณ์การใช้งาน (User Experience) และส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) ของเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลต่าง ๆ ตำแหน่งงานนี้จำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้ใช้

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ การออกแบบเป็นงานที่ต้องการสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งหลาย ๆ คนสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดีกว่าเมื่อทำงานในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ อีกทั้งเครื่องมือออกแบบส่วนใหญ่ก็เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และการนำเสนอผลงานสามารถทำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้

3. นักเขียนคอนเทนต์ / นักเขียนข้อความโฆษณา (Content Writer / Copywriter)

Content Writer คือ นักเขียนบทความ บล็อกโพสต์ และสร้างเนื้อหาต่าง ๆ สำหรับเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ส่วนนักเขียนโฆษณา หรือ Copywriter จะเน้นการสร้างข้อความที่ชักจูงใจให้ผู้อ่านเกิดการกระทำ เช่น การซื้อสินค้าหรือใช้บริการ

เหตุผลที่สายงานนักเขียนเหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ การเขียนเป็นงานที่ต้องอาศัยเพียงอุปกรณ์และแรงบันดาลใจ นักเขียนสามารถเลือกช่วงเวลาทำงานได้อย่างยืดหยุ่นตามเวลาที่ตนเองมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นในตอนเช้า กลางคืน หรือเลือกสถานที่ที่ให้แรงบันดาลใจ

4. นักแปล (Translator)

Translator หรือนักแปล มีหน้าที่ในการแปลเอกสาร แปลข้อความบนเว็บไซต์ แปลหนังสือ รวมถึงสื่อต่าง ๆ จากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่ง ในยุคที่ผู้คนทั้งโลกเชื่อมต่อถึงกัน นักแปลเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะสายงานนักแปลที่เชี่ยวชาญด้านการแปลเอกสารทางธุรกิจ เทคนิค และสื่อดิจิทัล

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ งานแปลสามารถทำได้ทุกที่ที่มีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มออนไลน์มากมายที่เชื่อมโยงนักแปลกับลูกค้าทั่วโลก ทำให้นักแปลสามารถทำงานให้กับลูกค้าในหลายประเทศพร้อม ๆ กันได้

5.บล็อกเกอร์ (Blogger)

บล็อกเกอร์ (Blogger) เป็นสายงานนักเขียนที่สร้างสรรค์เนื้อหาภายใต้หัวข้อที่ตนเองถนัดหรือสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อาหาร เทคโนโลยี แฟชั่น หรือไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันบล็อกเกอร์สามารถสร้างรายได้ผ่านการโฆษณา การขายสินค้า หรือการเป็นพันธมิตรทางการตลาดกับแบรนด์ต่าง ๆ

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ การเป็นบล็อกเกอร์มีอิสระในการเลือกสถานที่ทำงานและเวลาทำงานได้อย่างสมบูรณ์ บล็อกเกอร์หลาย ๆ คนใช้การเดินทางเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เนื้อหา อีกทั้งยังเป็นสายงานที่สามารถรวบรวมข้อมูล ถ่ายภาพ และเขียนบทความได้จากทั่วทุกมุมโลก

6. ผู้จัดการโครงการ (Project Manager)

Project Manager หรือ ผู้จัดการโครงการ มีทำหน้าที่ในการวางแผน ประสานงาน และควบคุมการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย รวมถึงจัดสรรงบประมาณ และระยะเวลาให้เป็นไปตามกำหนด ซึ่งสายอาชีพนี้จะต้องมีทักษะในการสื่อสาร การจัดการเวลา และการแก้ไขปัญหา

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ สามารถทำงานโดยอาศัยเครื่องมือจัดการโครงการออนไลน์ได้ ทำให้การติดตามความคืบหน้าและการประสานงานทีมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพจากระยะไกล

7. ผู้ช่วยส่วนตัว (Virtual Assistant)

Virtual Assistant มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเสมือนในการให้บริการงานธุรการและงานสนับสนุนต่าง ๆ เช่น การจัดการอีเมล การนัดหมาย การวิจัยข้อมูล การจัดการโซเชียลมีเดีย หรือการดูแลงานด้านการตลาดออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการหรือบริษัทต่าง ๆ

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ งานผู้ช่วยเสมือนถูกออกแบบมาเพื่อการทำงานจากระยะไกลตั้งแต่แรก ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานเดียวกันกับนายจ้าง และสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ต่าง ๆ ในการสื่อสารและส่งมอบงานได้

8.ครูสอนพิเศษออนไลน์ (Online Tutor)

Online Tutor หรือ ครูออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการสอนภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ทักษะด้านเทคโนโลยี หรือทักษะต่าง ๆ ที่มีความต้องการในตลาด ครูออนไลน์ก็สามารถส่งต่อความรู้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลได้ ซึ่งจะสอนแบบตัวต่อตัวหรือเป็นคลาสขนาดใหญ่ก็สามารถทำได้เช่นกัน

เหตุผลที่อาชีพนี้เหมาะกับการทำงานแบบ Remote Work ก็เพราะ ในปัจจุบันหลักสูตรการสอนออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว มีแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์รองรับมากมาย เช่น Zoom, Google Meet, หรือ Microsoft Teams ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้การสอนจากระยะไกลมีคุณภาพเทียบเท่าการสอนแบบเผชิญหน้า

ทักษะสำคัญที่ต้องมี สำหรับการทำงานแบบ Remote Work

ไม่ว่าจะทำงานสายไหน การมีทักษะที่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดแรงงานจะช่วยให้การทำงานแบบ Remote Work ประสบความสำเร็จ ทั้งยังเพิ่มโอกาสได้ในการรายได้จากการทำงานรูปแบบนี้ด้วย

Hard Skills

Hard Skills เป็นทักษะเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับอาชีพโดยตรง เช่น ความเชี่ยวชาญในโปรแกรมที่จำเป็นในสายงาน การมีทักษะเขียนโค้ด ความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบกราฟิก และการมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล

Soft Skills

Soft Skills เป็นทักษะเสริมที่จะช่วยสนับสนุนให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

• การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการทำงานแบบ Remote Work จะไม่ได้เผชิญหน้ากันโดยตรง การมีทักษะสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
• การบริหารจัดการเวลาและการมีวินัยในตนเอง หมายถึง การมีทักษะในการบริหารตารางงานและทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดได้ด้วยตนเอง
• ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือการที่พนักงานสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดได้ด้วยตนเอง
• การปรับตัวและความยืดหยุ่น คือการมีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้
• ทักษะด้านเทคโนโลยี การมีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ

วิธีการพัฒนาทักษะสำหรับการทำงาน Remote Work

• พัฒนาทักษะด้วยตนเอง ผ่าน Online courses ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้จากแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง Coursera, Udemy และ Skillshare ซึ่งแต่ละคอร์สเรียนก็จะช่วยพัฒนาทักษะทั้ง Hard Skills และ Soft Skills
• การสร้าง portfolio online หรือ การรวบรวมผลงานผลงานไว้ในรูปแบบออนไลน์ เช่น GitHub สำหรับ Developer หรือบนเว็บไซต์ส่วนตัว
• การหาประสบการณ์เพิ่มเติมผ่าน freelance platforms โดยอาจลองรับงานฟรีแลนซ์ เพื่อสั่งสมประสบการณ์และสร้างผลงานให้ตนเอง
• การเข้าร่วมกลุ่มกับ Remote Workers คนอื่น ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์

ช่องทางการหางาน Remote Work

ผู้ที่สนใจการทำงานแบบ Remote Work สามารถหางานได้จากแพลตฟอร์มสมัครงานต่าง ๆ ดังนี้

เว็บไซต์สมัครงาน

• JobThai, JobsDB และเว็บไซต์ยอดนิยมอื่น ๆ : ในปัจจุบันเว็บไซต์สมัครงานยอดนิยมในไทย เริ่มมีประกาศเปิดรับตำแหน่งงานที่มีรูปแบบการทำงาน Remote Work มากขึ้น
• LinkedIn : แพลตฟอร์มสมัครงานที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่กำลังมองหาอาชีพที่มีตำแหน่งงาน Remote Work และในขณะเดียวกันก็เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้าง Connection ในสายอาชีพ

กลุ่มรับสมัครงานบนโซเชียลมีเดีย

• กลุ่มรับสมัครงานบน Facebook สำหรับ remote workers ในไทย : ปัจจุบันบนเฟซบุ๊กมีกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมตำแหน่งงาน Remote Work โดยเฉพาะ

ทริคการสร้างโปรไฟล์สมัครงานให้โดดเด่น

สำหรับเคล็ดลับในการสร้างโปรไฟล์มัครงานให้โดดเด่น มีดังนี้

การเขียน Resume สำหรับ Remote Work

การเขียน Resume ที่ดี ควรเน้นทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานระยะไกล เช่น ความมีวินัยในตนเอง ทักษะการบริหารจัดการเวลา และประสบการณ์การทำงานแบบ Remote Work (ถ้ามี)

การเขียน Cover Letter ที่เน้น Remote Work skills

การเขียนจดหมายสมัครงานที่เน้นแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเข้าใจและพร้อมสำหรับการทำงานแบบ Remote Work จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน

การใช้ประโยชน์จาก Social Media Professionally

การอัพเดทโปรไฟล์ LinkedIn หรือโปรไฟล์สมัครงานบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ให้ปัจจุบัน และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ จะช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับโปรไฟล์ของคุณ

เคล็ดลับการทำงานแบบ Remote Work ให้ประสบความสำเร็จ

ด้วยความที่ Remote Work เป็นรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นและมีอิสระมากกว่าการทำงานทั่ว ๆ ไป หลาย ๆ คนจึงอาจคิดว่า การทำงานเช่นนี้อาจไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จ หรือต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ แท้จริงแล้ว หากฝึกฝนให้ตนเองมี 2 อุปนิสัยนี้ หนทางสู่ความสำเร็จในสายอาชีพก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

1. การสร้างกิจวัตรที่ดี

อันดับแรกเริ่มต้นด้วยการมี Morning Routine ที่ดี ซึ่งอาจเป็นการเริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือทำสมาธิ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

ต่อมาคือ การหาเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของตนเอง (Work Schedule) โดยอาจสังเกตตนเองว่า ช่วงเวลาไหนที่คุณทำงานได้ดีที่สุด จากนั้นก็จัดตารางการทำงานให้สอดคล้องกัน

Break Management โดยอาจใช้เทคนิค Pomodoro ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดเวลาทำงาน 25 นาที และพัก 5 นาที หรือหาเวลาหยุดพักสั้น ๆ ในระหว่างวัน เพื่อคลายความเมื่อยล้าและเพิ่มความสดชื่นให้ตนเอง

สิ่งสุดท้ายคือ การกำหนดเวลาเลิกงานที่ชัดเจน (End-of-day Ritual) และหากิจกรรมบางอย่างทำหลังเลิกงาน เพื่อเป็นสัญญาณเตือนตนเองว่า วันนี้จบลงแล้ว เช่น การปิดคอมพิวเตอร์ การทำความสะอาดโต๊ะทำงาน หรือการออกไปเดินเล่นสูดอากาศ

2. การพัฒนาทักษะอาชีพอย่างต่อเนื่อง

Continuous Learning หรือ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณเท่าทันกระแสสังคม และขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มทักษะให้กับตนเอง

Professional Networking แม้จะทำงานจากระยะไกล แต่การสร้างเครือข่ายกับผู้คนในสายอาชีพเดียวกันยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้โดยการเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ หรือร่วมกลุ่มบนโลกออนไลน์กับคนในสายอาชีพเดียวกัน

Career Planning หรือ การวางแผนเส้นทางอาชีพในระยะยาว เป็นการกำหนดเป้าหมายและวิธีที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้น เพื่อให้คุณมองเห็นทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาตนเอง

ทั้งนี้ การทำงานแบบ Remote Work ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นรูปแบบการทำงานที่กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของคนรุ่นใหม่ในอนาคต ด้วยความยืดหยุ่นด้านเวลา โอกาสในการพัฒนาตนเอง และการประหยัดค่าใช้จ่าย หากคุณมีการเตรียมตัวที่ดี มีทักษะที่สอดคล้องกับการทำงาน และมีวินัยในตนเอง การสร้างอาชีพที่ประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลด้วย Remote Work ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน

และสำหรับพนักงานบริษัทที่ทำงานแบบ Remote Work การบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ทุกการใช้จ่ายทำได้ง่ายขึ้น บัตรเครดิต KTC เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหน หรือจะใช้ชำระค่าคอร์สเรียนออนไลน์ ก็สามารถทำได้อย่างคล่องตัว พร้อมรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ชีวิต Remote Work ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและคุ้มค่ามากขึ้นอีกด้วย

ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC