เทคนิคง่ายๆ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้ HR ประทับใจ และสะดุดตากับเรซูเม่ของคุณ คือการเพิ่มทักษะ หรือความสามารถพิเศษ ที่นอกจากจะเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองแล้ว ทักษะความสามารถพิเศษเหล่านี้ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าผู้สมัครงานรายอื่นๆ แนะนำหากใครยังไม่ได้ระบุความสามารถพิเศษในเรซูเม่ ลองเลือกดูไอเดีย 20 ความสามารถพิเศษดังต่อไปนี้ ซึ่ง KTC คัดสรรมาแล้ว ทั้งทักษะทั่วไป และทักษะเฉพาะทาง เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งาน ไปดูกันว่าจะมีความสามารถพิเศษด้านต่างๆ อะไรบ้าง
ทักษะความสามารถพิเศษเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้สมัครโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ
1.ทักษะภาษาอังกฤษ
ถือเป็นทักษะสำคัญและในปัจจุบันนี้หลายบริษัทได้กำหนดว่าคุณต้องมีทักษะภาษาอังกฤษ โดยปกติแล้วทักษะการใช้ภาษาอังกฤษจะถูกแบ่งออกเป็น ฟัง พูด อ่าน และเขียน และถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ระดับตามเกณฑ์ของ CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) ดังนี้
- A1 - Beginner
- A2 - Elementary
- B1 - Intermedia
- B2 - Upper Intermediate
- C1 - Advance
- C2 - Proficient
2.ความสามารถภาษาที่สาม
นอกจากภาษาอังกฤษ การฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาที่สามก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่หลายบริษัทมองหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทจากต่างประเทศที่มาจากจีน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี เพราะต้องใช้ติดต่อสื่อสารในองค์กร หรือพูดคุยกับลูกค้า อาชีพที่ใช้ภาษาที่สามเยอะที่สุด ได้แก่ พนักงานขาย (เซลส์) พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ไกด์ทัวร์ และอื่นๆ
3.ทักษะการพิมพ์
ถึงแม้จะเป็นทักษะที่ดูธรรมดา บางคนถึงขนาดตัดทักษะการพิมพ์ออก แต่ทักษะการพิมพ์เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญ และหลายบริษัทต้องการทราบว่าคุณพิมพ์ได้ไว และแม่นยำแค่ไหน มีหน่วยวัดเป็นจำนวนคำต่อวินาที หากใครมีสกิลพิมพ์เร็ว แนะนำให้ใส่ไปในเรซูเม่ด้วย
4.ทักษะการเขียน
เป็นทักษะที่ค่อนข้างยาก หากใครมีทักษะการเขียนทั้งภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ แนะนำให้ระบุให้ชัดเจนว่ามีทักษะในระดับใด เพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีทักษะนี้ และหลายๆ อาชีพนอกจากทักษะ Soft Skill อื่นๆ คุณจะต้องมีทักษะการเขียนด้วย ส่วนอาชีพที่ใช้ทักษะนี้มีทั่วไป ตั้งแต่นักเขียน ฝ่ายการตลาด (Marketing) HR และอื่นๆ อีกมากมาย
5.ทักษะการพูด
ศิลปะการพูดเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ แต่ค่อนข้างต้องใช้ประสบการณ์ในการพัฒนาทักษะนี้ และถ้าหากคุณมีทักษะนี้อยู่แล้ว สามารถพูดแนะนำ โน้มน้าว ต่อรอง หรือพูดอธิบายเรื่องราว รับรองเรซูเม่ของคุณจะเป็นที่โดดเด่นแน่นอน เพราะแทบจะทุกอาชีพจำเป็นต้องมีทักษะการพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาชีพครู ไกด์ทัวร์ ค้าขาย หรือพนักงานขาย (เซลส์)
6.ทักษะด้านคอมพิวเตอร์
ทักษะด้านคอมพิวเตอร์จำเป็นอย่างมากสำหรับบริษัท และตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ หรือ IT ที่ต้องการผู้สมัครที่มีทักษะและความเข้าใจ รวมถึงคุ้นเคยกับโปรแกรมต่างๆ แนะนำให้คุณระบุทักษะโปรแกรม หรือเครื่องมือที่ถนัด พร้อมระบุความสามารถให้ชัดเจนว่าถนัดด้านอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ถนัดการใช้ Wordpress ถนัดใช้ Microsoft หรือถนัดใช้ Google Drive เป็นต้น
7.ทักษะการใช้เครื่องมือ (Tools)
เครื่องมือที่ว่านี้คือเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ทำงาน เรียกว่า Tools ซึ่งตำแหน่งที่ต้องการทักษะนี้ มักเป็นตำแหน่งที่ต้องการหา Specialist หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เนื่องจากบางตำแหน่งมองหาผู้สมัครงานที่ต้องเข้ามาดูแลเครื่องมือนี้โดยเฉพาะ ส่วนมากเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ IT หรือโปรแกรมเมอร์
8.ทักษะการดีไซน์
ทักษะนี้อาศัยประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ หากใครมีทักษะดีไซน์ในสายอาชีพที่ต้องการ แนะนำให้ระบุชัดเจน รวมถึงโปรแกรมดีไซน์ที่คุณถนัด อย่างเช่น Photoshop, Canva, Procreate หรือโปรแกรมที่ใช้ออกแบบต่างๆ เทคนิคสำคัญคืออย่าลืมแนบผลงาน หรือ Portfolio ที่คุณมี
9.ทักษะการบัญชี
เป็นทักษะ Hard Skills ที่สามารถนำไปต่อยอดได้หลายอาชีพ ถ้าหากว่าคุณมีทักษะด้านบัญชี นอกจากตำแหน่งบัญชี ธุรการ หรือเซลส์แล้ว ยังสามารถสมัครงานในตำแหน่งสายงานด้านการตลาด (Marketing) รวมถึงอาชีพที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูล หรือทำกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ตัวเลขจากฐานข้อมูล (Data)
10.ทักษะความถนัดวิชาชีพ
ตำแหน่งที่ต้องอาศัยความถนัดด้านวิชาชีพ จะมีการระบุชัดเจนว่าคุณต้องมีทักษะด้านใดบ้าง ซึ่งส่วนมากจะเป็นอาชีพที่มองหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialist) ยกตัวอย่างเช่น หมอ พยาบาล นักวิจัย ครู และอื่นๆ
11.ทักษะการวิเคราะห์เชิงตรรกะ
หลายบริษัทเวลารับผู้สมัครมักจะให้ทำข้อสอบเชิงตรรกศาสตร์ เพื่อทราบแนวคิด และวัดระดับทักษะเชิงตรรกะของคุณ ดังนั้นถ้าหากใครมีจุดเด่นในทักษะนี้ ควรระบุลงไปในเรซูเม่ เพราะเป็นทักษะที่สำคัญ และจำเป็นต่อสายงานบางตำแหน่ง เช่น ครู นักกฎหมาย หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล
12.ทักษะความรู้ด้านกฎหมาย
อาชีพที่ต้องใช้ทักษะความรู้ด้านกฎหมาย ส่วนใหญ่แล้วมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย อาทิ ทนายความ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย พนักงานทวงหนี้ หรือเจ้าหน้าที่นิติกร หากคุณเรียนจบนิติศาสตร์ หรือมีประสบการณ์เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโดยตรง ระบุทักษะนี้ของคุณลงไปในเรซูเม่ได้เลย
13.ทักษะในการแก้ปัญหา
ทักษะการแก้ไขปัญหาเป็น Soft Skills ที่สำคัญ และหลายตำแหน่งจะพิจารณาเลือกผู้สมัครงานที่มีไหวพริบ และมีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาที่ดี แนะนำถ้าหากคุณเคยมีประสบการณ์แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรือมีทักษะนี้ ให้ระบุลงไปในเรซูเม่ และเตรียมตัวเพื่อตอบคำถาม หรือยกตัวอย่างสถานการณ์เพื่อเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน
14.ทักษะการทำงานเป็นทีม
Soft Skills ที่หลายบริษัทให้ความสำคัญ คือการทำงานเป็นทีม หรือ Team Player เพราะบริษัทส่วนใหญ่อาศัยการทำงานเป็นทีม เน้นความสามัคคี หรือช่วยเหลือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร และถ้าหากคุณมีประสบการณ์มาก่อน รับรองว่ามีแต้มต่อแน่นอน เพราะเป็นทักษะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
15.ทักษะความเป็นผู้นำ
ผู้ที่ต้องการสมัครงานในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม เป็นหัวหน้า หรือฝ่ายบริหาร ทักษะความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่ควรมี และหลายบริษัทมักระบุว่าต้องมี โดยคุณสามารถเพิ่มทักษะนี้ลงไปในเรซูเม่ พร้อมบอกเล่าเรื่องราวโดยย่อเกี่ยวกับประสบการณ์ความเป็นผู้นำ รวมถึงอย่าลืมเตรียมตัวตอบคำถามทดสอบความเป็นผู้นำหลังจากได้รับการตอบรับสัมภาษณ์งาน
16.ทักษะการตัดสินใจ
เมื่อคุณต้องการตำแหน่งที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ หรือต้องเป็นผู้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทักษะนี้จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะทักษะการตัดสินใจจะช่วยทำให้คุณเลือกตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ และแม่นยำ บางบริษัทจะทำการทดสอบ โดยยกสถานการณ์จำลองเพื่อวัดทักษะของคุณ แนะนำให้ตัดสินใจอย่างเป็นกลาง และเลือกรักษาผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก
17.ทักษะความคิดสร้างสรรค์
หลายคนคิดว่าทักษะความคิดสร้างสรรค์นั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับงานออกแบบ หรือดีไซน์เท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วทักษะความคิดสร้างสรรค์ หมายถึงการคิดค้นสิ่งแปลกใหม่ รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ในเชิงการตลาด และสายงาน Content ที่อาศัยทักษะนี้ เพื่อผลิตผลงานใหม่ๆ ให้น่าดึงดูด และตามเทรนด์
18.ทักษะการเรียนรู้
แม้คุณจะเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มากมากมาย แต่หลายครั้งที่สมัครงานใหม่ คุณจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติม อาจจะเป็นโปรแกรมที่คุณไม่เคยใช้ หรือขั้นตอนการทำงานในองค์กร ดังนั้นทักษะนี้จึงสำคัญมาก หากคุณเป็นคนเรียนรู้เร็ว และมีสกิลเปิดรับสิ่งใหม่ตลอดเวลา รับรองหางานใหม่ได้ไม่ยากแน่นอน
19.ทักษะการบริหารเวลา
เนื่องจากหลายอาชีพจำเป็นต้องมีทักษะการบริหารเวลา เพราะคุณอาจจะต้องเลือกความสำคัญ วางแผนการทำงานอย่างรอบคอบ และมีกำหนดเวลาการส่งงานที่ชัดเจน ดังนั้นทักษะการบริหารเวลาเป็นสิ่งที่ผู้สมัครควรมี หากใครมีประสบการณ์ในการบริหารเวลา เคยทำงานที่ต้องเน้นการบริหารเวลามาก่อน ใส่ลงไปในเรซูเม่ของคุณได้เลย
20.ทักษะการเจรจาต่อรอง (Negotiation)
การเจรจาต่อรอง เป็นหนึ่งในแขนงของทักษะการพูด แต่การเจรจาต่อรองนี้ มีความหมายว่าทักษะการสื่อสาร และทักษะการต่อรอง เพื่อให้ผลงานออกมาราบรื่น หรือต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท สำหรับตำแหน่งที่ใช้ทักษะนี้อย่างเห็นได้ชัดคือ พนักงาน Customer Service, เซลส์, HR หรือแม้แต่ผู้บริหารระดับสูง
ทักษะและความสามารถพิเศษทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น Hard Skills และ Soft Skills ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยาก และคุณสามารถหาคอร์สเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโต และได้งานในตำแหน่งที่สูงขึ้น หากใครสนใจคอร์สเรียนเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถ อย่าลืมใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC จะกี่คอร์สเรียน ก็สามารถเปลี่ยนยอดชำระเต็ม เป็นผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ย 0.74% สูงสุด 10 เดือน ง่ายๆ ผ่านแอป KTC Mobile สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ สมัครง่าย ไม่ต้องไปสาขา ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC