การลงทุนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาตัวเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสม่ำเสมอ หรือเป็นนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง “กองทุนตราสารหนี้” นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หากคุณกำลังสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ แต่ไม่แน่ใจว่ากองทุนตราสารหนี้ ตัวไหนดี ต้องลงทุนในช่วงไหน มีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถค้นหาคำตอบได้ในบทความนี้
กองทุนตราสารหนี้ คืออะไร ?
กองทุนตราสารหนี้ คือ กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
1.ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย
2.ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน เช่น ตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ โดยผู้ลงทุนในกองทุนเหล่านี้ จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อครบกำหนดอายุตราสารก็จะได้รับเงินต้นคืน
จุดเด่นของกองทุนตราสารหนี้
- ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น เนื่องจากตราสารหนี้มีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นระยะ และจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุของตราสาร
- กองทุนตราสารหนี้มีสภาพคล่องสูง มักเปิดให้ซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
- กระจายความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้หลายประเภท จึงลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารรายใดรายหนึ่ง
- ให้ผลตอบแทนที่คาดการณ์ได้ง่าย เพราะอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้มักกำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้สามารถคำนวณผลตอบแทนได้แม่นยำ
แม้ว่ากองทุนตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาอีก เช่น ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ดังนั้น ก่อนลงทุนควรศึกษาให้รอบคอบเพื่อให้สามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของตนเองก่อนลงทุนควรศึกษาให้รอบคอบเพื่อให้สามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของตนเอง
กองทุนตราสารหนี้ คือ กองทุนรวมที่นำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ที่คุ้นเคยคือ พันธบัตรรัฐบาล
ข้อควรรู้ก่อนลงทุนกองทุนตราสารหนี้
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ถือเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้สามารถเลือกกองทุนที่เหมาะสมและได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด ดังนี้
1. ประเภทของตราสารหนี้
กองทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐหรือเอกชนนั้นมีระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน โดยตราสารหนี้ภาครัฐนั้นมีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างจำกัด ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้
2. ความสัมพันธ์ระหว่างราคาตราสารหนี้กับอัตราดอกเบี้ย
ราคาของตราสารหนี้จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับอัตราดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาตราสารหนี้ก็จะลดลง หากอัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้ก็จะเพิ่มขึ้น
3. อัตราผลตอบแทน ระยะเวลา และดอกเบี้ยที่ได้รับ
อัตราผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับประเภทของตราสารหนี้ที่ลงทุน หากลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ผลตอบแทนก็มักจะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวด้วย แต่ถ้าไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากและต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ก็ควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
4. ความเสี่ยงของผู้ออกตราสาร
ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลมักมีความเสี่ยงต่ำมาก เนื่องจากรัฐบาลมีความสามารถในการชำระหนี้สูง อย่างไรก็ตาม หากเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน นักลงทุนควรตรวจสอบอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของผู้ออกตราสาร เช่น AAA, AA+, AA, AA-, A+ เป็นต้น อันดับที่สูงหมายถึงความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่อันดับต่ำอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น
5. การกระจายการลงทุน
การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไม่ควรเน้นลงทุนในประเภทเดียวกันหรือจากแหล่งเดียว ควรกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ จากหลายๆ แหล่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบต่อสินทรัพย์บางประเภท
การจับจังหวะลงทุนกองทุนตราสารหนี้
การเลือกเวลาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มีความสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า เนื่องจากราคาของตราสารหนี้มีความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยในทิศทางตรงกันข้าม อย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้
- หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาตราสารหนี้ก็จะลดลง
- หากอัตราดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้ก็จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้น การจับจังหวะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ควรพิจารณาทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ ตัวไหนดี ช่วงเวลาไหนที่เหมาะสม
- ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง
ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารกลางมักใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ราคาตราสารหนี้เพิ่มสูงขึ้น หากลงทุนในช่วงนี้ จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าตราสารหนี้ และควรเลือกกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว เพราะเมื่อดอกเบี้ยลดลง ตราสารที่มีอายุนานจะได้ผลตอบแทนดีกว่า
- ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะยาว
ในภาวะเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางมักขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาตราสารหนี้จะลดลง ทำให้กองทุนตราสารหนี้มีผลตอบแทนที่ต่ำลง หากจำเป็นต้องลงทุนในช่วงนี้ ควรเลือกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อป้องกันความผันผวน
- ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทรงตัว เหมาะกับการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง
เมื่ออัตราดอกเบี้ยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ราคาตราสารหนี้ก็มักจะไม่ผันผวนมากนัก สามารถเลือกลงทุนได้ทั้งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะยาว ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของผู้ลงทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากดอกเบี้ยของตราสารหนี้
ดังนั้น หากคุณต้องการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ การติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและสภาวะเศรษฐกิจ จะช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและความเสี่ยงต่ำ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อนการลงทุนเสมอ
และหากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มความสะดวกสบายในการจัดการการลงทุนและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การมีบัตรเครดิตสักใบเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ หรือการสร้างเครดิตเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูงในอนาคต
สมัครบัตรเครดิต KTC วันนี้ เพื่อช่วยให้คุณบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC จะได้รับคะแนน KTC FOREVER ที่สามารถนำไปแลกส่วนลด และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยให้การเงินของคุณเติบโตอย่างมั่นคง สนใจ สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC