พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม หนึ่งในประเด็นสำคัญของประเทศไทย ที่หลายคนเฝ้าติดตามถึงความคืบหน้าว่า สรุปแล้วจะมีการประกาศใช้เมื่อไหร่ และใจความสำคัญของบทกฎหมายนี้มีอะไรบ้าง เดี๋ยววันนี้ KTC เราจะพามาอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดของ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมให้กับทุกคนเอง
เลือกอ่านตามหัวข้อ
นิยามของสมรสเท่าเทียม คืออะไร
สมรสเท่าเทียม คือ การที่บุคคลสองคนสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้โดยไม่จำกัดเพศสภาพ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกัน สามารถมีสถานะทางกฎหมายเช่นเดียวกันกับคู่สมรสต่างเพศ โดยได้รับสิทธิ หน้าที่ และความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สิน การรับมรดก สิทธิในการตัดสินใจทางการแพทย์ หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่คู่สมรสพึงได้รับ
ทำไมสมรสเท่าเทียมถึงสำคัญ
การรับรองสิทธิในการสมรสเท่าเทียม ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความรัก และการยอมรับเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในหลายมิติที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านกฎหมาย สังคม และเศรษฐกิจ ดังนี้
ด้านสิทธิและกฎหมาย
สมรสเท่าเทียม เป็นการรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในการเลือกคู่ชีวิต และสร้างครอบครัว โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติเพราะรสนิยมทางเพศ การรับรองทางกฎหมายนี้จึงทำให้คู่รักเพศเดียวกันได้รับความคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ เช่น สิทธิในการรับมรดก สิทธิในการตัดสินใจทางการแพทย์แทนคู่สมรส และสิทธิในการจัดการทรัพย์สินร่วมกัน นอกจากนี้ ยังช่วยลดช่องว่างทางกฎหมายที่อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติในด้านต่าง ๆ เช่น การจ้างงาน การเช่าที่อยู่อาศัย หรือการรับบริการทางการแพทย์
ด้านสังคมและจิตใจ
การยอมรับการสมรสเท่าเทียม ส่งผลเชิงบวกต่อสภาพจิตใจ และความเป็นอยู่ของผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นอย่างมาก เพราะช่วยลดความรู้สึกแปลกแยก และการถูกตีตราทางสังคม จึงทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมอย่างเต็มภาคภูมิ นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความเข้าใจ และการยอมรับในสังคมวงกว้าง อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดสังคมที่เปิดกว้าง และเคารพในความแตกต่างซึ่งกันและกัน ซึ่งจะนำไปสู่การลดการเลือกปฏิบัติ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบต่าง ๆ ในทุกมิติ
มากไปกว่านั้น การรับรองสมรสเท่าเทียมยังมีผลต่อสถาบันครอบครัว โดยเปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย รวมถึงสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้เด็กในครอบครัวเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเต็มที่
ด้านเศรษฐกิจ
ในแง่เศรษฐกิจ สมรสเท่าเทียมมีผลกระทบเชิงบวกหลายอย่าง เช่น คู่สมรสเพศเดียวกันจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และสวัสดิการต่าง ๆ เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้มากขึ้นได้ และยังสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับประเทศหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น
1. การรับรองสมรสเท่าเทียม จะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน และการท่องเที่ยว เนื่องจากคู่รักเพศเดียวกันจากทั่วโลกอาจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายในการจัดงานแต่งงาน หรือมาฮันนีมูน
2. การส่งเสริมความเท่าเทียม และการยอมรับความหลากหลายในสังคม อาจช่วยดึงดูดนักลงทุน และบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
อัปเดตสถานการณ์สมรสเท่าเทียมประเทศไทย
หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2566 รัฐบาลใหม่ได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยบรรจุเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทำให้กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายได้ดำเนินต่อในสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ และผ่านความเห็นชอบในวาระที่สามเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567
การประกาศใช้ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เมื่อวุฒิสภามีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมในวาระที่สองและสาม ด้วยคะแนนเสียง 147 ต่อ 8 งดออกเสียง 4 เสียง ก่อนจะเตรียมประกาศใช้บังคับใช้จริงต่อไป
สาระสำคัญของ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมฉบับนี้
- การแก้ไขคำนิยามของการสมรสจาก "ชายและหญิง" เป็น "บุคคลสองคน" เพื่อเปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้
- การรับรองสิทธิ และหน้าที่ของคู่สมรสเพศเดียวกันให้เท่าเทียมกับคู่สมรสต่างเพศในทุกด้าน รวมถึงสิทธิในการรับมรดก การจัดการทรัพย์สิน และการตัดสินใจทางการแพทย์
- การอนุญาตให้คู่สมรสเพศเดียวกันสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้
- การแก้ไขถ้อยคำในกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับหลักการสมรสเท่าเทียม เช่น การเปลี่ยนคำว่า "สามี" และ "ภรรยา" เป็น "คู่สมรส"
สรุปบทความ อัปเดตสถานการณ์สมรสเท่าเทียมในประเทศไทย
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นใจความสำคัญของ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมฉบับปัจจุบัน ที่จะมีการประกาศบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิทธิทางด้านกฎหมายในหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน ที่หลายคนเฝ้ารอมานานกับร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องใช้เงิน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการกู้ยืม เพราะเรามีวงเงินก้อนใหญ่ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก พร้อมบริการ พี่เบิ้ม Delivery ในการเดินทางไปประเมินสภาพรถถึงหน้าบ้าน ที่สำคัญยังอนุมัติไว รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่มีการกดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*