เที่ยวยุโรปคนเดียว ต้องรู้ทันกลลวงมิจฉาชีพเพื่อความปลอดภัย
หลังจากหลายประเทศเริ่มทยอยเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ เชื่อว่านักเดินทางหลายคนคงกำลังจัดทริปเที่ยวต่างประเทศหลังโควิด เพื่อซึมซับบรรยากาศใหม่ ๆ กันอยู่แน่นอน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในโซนยุโรป ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ รอต้อนรับ ทั้งที่เที่ยวธรรมชาติและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การไปเยือน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าท่ามกลางความสวยงามเหล่านี้ ย่อมมีสิ่งอันตรายซ่อนตัวอยู่เสมอ หนึ่งเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องระวังคือการ “โดนล้วงกระเป๋า” อาชญากรรมที่ดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่คิด
ดังนั้นหากใครกำลังวางแพลนเที่ยวยุโรป รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ การระวังตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อและรู้ทันกลลวงของมิจฉาชีพ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะหากเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นมา อาจทำให้คุณสูญเสียทรัพย์สินและขยาดกับการท่องเที่ยวไปอีกนาน หากไม่ต้องการให้การเที่ยวต่างประเทศหมดสนุก วันนี้ KTC มีข้อควรรู้ เที่ยวต่างประเทศแบบปลอดภัย ไม่เป็นเหยื่อมิจฉาชีพล้วงกระเป๋ามาแนะนำ เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้คุณก่อนออกเดินทาง
วิธีป้องกันแก๊งมิจฉาชีพ เอาตัวรอดยังไงไม่ให้โดนล้วงกระเป๋า
เมื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ แน่นอนว่าในกระเป๋าไม่ได้มีเพียงแค่เงินสดเท่านั้น แต่ยังมีบัตรและเอกสารสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบัตร ATM บัตรเครดิต และเอกสารเดินทางต่าง ๆ ที่ระบุตัวตนของนักเดินทาง เช่น บัตรประชาชน พาสปอร์ต วีซ่า ฯลฯ ที่หากตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพ แน่นอนว่ามักตามมาด้วยปัญหาร้ายแรงเสมอ และทุกวันนี้มิจฉาชีพมีกลลวงต่าง ๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลงเชื่ออย่างง่ายดาย ตัวอย่าง แก๊งน้ำใจงามที่อาสาช่วยคุณซื้อตั๋วรถ หรือช่วยขนของ ถือสัมภาระต่าง ๆ ให้ บางรายช่วยคุณเสร็จและอาจขอเงินจากคุณทีหลัง หากไม่ได้ตามต้องการจะโวยวาย ดุด่าเสียงดัง และเดินตามจนคุณต้องเป็นฝ่ายยอม แต่บางรายอาจฉกกระเป๋าไปต่อหน้าต่อหน้า หรือล้วงกระเป๋าแล้วเลือกเอาเฉพาะทรัพย์สินมีค่าไปแบบเนียน ๆ
ข้อควรระวังเมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ
นอกจากกลลวงข้างต้นแล้ว มิจฉาชีพที่ฉายเดี่ยวหรือมิจฉาชีพที่ทำงานเป็นทีม ยังมีกลอุบายอีกหลายอย่างที่คุณคาดคิดไม่ถึง ดังนั้นหากคุณไม่สามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อม และไม่สามารถควบคุมคนไม่ให้กระทำผิดได้ หนทางเดียวที่ช่วยให้คุณปลอดภัยคือการระมัดระวังตัวเองให้ดีที่สุด และมีสติอยู่กับตัวเสมอ สำหรับเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณปลอดภัย มีดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการแต่งตัวล่อตาล่อใจมิจฉาชีพ
เป็นธรรมดาของคนที่มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศ อยากแต่งกายด้วยเสื้อผ้าตามที่ตัวเองต้องการ แต่ต้องยอมรับว่าการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า เครื่องประดับ หรือรองเท้าราคาแพง โดยเฉพาะแบรนด์เนมต่าง ๆ ย่อมทำให้คุณตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพที่ต้องการทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม แนะนำว่าคุณควรแต่งกายให้เข้ากับคนในพื้นที่มากที่สุด สีสันไม่โดดเด่นเกินไป หลีกเลี่ยงการสะพายกล้อง และงดถือของมีค่า เพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ
2. สะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าเสมอ
เช็กความเรียบร้อยของกระเป๋าก่อนหยิบมาใช้งาน โดยกระเป๋าต้องไม่มีรอยฉีกขาด ซิปต้องใช้งานได้ดี และคุณต้องรูดซิปปิดกระเป๋าให้เรียบร้อยเสมอ ที่สำคัญหากคุณมีกระเป๋าเป้สะพายหลัง ไม่ว่าคุณจะออกไปเที่ยว ไปกินข้าว หรือไปเดินเล่น แนะนำว่าให้สะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าทุกครั้ง เพราะหากสะพายไว้ด้านหลังอาจเสี่ยงต่อโดนกรีดกระเป๋า และล้วงกระเป๋าแบบไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการใช้บริการรถสาธารณะต่าง ๆ เช่น รถเมล์ รถไฟ รถไฟใต้ดิน ฯลฯ ในชั่วโมงเร่งด่วน ที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก วิธีนี้ช่วยให้คุณมองเห็นกระเป๋าอยู่เสมอ และช่วยลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี
3. แยกของสำคัญไว้หลายกระเป๋า
พยายามกระจายเงินสด บัตรเครดิต และเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไว้ในกระเป๋าหลายใบ ไม่ควรรวมเงินก้อนและบัตรเครดิตไว้ในกระเป๋าใบเดียว เพราะหากเกิดการสูญหายคุณจะไม่เหลือเงินสำรองไว้ใช้จ่าย ทางที่ดีแนะนำให้พกเงินเท่าที่จะใช้ในแต่ละวันเท่านั้น หรือนำเงิน บัตรเครดิต และเอกสารสำคัญใส่ไว้ใน “กระเป๋าคาดเอว” ที่สามารถแนบกับลำตัวและสวมเสื้อคลุมทับไว้อีกที วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้คุณปลอดภัยแล้ว ยังช่วยให้คล่องตัวมากขึ้นอีกด้วย
4. สายคล้องคอมือถือ
อุปกรณ์สื่อสารอย่างมือถือหรือสมาร์ทโฟน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น แต่หากคุณนำมือถือใส่รวมไว้ในกระเป๋า เมื่อคุณต้องการใช้งานก็มักหยิบเข้าหยิบออก ทำให้เสี่ยงต่อการลืมปิดกระเป๋า หรือเผลอดึงของสำคัญออกจากกระเป๋าและอาจเกิดการสูญหาย ทางที่ดีแนะนำว่าควรมีสายมือถือแบบคล้องคอที่มาพร้อมกับเคสแบบมีช่องใส่บัตร หรือผูกบัตรเครดิต KTC ไว้กับ Google Wallet แตะจ่าย ชำระเงินแบบไร้สัมผัส ณ ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Contactless วิธีนี้นอกจากช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยให้ใช้งานมือถือสะดวก ลดความเสี่ยงต่อการโดนฉกมือถือ และยังช่วยให้คุณไม่ต้องพกกระเป๋าให้กังวลใจอีกด้วย
5. หลีกเลี่ยงการเดินผ่านสถานที่ที่คนพลุกพล่าน หรือจุดเสี่ยงต่าง ๆ
การเดินทางท่องเที่ยวหนึ่งในประเทศที่สวยที่สุดในโลกอย่างอิตาลี ที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก และมีคนพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าในที่ที่มีคนเยอะคือจุดที่มิจฉาชีพไม่กล้าทำอะไร แต่รู้หรือไม่ว่าจุดที่มีคนเยอะใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะยิ่งคนเยอะมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้การทำงานเป็นทีมของมิจฉาชีพง่ายขึ้นเท่านั้น มิจฉาชีพจะค่อย ๆ แฝงตัวไปกับกลุ่มนักท่องเที่ยว และหากคุณโดนล้วงกระเป๋าในเวลานั้น คงเป็นเรื่องยากที่คุณจะได้ของสำคัญคืน ทางที่ดีไม่ควรพาตัวเองไปอยู่สถานที่แออัด หรือจุดเสี่ยงของประเทศที่เดินทางไป เช่น บนรถโดยสาร, สะพานข้ามถนน, ป้ายรถเมล์, สถานีรถไฟ ฯลฯ แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คุณต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ไม่เหม่อลอยและมีสติ นอกจากนี้ตรงบริเวณที่เปลี่ยวและแหล่งมั่วสุม มักเป็นจุดที่ทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นใครเพิ่งเคยเดินทางเที่ยวต่างประเทศหรือเที่ยวยุโรปครั้งแรก แนะนำให้ศึกษาเส้นทางและสถานที่ที่ต้องการเดินทางไปทุกครั้ง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและทรัพย์สิน
6. หลีกเลี่ยงการคุยกับคนแปลกหน้า
ส่วนใหญ่แล้วมิจฉาชีพมักไม่กล้าเข้ามาพูดคุยกับคนที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ แต่สำหรับคนที่เดินทางเที่ยวต่างประเทศคนเดียว หรือไปกันเพียง 2 – 3 คน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเข้ามาคุยเล่น แนะนำการเดินทาง แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว หรือมาถามทาง เพราะทั้งหมดนี้อาจเป็นหนึ่งในวิธีหลอกล่อให้คุณตายใจด้วยการส่งคนเข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจ และให้อีกคนในทีมเข้ามาล้วงกระเป๋าขณะที่คุณกำลังเผลอ หรือหากมีคนใจดียื่นของให้คุณฟรี ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ กำไล หรือแม้แต่การมาล่าลายเซ็น ให้คุณปฏิเสธกลับไปด้วยท่าทีจริงจังทันที เพราะทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในวิธีขู่กรรโชกทรัพย์หรือเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อล้วงกระเป๋า ดังนั้นหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักดีที่สุด
7. เลือกซื้อกระเป๋าเดินทางที่มีระบบล็อคปลอดภัย หรือมีระบบ TSA Lock
ไอเทมสำคัญอย่างกระเป๋าเดินทาง เป็นสิ่งที่คุณต้องเลือกด้วยความใส่ใจ เพราะแม้ว่าคุณจะไม่ได้พกกระเป๋าเดินทางไปท่องเที่ยวด้วย แต่ระหว่างเดินทางไม่ว่าจะอยู่ในสนามบินหรือบนรถสาธารณะ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าใต้ดิน มักเป็นจุดที่มีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่เสมอ ดังนั้นควรลงทุนซื้อกระเป๋าเดินทางคุณภาพดี ที่มีความแข็งแรงทนทาน มาพร้อมระบบล็อกรหัสผ่านที่ปลอดภัย รับรองว่าช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้แน่นอน
รีบทำการอายัดบัตรเครดิตทันทีหลังโดนล้วงกระเป๋า
ถูกล้วงกระเป๋า กระเป๋าถูกขโมยที่ต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร?
เชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากถูกล้วงกระเป๋า กระเป๋าสูญหาย หรือกระเป๋าถูกขโมย แต่เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว และคุณมั่นใจว่าตัวเองโดนล้วงกระเป๋าอย่างแน่นอน สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ “ตั้งสติ” และมองหาสถานที่ปลอดภัยทันที เช่น ป้อมตำรวจ หรือสถานที่ที่มีหน่วยงานรักษาความปลอดภัย เพราะบางครั้งมิจฉาชีพที่ทำงานเป็นกลุ่ม มักมีคนคอยสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ หากคุณตื่นตระหนกมากเกินไป หรือกระทำอะไรโดยไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน อาจทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายได้มากกว่าการถูกล้วงกระเป๋า เมื่อคุณอยู่ในสถานที่ปลอดภัยแล้วสิ่งต่อมาที่ควรทำ มีดังนี้
1. สำรวจความเสียหาย
ในกรณีที่โดนล้วงกระเป๋า ให้เช็กดูก่อนว่าสิ่งที่มิจฉาชีพได้ไปมีอะไรบ้าง เพราะอาจไม่ได้มีเพียงแค่กระเป๋าเงินเท่านั้นที่สูญหาย แต่อาจมีของสำคัญอื่น ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ เอกสารเดินทาง บัตรเครดิต บัตร ATM บัตรประชาชน ฯลฯ เมื่อสำรวจความเสียหายได้แล้ว ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนถัดไป
2. อายัดบัตรเครดิตทันที
หากโจรได้กระเป๋าสตางค์ที่มีทั้งเงินสด บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือบัตร ATM เจ้าของบัตรต้องรีบแจ้งอายัดบัตรฯ กับธนาคารที่เป็นผู้ออกบัตรทันที เพราะในกรณีที่บัตรถูกนำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการกดเงินสดหรือรูดซื้อสินค้า ก่อนการแจ้งกับธนาคารผู้ออกบัตร เจ้าของบัตรจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจริง ดังนั้นวิธีที่ช่วยป้องกันได้ดี คือโทรแจ้งอายัดบัตรเครดิตทันทีที่เกิดเหตุ ก่อนที่มิจฉาชีพจะนำไปใช้และสร้างความเสียหายมากกว่าเดิม สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ สมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถอายัดบัตรชั่วคราวได้ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
- แอปพลิเคชัน KTC Mobile ช่องทางการอายัดบัตรที่สะดวก รวดเร็ว สามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ผ่านสมาร์ทโฟน
- ติดต่อ KTC PHONE 02 123 5000 เพื่อให้ทาง KTC ทำการอายัดบัตร หรือในกรณีที่ทำให้ไม่สามารถอายัดบัตรผ่านแอป KTC Mobile ได้
หลังจากที่สมาชิกบัตรเครดิต KTC ยืนยันการอายัดบัตรเครดิตชั่วคราวแล้ว จะทำให้มิจฉาชีพไม่สามารถนำบัตรฯ ของคุณไปใช้งานได้อีกต่อไป แต่ในกรณีที่สมาชิกบัตรเครดิต KTC เจอบัตรเครดิตใบดังกล่าว และต้องการยกเลิกการอายัดบัตรฯ สามารถปลดล็อกการอายัดบัตรฯ ได้ภายใน 3 วัน หากไม่ได้ทำการปลดล็อกภายในวันที่กำหนด บัตรเครดิต KTC ใบเดิมจะถูกยกเลิกทันที โดย KTC จะดำเนินการออกบัตรใหม่ให้อัตโนมัติ และทำการส่งบัตรเครดิต KTC ใบใหม่ให้กับสมาชิกตามที่อยู่ในใบแจ้งหนี้ ภายในระยะเวลา 7 – 14 วันทำการ
3. แจ้งความกับตำรวจ
เมื่อมีการอายัดบัตรเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามทรัพย์สินที่สูญหายไป หรือหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี แต่ทั้งนี้ต้องเช็กให้ดีว่าประเทศที่คุณอยู่ ตำรวจรับแจ้งความเป็นภาษาอังกฤษหรือไม่ เนื่องจากบางประเทศไม่รับแจ้งความเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นหากคุณไม่สามารถสื่อสารภาษาท้องถิ่นได้ แนะนำให้ติดต่อไกด์หรือติดต่อสถานทูตไทยในประเทศนั้น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ
4. ติดต่อสถานทูตไทย
ในกรณีที่พาสปอร์ตหรือวีซ่าสูญหาย คุณต้องรีบติดต่อสถานทูตทันที เนื่องจากเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญ หากคุณท่องเที่ยวต่อโดยไร้เอกสารดังกล่าว คุณจะกลายเป็นคนที่ทำผิดกฎหมายทันที เพราะฉะนั้นต้องแจ้งให้ทางหน่วยงานทราบ เพื่อให้หน่วยงานออกเอกสารใหม่ หรือประสานงานให้คุณเดินทางกลับประเทศไทยได้สะดวกและถูกกฎหมาย ที่สำคัญหากคุณโดนล้วงของมีค่าไปทั้งหมด และไม่เหลือเงินสำหรับการใช้จ่าย คุณสามารถขอยืมเงินจากสถานทูตได้ โดยทำการกรอกประวัติ ข้อมูล และยื่นหลักฐานต่าง ๆ ตามที่สถานทูตต้องการ
5. เก็บเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ เอาไว้
เมื่อแจ้งความและติดต่อสถานทูตเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ถ่ายสำเนาเอกสารไว้อีกชุด และเก็บหลักฐานต่าง ๆ เอาไว้ให้ดี เพราะหลักฐานเหล่านี้จำเป็นต้องใช้สำหรับการประสานงานหลังเดินทางกลับประเทศไทย หรือในระหว่างที่คุณยังเดินทางท่องเที่ยวต่อ ที่สำคัญหลักฐานต่าง ๆ ยังใช้สำหรับการยื่นรับสิทธิคุ้มครองจากประกันการเดินทางที่คุณทำไว้ เพื่อให้บริษัทประกันฯ ดำเนินการคุ้มครองค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นตามรายละเอียดในกรมธรรม์
แม้ว่าบางสถานที่ท่องเที่ยว อาจมีป้ายเตือนเกี่ยวกับปัญหาการโจรกรรมต่าง ๆ แต่เหตุการณ์เหล่านี้ยังเกิดขึ้นเสมอ ที่สำคัญไม่เพียงแค่ประเทศทางโซนยุโรปเท่านั้นที่ต้องระมัดระวัง เพราะแม้ว่าคุณจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอาชญากรรมน้อยที่สุด หรือแม้แต่ในประเทศไทย ใช่ว่าคุณจะไม่เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ดังนั้นหากคุณต้องการเพิ่มความสนุกให้กับการท่องเที่ยว ทรัพย์สินไม่สูญหาย และไม่เสียความรู้สึกให้กับประเทศในฝัน ควรเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง และมีวิธีป้องกันทรัพย์สินของตัวเองอย่างรัดกุม รับรองว่าสิ่งสำคัญเหล่านี้ช่วยให้ทริปของคุณเพลิดเพลิน ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังอย่างแน่นอน
คลิกดาวน์โหลดแอป KTC Mobile ติดมือถือ สะดวกสบาย อุ่นใจทุกการใช้จ่าย...ที่นี่