ใช้บัตรเครดิตยังไง ให้ได้กำไร
"บัตรเครดิต" ผู้ช่วยในการใช้จ่ายชั้นดีที่หลายคนต่างคุ้นเคย ด้วยมีข้อดีที่เราสามารถใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันที สะดวก ไม่ต้องเดินไปกดเงินแม้มีเงินสดไม่เพียงพอ และยังได้สะสมคะแนน รวมถึงโปรโมชันพิเศษจากการซื้อสินค้าหรือบริการ ณ ร้านค้าที่เข้าร่วมรายการกับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ ไม่แปลกที่หลาย ๆ คนเลือกที่จะใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายมากกว่าการจ่ายด้วยเงินสด นอกจากนี้ การพกบัตรเครดิตก็เป็นการลดความเสี่ยงที่เราต้องถือเงินสดจำนวนมากติดตัวอีกด้วย
แต่ถ้าใช้อย่างไม่มีวินัย เกินความจำเป็นก็สามารถเกิดผลเสียตามมาได้เช่นเดียวกัน และเพื่อให้เครื่องมือการใช้จ่ายที่คุ้มค่าอย่างบัตรเครดิตเกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้เรามีเทคนิคเด็ดๆ สำหรับมือใหม่หัดใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้อง เพื่อคุ้มค่าและประโยชน์กว่าเดิม
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับบัตรเครดิต
โดยส่วนใหญ่สถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิตมักอนุมัติวงเงินในบัตรเครดิตมากกว่าเงินเดือนที่เจ้าของบัตรได้รับ ส่วนจะได้รับวงเงินกี่เท่าก็ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่แต่ละสถาบันการเงินเป็นผู้กำหนด และทุกครั้งเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต นั่นเท่ากับว่า เรากำลังยืมเงินจากสถาบันเพื่อที่จะชำระสินค้าหรือบริการก่อน แล้วทำการชำระคืนภายหลัง ซึ่งหากเราไม่ชำระคืนหรือชำระคืนล่าช้าเราก็จะโดนค่าปรับและเสียดอกเบี้ย
วิธีการใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้อง สำหรับมือใหม่
1. ศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ของบัตรเครดิตก่อนสมัคร
เลือกใช้จ่ายในแบบที่คุ้มที่สุดกับบัตรเครดิต KTC
ปัจจุบันมีบัตรเครดิตให้เลือกสมัครใช้บริการมากมายหลายประเภท โดยบัตรแต่ละใบก็มีรายละเอียดเฉพาะ ข้อจำกัด หรือสิทธิพิเศษแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ก่อนตัดสินใจสมัครบัตรเครดิตควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ของบัตรเครดิตให้ดีว่า เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราหรือไม่ อย่างเช่น หากเป็นคนที่ใช้รถเดินทางเป็นประจำควรเลือกบัตรเครดิตที่ให้สิทธิพิเศษเมื่อจ่ายค่าน้ำมัน หรือคนชอบเที่ยว อาจเลือกบัตรเครดิตที่มีโปรโมชันการจองห้องพัก เป็นต้น
นอกจากนี้ควรเช็กข้อมูลเรื่องของการทำงานของบัตร อย่างตัดรอบบิลวันไหน ต้องชำระเงินคืนบัตรภายในกี่วัน มีค่าธรรมเนียนรายปีหรือไม่ รวมถึงการคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกว่า เราจะได้ประโยชน์จากบัตรเครดิตมากเพียงใด
2. กำหนดวงเงินก่อนใช้บัตรเครดิตเสมอ
หลายคนอาจกลัวว่า จะรูดซื้อเพลิน จนไม่สามารถชำระคืนเมื่อถึงวันกำหนดชำระ ในกรณีนี้แนะนำให้จำกัดวงเงิน ด้วยการประเมินตามกำลังจ่ายของเราในแต่ละเดือนดูว่า มีกำลังจ่ายมากน้อยแค่ไหน เพื่อป้องกันไม่ให้รูดบัตรเครดิตเพลินจนเกินกำลังจ่าย แต่ทั้งนี้ งบสำหรับการใช้บัตรเครดิตนั้นไม่ควรเกินกว่า 50% ของเงินเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารเงินด้วยนะ
ตัวอย่าง
ได้รับเงินเดือน เดือนละ 30,000 บาท งบประมาณการใช้บัตรเครดิตต่อเดือนที่เหมาะสม คือ 15,000 บาท และนี่คือรายจ่ายที่พอเหมาะพอดีต่อการใช้บัตรเครดิตในแต่ละเดือน
3. รู้วันสรุปรอบบัญชี/วันครบกำหนดชำระ
การที่เรารู้วันสรุปรอบบัญชีหรือวันครบกำหนดชำระบัตรเครดิตนั้น มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการชำระแบบเต็มจำนวน เพราะหากชำระเงินคืนเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ จะทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เนื่องจากยังอยู่ระยะปลอดดอกเบี้ย (จำนวนวันขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินกำหนด)
ตัวอย่าง
หากธนาคารผู้ออกบัตรเครดิต กำหนดระยะปลอดดอกเบี้ย 45 วัน จะให้เริ่มนับตั้งแต่วันสรุปรอบบัญชีบัตรเครดิตนี้ไป 45 วัน โดยวันที่ 45 จะเรียกกันว่า วันครบกำหนดชำระ หรือวันที่เราต้องจ่ายเงินนั่นเอง
4. ใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้า 0%
บัตรเครดิต KTC ผ่อนชำระ 0% สูงสุด 10 เดือน
แน่นอนว่า หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนอยากมีบัตรเครดิตติดกระเป๋าไว้สักใบ ก็เพื่อให้สามารถผ่อนสินค้าราคาสูง เพราะนี่คือโอกาสที่เราได้สินค้ามาใช้ก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง ขอแนะนำให้เลือกผ่อนสินค้ากับร้านที่มีโปรโมชั่นผ่อน 0% เพื่อไม่ให้เสียดอกเบี้ย และสามารถบริหารเงินได้อย่างไม่เป็นภาระกับรายจ่ายมากเกินไป ซึ่งโปรโมชันการผ่อนของบัตรเครดิตนั้น สามารถผ่อนชำระได้สูงสุด 10 เดือน
5. ชำระบิลเต็มจำนวน ไม่จ่ายขั้นต่ำ
การเลือกชำระบิลบัตรเครดิตแบบเต็มจำนวนทุกครั้ง โดยไม่จ่ายขั้นต่ำ ถ้าไม่เกิดเรื่องฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นจริงๆ เพราะจะทำให้เกิดดอกเบี้ยตามมา
6. ชำระตรงเวลาตามวันกำหนดชำระ
นอกจากจะชำระบิลเต็มจำนวนแล้ว การชำระให้ตรงเวลาก็สำคัญ เพราะหากเราชำระไม่ตรงเวลาหรือเกินกำหนดหลายวัน ดอกเบี้ยก็จะเกิดขึ้นจากการชำระล่าช้า และ มีค่าธรรมเนียมในการติดตามทวงถามหนี้อีกด้วย หากกลัวลืม อาจตั้งเตือนไว้ทุกๆ เดือน หรือเลือกวิธีตัดบัญชีอัตโนมัติเลยก็ได้เช่นกัน
7. ใช้สิทธิพิเศษของบัตรเครดิตให้เป็นประโยชน์
บัตรเครดิตล้วนมีสิทธิพิเศษอยู่ด้วยแทบทุกใบ โดยสิทธิพิเศษเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น เรียกว่าเป็นสิ่งที่บัตรเครดิตมีเหนือกว่าการใช้เงินสดซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น
- แต้มสะสม บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะมีคะแนนสะสมอยู่ โดยจะได้รับทุก ๆ ยอดการใช้จ่าย อาทิ ทุก ๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 25 บาท จะได้รับ 1 แต้ม เป็นต้น (จำนวนเงินที่ต้องรูดใช้จ่ายจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ให้บริการบัตรเครดิต) โดยคะแนนสะสมนี้สามารถนำไปแลกเป็นของสมนาคุณ นำไปแลกเป็นไมล์สะสมสำหรับแลกตั๋วเครื่องบิน สำหรับนำไปแลกเป็นบัตรชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ชั้นนำ หรือนำไปแลกเป็นเครดิตเงินคืนเข้าสู่บัญชีบัตรเครดิต เป็นต้น
- ไมล์สะสม บัตรเครดิตบางใบจะเป็นบัตรเครดิตที่ร่วมกับสายการบินต่าง ๆ อย่างสายการบินไทย จะมีโปรแกรมสะสมไมล์ที่เรียกว่า Royal Orchid Plus หรือสายการบิน Bangkok Airways จะมีโปรแกรมสะสมไมล์ที่เรียกว่า Flyer Bonus เป็นต้น หรือสามารถใช้คะแนนสะสมของบัตรเครดิตบางใบในการแลกเป็นไมล์สะสมได้ โดยเมื่อสะสมไมล์นี้ได้ครบตามจำนวนที่กำหนด ก็จะสามารถนำไปแลกรับเป็นตั๋วเครื่องบินท่องเที่ยวได้ทั้งในและต่างประเทศนั่นเอง ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ๆ
- ส่วนลดพิเศษ บัตรเครดิตที่ร่วมกับห้างสรรพสินค้า มักจะมอบส่วนลดพิเศษทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ณ ห้างสรรพสินค้านั้น ๆ ทำให้ช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้นจากการช้อปปิ้ง
- เครดิตเงินคืน บัตรเครดิตบางใบจะมอบสิทธิพิเศษ เป็นเครดิตเงินคืนเข้าสู่บัญชีบัตรเครดิตในทุก ๆ การใช้จ่าย อาทิ คืนเงิน 1% สำหรับทุก ๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เป็นต้น
8.ไม่กดเงินสดจากบัตร ถ้าไม่จำเป็น
เนื่องจากว่าบัตรเครดิตสามารถกดเงินสดมาใช้ได้ แต่ก็จะมีดอกเบี้ยตามมาจากการกดเงินสดจากวงเงินในบัตรเครดิต แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นจริง ๆ ควรศึกษาข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระเงินให้ดี จากนั้นค่อยลองคำนวณว่าดอกเบี้ยรวมกับเงินต้นทั้งหมดคือเท่าไร เราสามารถชำระไหวหรือไม่ หรือหากมีความจำเป็นต้องกดเงินสดออกมาใช้บ่อยๆแนะนำให้ทำบัตรกดเงินสดเพิ่มอีกใบจะดีกว่า เพราะบัตรกดเงินสดไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงิน และ Vat 7%
ใครที่ยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สมัครง่ายทางออนไลน์ไม่ต้องเดินทาง เพียงกรอกข้อมูลสมัครด้านล่าง
สมัครบัตรเครดิต KTC เงินเดือน15,000 ก็สมัครได้
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี