เคยไหม? เห็นบิลค่าไฟถึงกับต้องยกมือกุมขมับ ทั้งที่ใช้ไฟในแต่ละเดือนไม่ได้ต่างกันมาก แต่ค่าไฟฟ้ากลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลง หลายบ้านมองหาทางเลือกที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและสร้างความยั่งยืนให้กับบ้านของตนเอง ทำให้พลังงานสะอาดอย่าง Solar Roof หรือระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย แต่ที่ทำให้หลายคนลังเลคือ ประเทศไทยฝนตกเกือบครึ่งปี โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ถ้าติดตั้ง Solar Roof แล้วจะคุ้มไหม? บทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจ พร้อมคำนวณให้เห็นเลยว่าการติดตั้ง Solar Roof ช่วงหน้าฝนคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพหรือไม่
Solar Roof คืออะไร? ทำงานอย่างไร?
Solar Roof หรือ Solar Rooftop คือระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาบ้านหรืออาคาร โดยใช้แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panel) ดูดซับแสงอาทิตย์และแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสตรงผ่านกระบวนการเซลล์แสงอาทิตย์ (Photovoltaic) จากนั้นจึงใช้อินเวอร์เตอร์ (Inverter) แปลงกระแสตรงเป็นกระแสสลับเพื่อใช้งานในบ้าน
หลักการทำงาน Solar Roof เบื้องต้น
- การดูดซับแสง: แผงโซลาร์เซลล์ดูดซับแสงอาทิตย์ผ่านเซลล์ซิลิคอน
- การแปลงพลังงาน: พลังงานแสงถูกแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC)
- การปรับแปลงกระแส: อินเวอร์เตอร์แปลงกระแสตรงเป็นกระแสสลับ (AC)
- การป้อนไฟเข้าระบบ: ไฟฟ้าที่ได้จะถูกส่งเข้าระบบไฟฟ้าของบ้านหรือขายให้การไฟฟ้า
ระบบ Solar Roof แบบไหนที่นิยมในประเทศไทย
1. ระบบ On-Grid (Grid-Tied System)
- เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลักของการไฟฟ้า
- ไฟฟ้าส่วนเกินสามารถขายคืนให้การไฟฟ้าได้ แต่ต้องทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และมีข้อจำกัดตามที่การไฟฟ้ากำหนด เช่น กำลังการผลิต, จำนวนปีที่ทำสัญญา, ราคาซื้อขาย
- ไม่มีแบตเตอรี่ ผลิตและใช้ทันที
- เป็นระบบที่นิยมที่สุดในประเทศไทย
2. ระบบ Off-Grid (Stand-Alone System)
- ไม่เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าหลัก
- ต้องมีแบตเตอรี่เก็บพลังงาน
- เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าเข้า
- ต้นทุนสูงกว่าเนื่องจาก้แบตเตอรี่ราคาสูง
- แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่จำกัด อาจมีค่าบำรุงรักษาเพิ่มเติมในอนาคต
3. ระบบ Hybrid
- ผสมผสานระหว่าง On-Grid และ Off-Grid
- มีทั้งการเชื่อมต่อกับระบบหลักและแบตเตอรี่สำรอง
- ใช้ไฟฟ้าได้ต่อเนื่องแม้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าดับ โดยเป็นไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้งานและนำไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่
- ต้นทุนสูงสุดแต่ให้ความยืดหยุ่นมากที่สุด
- แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่จำกัด อาจมีค่าบำรุงรักษาเพิ่มเติมในอนาคต
หน้าฝน Solar Roof ยังผลิตไฟได้หรือไม่?
คำตอบคือ ยังผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติ ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดว่า "ฝนตก = ไม่มีแดด = ไม่มีไฟฟ้า" แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะแม้ในวันที่ฝนตกหรือฟ้าครึ้ม แสงอาทิตย์ยังคงมีอยู่ในรูปแบบของ แสงกระจาย (Diffused Light)ที่ผ่านเมฆและละอองน้ำมาถึงพื้นผิวโลก แสงกระจายนี้แม้จะมีความเข้มน้อยกว่าแสงแดดจ้าในวันแจ่มใส แต่ก็ยังสามารถกระตุ้นให้แผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าได้
ประสิทธิภาพของ Solar Roof ในวันฝนตก/ฟ้าครึ้ม
- วันแจ่มใส: ประสิทธิภาพ 90-100%
- วันมีเมฆบางๆ: ประสิทธิภาพ 60-80%
- วันฟ้าครึ้ม: ประสิทธิภาพ 20-40%
- วันฝนตกหนัก: ประสิทธิภาพ 5-15%
ตัวอย่างเช่น ระบบ Solar Roof ขนาด 5 kW ที่ในวันแจ่มใสผลิตไฟได้ประมาณ 25-30 kWh ต่อวัน ในวันฟ้าครึ้มก็ยังสามารถผลิตได้ประมาณ 5-12 kWh ต่อวัน ซึ่งยังคงมีค่าใช้สอยอยู่
ข้อดีของฝนต่อ Solar Roof
- ล้างทำความสะอาด: ฝนช่วยล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกบนแผงโซลาร์
- ลดอุณหภูมิ: อากาศเย็นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแผง
- เพิ่มอายุการใช้งาน: การได้รับการทำความสะอาดจากธรรมชาติช่วยยืดอายุแผง
ปัจจัยที่ส่งผลต่อกำลังการผลิตไฟ Solar Roof ช่วงหน้าฝน
1. ประเภทแผงโซลาร์เซลล์
หัวข้อเปรียบเทียบ | Monocrystalline | Polycrystalline (Poly) |
---|---|---|
ลักษณะภายนอก | สีดำเข้ม เรียบเนียน | สีน้ำเงินเข้ม หรือฟ้าน้ำทะเล มีลายเล็กชัดเจน |
ประสิทธิภาพ (Efficiency) |
สูง (18% - 22%) | ปานกลาง (15% - 17%) |
พื้นที่ติดตั้ง | ใช้พื้นที่น้อยกว่าสำหรับกำลังไฟเท่ากัน | ใช้พื้นที่มากกว่าสำหรับกำลังไฟเท่ากัน |
ประสิทธิภาพในที่แสงน้อย | ดีกว่า เหมาะกับพื้นที่มีเมฆบ่อย | แย่กว่าในสภาพแสงน้อย |
อายุการใช้งาน | 25-30 ปี (หรือมากกว่า) | 20-25 ปี |
ต้นทุนต่อแผง | สูงกว่า | ต่ำกว่า |
ราคาต่อวัตต์ (โดยประมาณ) | สูงกว่า (ประมาณ 20-30 บาท/วัตต์) | ต่ำกว่า (ประมาณ 15-25 บาท/วัตต์) |
ทนความร้อน | ทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูง | ประสิทธิภาพลดลงเร็วกว่าเมื่ออากาศร้อน |
เหมาะสำหรับ | พื้นที่จำกัด ต้องการประสิทธิภาพสูง | พื้นที่กว้าง งบจำกัด |
2. ตำแหน่งติดตั้ง Solar Roof ทิศทาง ความลาดเอียง
ทิศทางที่เหมาะสม
- ทิศใต้: ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย
- ทิศตะวันออก-ใต้: รับแสงเช้าได้ดี
- ทิศตะวันตก-ใต้: รับแสงบ่ายได้ดี
ความลาดเอียง
- 15-20 องศา: เหมาะสำหรับประเทศไทย
- ช่วยให้น้ำฝนไหลลงง่าย ไม่คั่งบนแผง
- ลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก
3. การดูแลรักษา Solar Roof
ปัญหาที่พบบ่อยในหน้าฝน
- คราบน้ำฝน (Water Spots): เกิดจากแร่ธาตุในน้ำฝน
- ใบไม้และกิ่งไม้: ปลิวมาจากลมแรงในพายุ
- ฝุ่น-โคลน: จากฝนตกปนดิน
วิธีดูแล
- ตรวจสอบ 1-2 เดือนต่อครั้ง
- ใช้น้ำสะอาดและแปรงนุ่มทำความสะอาด
- เลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง
- ตัดแต่งกิ่งไม้ที่อาจบดบังแสง
Solar Roof คุ้มไหม? ถ้าในพื้นที่ฝนตกบ่อย
การคำนวณความคุ้มค่าของติดตั้ง Solar Roof
สมมติว่าติดตั้งระบบ Solar Roof ขนาด 5 kW ราคา 200,000 บาท ในพื้นที่ที่ฝนตกบ่อย
ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ต่อปี
- เดือนแจ่มใส (4 เดือน): 30 kWh/วัน × 120 วัน = 3,600 kWh
- เดือนฝนปานกลาง (6 เดือน): 15 kWh/วัน × 180 วัน = 2,700 kWh
- เดือนฝนหนัก (2 เดือน): 8 kWh/วัน × 60 วัน = 480 kWh
- รวมต่อปี: 6,780 kWh
มูลค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้
- ราคาไฟฟ้าเฉลี่ย 4 บาท/kWh
- ประหยัดได้ปีละ: 6,780 × 4 = 27,120 บาท
ระยะเวลาคืนทุน
- 200,000 ÷ 27,120 = ประมาณ 7.4 ปี
เปรียบเทียบกับพื้นที่แจ่มใสตลอดปี
หากพื้นที่แจ่มใสตลอดปี อาจผลิตได้ 8,000-9,000 kWh ต่อปี คืนทุนใน 6-7 ปี แต่ในพื้นที่ฝนตกบ่อยก็ยังคุ้มค่าใน 7-8 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีเมื่อพิจารณาว่าระบบ Solar Roof มีอายุการใช้งาน 25-30 ปี
เคล็ดลับเลือก Solar Roof ให้เหมาะกับบ้านในฤดูฝน
1. เลือกแผงที่รับแสงกระจายได้ดี มีเทคโนโลยี PERC, Half-cell หรือ N-Type
แผง Monocrystalline คุณภาพสูง (ระดับ Tier 1)
- เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น LONGi Solar, JA Solar, Jinko Solar, หรือ Canadian Solar
- ดูค่า Temperature Coefficient ที่ดี (ต่ำกว่า -0.40%/°C)
- เลือกแผงที่มี Low Light Performance สูง
- ได้รับมาตรฐาน IEC 61215, IEC 61730, IEC 61701 (Salt mist) บ่งบอกว่าแผงทนต่อความชื้น, ละอองน้ำ, ฝนกรด
- หากใกล้ทะเล ควรมี Anti-Corrosion Coating
เทคโนโลยี PERC (Passivated Emitter and Rear Cell)
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในสภาพแสงน้อย
- ราคาแพงกว่าแผงธรรมดาเล็กน้อยแต่คุ้มค่า
2. วางแผนเผื่อระบบแบตเตอรี่ (ถ้ามีงบ) สำหรับเก็บพลังงานไว้ใช้ตอนแสงน้อย
แบตเตอรี่ LiFePO4
- อายุการใช้งานยาว 10-15 ปี
- ปลอดภัยและเสถียร
- ราคาแพงแต่คุ้มค่าในระยะยาว
- แบรนด์แนะนำ เช่น Tesla Powerwall, Huawei LUNA2000, Growatt ARK
ขนาดแบตเตอรี่ที่เหมาะสม
- คำนวณจากการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืน
- แนะนำ 10-15 kWh สำหรับบ้านขนาดปานกลาง
- สามารถเก็บไฟฟ้าจากวันแจ่มใสไว้ใช้ในวันฝนตก
3. เลือก Inverter ทีดี จะช่วยดึงไฟฟ้าออกจากแผงได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
- ควรมี MPPT หลายช่อง เพื่อให้ระบบปรับจุดผลิตไฟฟ้าได้แม่นยำ แม้บางส่วนของแผงจะโดนเงา (เช่นเงาเมฆหรือต้นไม้)
- แบรนด์ดี: Huawei, SMA, Fronius, Growatt (รุ่น Hybrid)
- มีระบบ Monitoring แบบเรียลไทม์
4. เลือกบริษัทที่มีช่างติดตั้งที่มความเชี่ยวชาญ
คุณสมบัติช่างที่ดี
- มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
- ประสบการณ์ติดตั้งในพื้นที่ฝนตกบ่อยมาแล้ว
- ให้การรับประกันระบบอย่างน้อย 5 ปี
- มีระบบติดตามผลการทำงาน (Monitoring System)
สิ่งที่ต้องพิจารณา
- การกันน้ำรั่วของรูยึดแผงบนหลังคา
- ความแข็งแรงของโครงสร้างรองรับ
- การระบายน้ำที่ดี
- ระบบป้องกันฟ้าผ่า
5. การบำรุงรักษา Solar Roof สำหรับฤดูฝน
ช่วงก่อนฤดูฝน
- ตรวจสอบการยึดแผงและสายไฟ
- ล้างทำความสะอาดแผงให้สะอาด
- ตัดแต่งกิ่งไม้ที่อาจร่วงใส่แผง
ช่วงหลังฤดูฝน
- ตรวจสอบคราบน้ำฝนและทำความสะอาด
- ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน
- ซ่อมแซมความเสียหายจากพายุ
Solar Roof ในประเทศไทยแม้จะมีฝนตกเกือบครึ่งปี ก็ยังคุ้มค่าการลงทุน เพราะแม้ในวันฝนตกยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 20-40% ของประสิทธิภาพปกติ และในวันฟ้าแจ่มใสก็ผลิตได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมและช่างติดตั้งที่มีประสบการณ์ รวมไปถึงความคุ้มค่าของค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง Solar Roof ซึ่งบัตรเครดิต KTC ก็มีโปรโมชั่นที่จะทำให้ได้รับสิทธิพิเศษคุ้มถึง 2 ต่อ
สิทธิพิเศษที่ 1 : ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 39,000 บาท
- จำกัดการรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 6,500 บาทต่อเซลส์สลิป และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 39,000 บาท ต่อบัตร / ต่อเดือน
- อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อชำระยอดผ่อนตามที่เรียกเก็บรายเดือนภายในวันครบกำหนดชำระ
- *รายการนี้สมาชิกจะไม่ได้รับคะแนนทุกประเภทจากยอดใช้จ่าย กรณีที่มีคะแนนเข้าบัญชีบัตรฯ สมาชิกไม่สามารถใช้คะแนนนั้นได้ โดยคะแนนดังกล่าวจะถูกหักออกจากบัญชีบัตรฯ ในวันที่สมาชิกได้รับเครดิตเงินคืน หากไม่สามารถหักคะแนนคืนได้ เคทีซีจะไม่ให้เครดิตเงินคืนตามรายการนี้ทั้งจำนวน
สิทธิพิเศษที่ 2: แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 12%
ทุกการใช้จ่ายทั้งชำระเต็มจำนวน และผ่อนชำระตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ใช้คะแนน KTC FOREVER ตั้งแต่ 1,000 คะแนนขึ้นไป แต่ไม่เกินยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป รับเครดิตเงินคืน 12% (คำนวณจากคะแนนที่แลก) ลงทะเบียนร่วมรายการภายในวันที่ทำรายการ
พาร์ทเนอร์ที่ร่วมรายการ 1. GULF 1RTid
2. A SOLAR
3. KG SOLAR
4.PSI Corporation
5.GRoof by GUNKUL
6. SOLAR D
7. TCS POWER PLUS
8. EVSB SOLAR
9.PACO CASA
10. SOLAR GOODY
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ก.ค. 68 - 28 ก.พ. 69
หากใครมีแพลนที่จะติดตั้ง Solar Roof อย่าให้ฝนตกเป็นข้อกังวล เพราะในระยะยาว 25-30 ปี ระบบ Solar Roof จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดของประเทศด้วย และสำหรับใครที่อยากได้สิทธิพิเศษจากโปรโมชั่นแต่ยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สามารถสมัครบัตรเครดิต ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ทุกที่ทุกเวลา พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ สะสมได้ไม่จำกัด และไม่มีวันหมดอายุ สามารถใช้คะแนนแลกรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนได้ สมัครบัตรเครดิต KTC ไม่ยาก กดสมัครได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC KTC