ทองคำ ถือเป็นทรัพย์สินที่เรียกได้ว่ายิ่งเก็บยิ่งได้กำไร และหาโอกาสขาดทุนได้ยาก จึงทำให้หลายคนเลือกใช้วิธีการสะสมทรัพย์สิน เป็นการสะสมทองคำ เพราะยิ่งเก็บนานยิ่งได้กำไรมาก แถมเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีความจำเป็นต้องใช้เงินสด ก็สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที แต่หากจำเป็นต้องขายทอง ต้องขายที่ไหนถึงจะได้ราคาดีที่สุด? และมีเทคนิคอย่างไรบ้าง? วันนี้ KTC สรุปรวมข้อมูลมาให้แล้ว
ทองคำแท่ง คือ ทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% มีลักษณะเป็นแท่งเรียบ ไม่มีลวดลายหรือการตกแต่ง
ทองคำแท่งคืออะไร?
ทองแท่ง หรือทองคำแท่ง เป็นทองที่ผลิตออกมาโดยการหลอมเป็นลักษณะแท่งสี่เหลี่ยม มีตั้งแต่น้ำน้อยกว่า 1 บาท ไปจนถึงหลักสิบบาท ด้วยลักษณะของทองที่เป็นบล็อกทรงเหลี่ยม ไม่ได้มีความสวยงาม เพราะมีจุดประสงค์ในการซื้อเพื่อเก็บสะสม และการลงทุนโดยเฉพาะ
ทองรูปพรรณคืออะไร?
ทองรูปพรรณ คือทองคำที่ถูกนำมาขึ้นเป็นรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู และแหวน โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับ สวมใส่เพื่อความสวยงาม แน่นอนว่าทองรูปพรรณ เมื่อซื้อ-ขาย จะมีค่ากำเหน็จ หรือค่าแรงในการทำลวดลายต่างๆ ของช่าง ซึ่งค่ากำเหน็จจะมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับลวดลาย และความยากง่ายของการทำทองรูปพรรณนั่นเอง
ความแตกต่างระหว่างทองแท่งและทองรูปพรรณ
ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ
- การใช้งาน
ทองรูปพรรณจะเน้นไปที่การใช้เป็นเครื่องประดับ และสวมใส่ ส่วนทองคำแท่งไม่สามารถสวมใส่ได้ เนื่องจากมาเป็นแท่งเหลี่ยมๆ เพราะมีจุดประสงค์เพื่อสะสมเป็นทรัพย์สิน และเก็งกำไร
- ราคาเริ่มต้น
ทองรูปพรรณจะมีราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าทองคำแท่ง เพราะใช้ทองเริ่มต้นในการขึ้นรูปน้อยกว่า เครื่องประดับบางชิ้น อาจใช้น้ำหนักทองเพียงเล็กน้อย ราคาอาจเริ่มต้นที่หลักพันบาท (ขึ้นอยู่กับราคาตลาดทองในช่วงเวลานั้นๆ) จึงสามารถซื้อได้ง่ายกว่าทองคำแท่ง โดยทองคำแท่งส่วนใหญ่จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 1 บาทขึ้นไป ซึ่งราคาเริ่มต้นในการซื้อก็จะสูงกว่าทองรูปพรรณนั่นเอง
- ค่ากำเหน็จ
ทองรูปพรรณจะมีค่ากำเหน็จเพิ่มจากค่าทอง ซึ่งถือเป็นค่าฝีมือของช่างในการทำ โดยค่ากำเหน็จจะแตกต่างกัน ตามความยากง่ายของลวดลาย และขั้นตอนในการทำทองรูปพรรณ ซึ่งค่ากำเหน็จจะถูกหักจากราคาทองเมื่อนำไปขาย แตกต่างจากทองคำแท่งที่จะไม่มีการเรียกเก็บค่ากำเหน็จเมื่อซื้อ เพราะเป็นการหล่อทองออกมาเป็นแท่งเลย อาจมีค่าบล็อกเพิ่มเติม ในกรณีที่ต้องการเขียนชื่อ หรือสลักลายบนทองแท่งเป็นพิเศษเพียงเท่านั้น และจะโดนหักเพียงเล็กน้อยเมื่อนำไปขายคืน
ทองรูปพรรณ คือทองที่ถูกนำมาขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ แหวน หรือสร้อยข้อมือ
ขายทองรูปพรรณโดนหักค่าอะไรบ้าง
ใครที่เคยนำทองรูปพรรณไปขาย อาจจะสงสัยว่าทำไมราคาที่ร้านทองรับซื้อ จึงไม่ตรงกับราคารับซื้อในตลาด เพราะโดนหักค่าบริการต่างๆ ออกไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะโดนหัก
- ค่ากำเหน็จ
- ค่าหลอม
โดยทั้งค่ากำเหน็จ และค่าหลอม จะโดนหักรวมกันไม่เกิน 5% จากราคารับซื้อทองคำแท่งในตลาด เนื่องจากเป็นกฎหมายที่กำหนดไว้เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาทองลดลง ก็มาจากการสวมใส่ทองรูปพรรณดังกล่าวเป็นประจำ น้ำหนักทองก็อาจหายไปจากการใช้งาน ทำให้ราคาขายลดลงได้เช่นกัน
ขายทองรูปพรรณอย่างไรไม่ให้ขาดทุนเยอะ
การขายทองแล้วถูกหักค่าบริการมากมาย เป็นสิ่งที่คนขายทองหลายคนรู้สึกเจ็บใจทุกครั้งเมื่อนำทองไปขาย ซึ่ง KTC มีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการขายทองรูปพรรณไม่ให้ขาดทุน และไม่ให้โดนกดราคามาฝากกัน
- คำนวณราคาให้ดีก่อนขาย
ก่อนขายทอง ควรเช็กราคาทองคำแท่งประจำวันของสมาคมค้าทองคำประเทศไทย และลองเทียบราคาให้ดี ซึ่งหากเป็นทองรูปพรรณตามกฎหมายกำหนดให้จะต้องถูกหักค่าหลอม ค่ากำเหน็จ และค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่เกิน 5% จากมูลค่าของทองคำ ตัวอย่างเช่น ทองรูปพรรณหนัก 2 สลึง ราคา 20,000 บาท จะต้องโดนหักไม่เกิน 1,000 บาท หากร้านรับซื้อให้ราคาต่ำกว่า หรือหักมากกว่า 5% ไม่ควรขาย และถือว่าร้านรับซื้อทองคำเอาเปรียบผู้บริโภค ผู้ประกอบการร้านทองอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่กำหนดโทษทางอาญาไว้ตามมาตรา 37 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 25 (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
- ดูแลรักษาเป็นอย่างดี
การใช้งาน หรือสวมใส่ทองรูปพรรณเป็นประจำ ก็อาจจะทำให้เสียน้ำหนักทองได้ ซึ่งมีผลต่อการขายทองอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรดูแลรักษาให้ดี ทองจะได้สมบูรณ์ และไม่เสียมูลค่าจากที่ซื้อมา
- เลือกขายในร้านทองชั้นนำ มีมาตรฐาน หรือร้านที่ซื้อมา
หากต้องการขายทอง แนะนำให้ขายกับร้านทองที่ซื้อมา จะมีโอกาสได้ราคาดีที่สุด หรือเลือกร้านทองที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เป็นที่รู้จักอย่างดี สามารถติดต่อได้ และมีหน้าร้านชัดเจน โดยลองเปรียบเทียบราคาสัก 4-5 ร้านก่อนขาย เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด
- เลือกช่วงเวลาในการขาย
ตลาดทองคำเป็นตลาดที่มีความผันผวนอยู่เสมอ ราคาทองคำมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นหากใครคิดจะขายทอง ควรดูช่วงเวลาในการขายให้ดี ควรเลือกขายในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งสูง ก็จะได้ราคาดียิ่งขึ้น
ขายทองที่ไหนดี
แล้วควรจะขายทองที่ไหนดี? เป็นอีกคำถามที่คนอยากขายทองสงสัย แน่นอนว่าปัจจุบันมีร้านทองมากมาย แต่ที่ไหนถึงจะได้ราคาดีที่สุด KTC ขอแนะนำ
- ร้านที่ซื้อมา
โดยส่วนใหญ่แล้ว ร้านที่เราซื้อทองมาจะให้ราคาทองกับเราดีที่สุด เพราะรู้ถึงคุณภาพ และน้ำหนักทองของร้านตัวเอง และเรายังสามารถไว้วางใจได้ว่า จะได้รับราคาที่เหมาะสมกับทองของเราอีกด้วย แต่ทางที่ดี อย่าลืมคำนวณราคาทองคำก่อนขาย จะได้มั่นใจว่าไม่ถูกกดราคาต่ำกว่ามาตรฐาน
- ร้านที่มีชื่อเสียงมายาวนาน
หากใครไม่สะดวกกลับไปขายร้านที่ซื้อมา ก็ควรเลือกขายทองกับร้านที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน มีชื่อเสียง และได้มาตรฐาน ซึ่งจะสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ราคาขายที่เป็นไปตามกฎหมาย โดยไม่ถูกกดราคาต่ำกว่ากำหนด ก็จะทำให้ได้ราคาทองที่ดี และเหมาะสมที่สุดนั่นเอง
ทองคำถือเป็นทรัพย์สินที่มีแต่จะเพิ่มมูลค่าทุกๆ ปี และยังสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ใครหลายคนเริ่มหันมาเก็บสะสมทองกันมากขึ้น แต่ถ้าหากใครต้องการเงินสดฉุกเฉิน แต่ไม่อยากขายทองที่สะสมมา ขอแนะนำอีกวิธีง่ายๆ คือบริการเบิกถอนเงินสดจากบัตรเครดิต อย่างบัตรเครดิต KTC ที่พร้อมเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิต เป็นเงินสดพร้อมใช้ทันที สามารถทำรายการผ่านแอป KTC Mobile เพื่อโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ได้ทันที หรือเบิกถอนได้ทุกตู้ ATM สะดวกสบาย และรวดเร็วทันใจ พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด และโปรโมชั่นดีๆ จากพาร์ทเนอร์ ร้านค้า และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สะสมคะแนน KTC FOREVER ได้ไม่จำกัด เพื่อนำไปแลกรับเป็นส่วนลดและเครดิตเงินคืน เปลี่ยนทุกการใช้จ่ายให้คุ้มค่ากว่าเดิม สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ได้เลยง่ายๆ ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC