เมื่อพูดถึง "ทองคำ" ที่เรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินอันมีค่า ซึ่งหลายๆ คนก็มักนึกถึงทองแท่งหรือทองรูปพรรณทั่วไป แต่ในความเป็นจริงนั้น ยังมีทองประเภทอื่นที่เป็นที่นิยมในวงการเครื่องประดับ นั่นก็คือ "ทองเค" หรือ "Karat Gold" ที่มีหลากหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็น 8K, 14K, 18K และ 24K ทั้งนี้ ด้วยหลายๆ ชื่อเรียกก็อาจทำให้หลายคนสงสัยว่าอะไรคือ ทองเค แล้วทองเคนับเป็นทองแท้ไหม บทความนี้จะพาไปรู้จักทองเคในแต่ละระดับ ความแตกต่างระหว่างทองเคและทองแท่งคืออะไร เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถเลือกซื้อทองได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด
ทองเค คืออะไร?
ทองเค หรือที่เรียกกันว่า Karat Gold อย่างที่กล่าวไป เป็นทองคำประเภทหนึ่งที่นำไปผสมกับโลหะอื่นๆ เช่น เงิน ทองแดง หรือสังกะสี เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน และเปลี่ยนสีของทองให้เหมาะสมสำหรับการทำเครื่องประดับต่างๆ โดยทองเคมีการวัดความบริสุทธิ์เป็น "กะรัต" (Karat) โดยค่ากะรัตจะแสดงปริมาณทองคำบริสุทธิ์ในโลหะนั้นๆ ฉะนั้น ทองเคมีจึงแยกเป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ทองคำที่ผสม
ทองเค ถือว่าได้รับความนิยมโดยทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและความต้องการที่หลากหลายของผู้ซื้อ หนึ่งในจุดเด่นของทองเคคือความแข็งแรงและทนทาน ซึ่งเหนือกว่าทองคำบริสุทธิ์ ทำให้เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความคงทน เช่น แหวนแต่งงานหรือเครื่องประดับที่สัมผัสกับน้ำหรือเหงื่อบ่อยๆ นอกจากนี้ทองเคยังมีสีเหลืองทองสดใสที่ดึงดูดสายตาและได้รับความนิยมในตลาดเครื่องประดับ อีกทั้งยังมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าทองคำบริสุทธิ์ จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหาเครื่องประดับทองคำที่สวยงามและใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ทองเคมีกี่ชนิด 8-24k คืออะไร ?
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทองเคแบ่งเป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับระดับความบริสุทธิ์ ซึ่งแสดงเป็นค่ากะรัต โดยค่ากะรัตนี้บอกสัดส่วนของทองคำบริสุทธิ์ที่ผสมอยู่ในโลหะทั้งหมด ยิ่งค่ากะรัตสูง ทองคำก็ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น โดยทั่วไปทองเคมี 4 ชนิด ดังนี้
- 24K: ทองคำบริสุทธิ์ 99.9% หรือเกือบไม่มีโลหะอื่นผสม มักมีเนื้อทองอ่อนนิ่ม ไม่เหมาะกับการทำเครื่องประดับที่ต้องใช้งานหนัก เพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนหรือเสียรูปได้
- 18K: มีทองคำบริสุทธิ์ประมาณ 75% ผสมกับโลหะอื่น 25% ได้ความสมดุลระหว่างความสวยงามและความทนทาน เป็นทองที่นิยมนำมาไปทำเป็นเครื่องประดับกันมากที่สุด เพราะมีความแข็งแรงและทนทาน
- 14K: มีทองคำบริสุทธิ์ประมาณ 58.3% เหมาะสำหรับเครื่องประดับที่ต้องการความคงทนสูงเช่นกัน
- 8K: มีทองคำบริสุทธิ์ประมาณ 33.3% ถือว่ามีความบริสุทธิ์ต่ำที่สุดในกลุ่ม มีน้ำหนักเบา และราคาถูก
ทองเคได้รับความนิยมเพราะสามารถนำไปปรับแต่งสีและความแข็งแรงได้หลากหลาย
ทองเคต่างกับทองคำที่พบเห็นในตลาดอย่างไร ?
ทองเคได้รับความนิยมโดยเฉพาะในวงการเครื่องประดับเพราะสามารถนำไปปรับแต่งสีและความแข็งแรงได้หลากหลาย เช่น ทองคำขาว (White Gold) หรือทองโรสโกลด์ (Rose Gold) ที่เป็นทองคำที่ผสมโลหะทองแดงลงไปในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม ความบริสุทธิ์ของทองเคที่ต่ำกว่า 24K อาจทำให้มีมูลค่าขายต่อ หรือเพื่อการลงทุนที่ต่ำกว่าทองคำทั่วไป ในขณะเดียวกันทองคำในตลาดทั่วไปนั้น จะเน้นไปในทางการลงทุนและซื้อสะสมเก็งกำไรมากกว่านั่นเอง
สรุปข้อแตกต่างระหว่างทองเคและทองคำ
ทองเค |
ทองคำ |
|
ความบริสุทธิ์ |
ทองคำที่ผสมกับโลหะอื่น เช่น เงิน ทองแดง หรือสังกะสี เพื่อลดความนิ่มและเพิ่มความแข็งแรง มีค่าความบริสุทธิ์ตั้งแต่ 8K (33.3% ทองคำ) ไปจนถึง 24K (99.9% ทองคำ) |
ทองคำรูปพรรณหรือทองแท่งมักมีความบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 99.9% (ทองคำแท่ง) ซึ่งใกล้เคียงกับทองคำบริสุทธิ์ สีทองจะเข้มสด และเนื้อทองนิ่ม |
การใช้งาน |
เหมาะสำหรับทำเครื่องประดับ เนื่องจากความแข็งแรงที่มากกว่า ปรับเปลี่ยนสีได้ |
เหมาะสำหรับการลงทุนหรือสะสมเพื่อเก็งกำไร |
ความคุ้มค่าในการลงทุน |
มูลค่าขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ทองคำในเครื่องประดับและต่ำกว่าราคาทองคำ |
มูลค่าสูงกว่าทองเคในแง่ของการขายต่อ เพราะมีความบริสุทธิ์มากกว่า |
ราคา |
ราคาที่หลากหลายขึ้นอยู่กับค่ากะรัต |
ราคาสูงตามน้ำหนักทองคำบริสุทธิ์ |
ทองเคนั้นถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องประดับทองคำที่มีความแข็งแรง ทนทาน สีสันสวยงาม ราคาไม่สูง และเน้นใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ทองคำนั้น อาจจะเหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่า
ทองเคสามารถจำนำหรือขายได้หรือไม่ ?
ทองเคนั้นสามารถนำไปขายหรือจำนำได้ โดยราคาจะขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของทองตามราคาที่อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำในช่วงนั้น ซึ่งทั่วไปแล้วจะหักค่าน้ำประสานทองไม่เกิน 5% ของราคารับซื้อในวันนั้น ทั้งนี้ ร้านค้าทั่วไปที่รับจำนำมักจะรับจำนำทองเคชนิด 18K ขึ้นไป
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องประดับทองเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ทองเคถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ทั้งในด้านราคา ความทนทาน และความหลากหลายของดีไซน์ แต่หากเป้าหมายคือการลงทุนหรือสะสมมูลค่าในระยะยาว การเลือกทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ทั้งนี้ การเลือกซื้อทองคำไม่ว่าจะในรูปแบบใด ควรพิจารณาจากความต้องการและการใช้งานที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่สุด
และอย่าลืมให้บัตรเครดิต KTC เป็นตัวช่วยในการซื้อทองของคุณ ไม่ว่าจะเป็นทองเคหรือทองคำ ก็สามารถเป็นทั้งการลงทุนและการเลือกเครื่องประดับที่มีคุณค่า โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อทองที่อาจมีราคาที่สูงในครั้งเดียว เพียงใช้บัตรเครดิต KTC ก็จะทำให้การซื้อทองสะดวกสบายและง่ายขึ้น
รับสิทธิ์ผ่อนทองรูปพรรณ 0% นาน 6 เดือน กับห้างทองทองใบกรุงเทพ และห้างทองหวังอยากมี หรือรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน สูงสุด 10 เดือน กับห้างทองหวังโต๊ะกัง , ห้างทองอยากมีตัง และห้างทองเยาวราชทองดี กับบัตรเครดิต KTC
สิทธิประโยชน์ 1
ผ่อนทองรูปพรรณ กับบัตรเครดิต KTC
- ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน
อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อชำระยอดผ่อนตามที่เรียกเก็บรายเดือนภายในวันครบกำหนดชำระ
ผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.59% ต่อเดือน นาน 10 เดือน
(อัตราดอกเบี้ย 0.59% เทียบเท่าดอกเบี้ย effective rate ไม่เกิน 16% ต่อปี)
เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น, ยอดใช้จ่ายขั้นต่ำในการผ่อน และระยะเวลาการผ่อนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของร้านค้าร่วมรายการ, กรุณาตรวจสอบเพิ่มเติม ณ จุดขาย
ผ่อนทองรูปพรรณ กับบัตรกดเงินสด KTC PROUD
- ผ่อนชำระนานสูงสุด 24 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1.16% ต่อเดือน โดยต้องมียอดผ่อนชำระขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป
สิทธิประโยชน์ 2
แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 130 บาท
เมื่อมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป และใช้ทุก 1,000 คะแนน KTC FOREVER ยอดการแลกคะแนนสูงสุดไม่เกินยอดซื้อ (เครดิตเงินคืนคำนวณจากคะแนนที่แลก)
(กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 20% - 25% ต่อปี)
นอกจากนี้ KTC ยังมีโปรโมชั่นร่วมกับร้านทองชั้นนำ ที่ช่วยให้ได้ทองหรือเครื่องประดับคู่ใจในราคาที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือเป็นของขวัญให้คนพิเศษในโอกาสสำคัญ สนใจสิทธิประโยชน์ดีๆ แบบนี้แต่ยังไม่มีบัตร สามารถกดสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC