ลอยรอม

จากประสบการณ์การทำงานในร้านมิชลินกว่า 10 ปี หลอมรวมกับความประทับใจในเทคนิคการทำอาหารแบบนอร์ดิก (Nordic) ของเชฟแนต - นริศรา เมลืองศิลป์ และ เชฟเบส - นฤเบศน์ ศรีสมโภชน์ ปูทางมาสู่ Loyrom ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งบรรยากาศแสนอบอุ่นผ่อนคลาย โดดเด่นด้วยการนำปรัชญานอร์ดิกเข้ามาสอดแทรกอยู่ในทุกอณูของร้านอย่างแนบเนียน ตั้งแต่การตั้งชื่อร้านที่มาจากคำว่า ‘Loyrom’ หรือ ‘ลอยรอม’ ในภาษานอร์ดิก แปลว่า ไข่ปลาเทราต์ป่า ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า ‘ลอยลม’ ในภาษาไทย แม้กระทั่งการออกแบบโลโก้ที่ตั้งใจให้ล้อไปกับการอ่านออกเสียงของทั้งสองภาษา สามารถมองให้เป็นลายของเนื้อปลาเทราต์หรือลมก็ได้ ตามแต่ใครจะตีความ

แนวทางการตกแต่งเน้นความเรียบง่าย สะอาดตา ภายในร้านออกแบบให้คล้ายโรงเก็บของของชาวสแกนดิเนเวีย โดยใช้ขวดโหลของดองซึ่งถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์เด่นของการถนอมอาหารสไตล์นอร์ดิก วางตกแต่งอยู่ตามมุมต่างๆ พร้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้นั่งสบาย เพราะต้องการให้ที่นี่เป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกถึงความเป็นกันเองตั้งแต่ก้าวแรก ตลอดจนรอบๆ ร้านตกแต่งให้เป็นอาร์ตแกลเลอรีจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินไทยที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนผลงานทุกฤดูกาล

TENYUU GRAND

ที่นี่เสิร์ฟอาหารสไตล์ New Nordic Philosophy โดยยึดโยงกับปรัชญาสไตล์นอร์ดิกเป็นหัวใจหลัก แล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้กับอาหารของที่ร้าน ผสานวัตถุดิบทั้งในไทยและต่างประเทศตามฤดูกาล ผ่านการตีความใหม่ของเชฟให้เข้าใจง่ายขึ้น ถ่ายทอดลงในเทสติ้งเมนู 10 คอร์ส โดยมี ‘มะแขว่น’ เครื่องเทศกลิ่นฉุน รสชาติเผ็ดซ่า อมเปรี้ยว เป็นวัตถุดิบซิกเนเจอร์ที่ทำให้อาหารของที่นี่อร่อยอย่างแตกต่าง มีความแปลกใหม่ในรสชาติ ทั้งยังช่วยชูจุดเด่นของวัตถุดิบหลักในแต่ละเมนูได้ดียิ่งขึ้น

เริ่มต้นความอร่อยด้วยของรับประทานเล่นๆ สามคำ คำแรก Croustades Chicken Liver ตับไก่บดเสิร์ฟในกระทงกรอบ รสชาติคล้ายตับทอดกระเทียม มีหัวไชเท้าดองรสเปรี้ยวๆ เค็มๆ เป็นเครื่องเคียงช่วยตัดเลี่ยน พร้อมโรยกระเทียมเจียวกรอบกรุบ คำต่อมาเชฟรังสรรค์ให้ดูคล้ายจุกคอร์กไวน์ ด้านในเป็นครีมทำจากดอกกะหล่ำพิวเร (Puree) แล้วบีบเข้าไปในแป้งที่อบจนเป็นสีน้ำตาล ท็อปด้วยเลมอนเจลรสเปรี้ยว โรยหน้าด้วยผงกาแฟดอยช้างจากเชียงราย ส่วนคำสุดท้าย Turkey Capsicum Tarte เชฟตั้งใจนำเสนอมาให้เหมือนช่อมิสเซิลโท (Mistletoe) ด้านล่างสุดเป็นไก่งวง พริกระฆังเหลืองกับมะเขือเทศย่าง ท็อปด้วยบรีชีสที่นำไปเซียร์ (Sear)(บางบทความมีคำภาษาอังกฤษประกอบ บางบทความไม่มี) เลมอนเจล และดอกไม้ออร์แกนิกปลูกที่วังน้ำเขียว เป็นสามคำเล็กๆ ที่รสชาติโดดเด่นแตกต่างกัน ทว่าอร่อยล้ำจนคำสุดท้าย ต่อด้วยจานเรียกน้ำย่อย ซึ่งในฤดูกาลนี้เสิร์ฟล็อบสเตอร์คู่กับฟักทองบัตเตอร์นัทและเกาลัด ห่อด้วยใบชิโสะ ด้านบนเป็นครีมทำจากยี่หร่าเพิ่มความหอม พร้อมโฟมที่ทำจากเปลือกล็อบสเตอร์

TENYUU GRAND

ส่วนเมนูหลักจานแรก เชฟนำเสนอ ฟยอร์ดเทราต์ (Fjord Trout) จากนอร์เวย์ เนื้อแน่น สีส้มสด นำไปบ่ม (Cured) ในสมุนไพร แล้วทำให้สุกด้วยวิธีโพช (Poach) ในเนย รับประทานคู่กับเห็ดที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงให้ดูคล้ายคัสตาร์ดด้วยเทคนิคสไตล์ฝรั่งเศส ท็อปด้วยเคล (Kale) ที่นำไปรมควันด้วยฟาง และซอสดาชิหัวหอมเบอร์บล็อง

อีกจานเป็นเมนูเด็ดห้ามพลาดประจำร้าน นั่นคือ Aged Duck ที่ใช้เป็ดพันธุ์บาร์บารี (Barbary) เลี้ยงในไทย โดยผ่านเทคนิคดรายเอจนาน 4 วัน แล้วนำไปซูวี (Sous Vide) หนังเคลือบด้วยน้ำผึ้งโพรง เมื่อนำไปย่างถ่านหนังจะกรอบ หอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมซอสมะแขว่นโมเล่ ที่เชฟนำซอสของอเมริกาใต้มาประยุกต์ด้วยการเสริมรสชาติจากมะแขว่น และจูส์ (Jus) มะแขว่น พร้อมเครื่องเคียงเป็นเซเลอรีแอค (Celeriac) สไลซ์เป็นแผ่น ท็อปด้วยแบล็คทรัฟเฟิล ตักทุกส่วนประกอบป้อนเข้าปากพร้อมกันในคำเดียว จะสัมผัสได้ถึงความอร่อยกลมกล่อมครบรส

ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Brown Butter สร้างสรรค์มาในสามเลเยอร์ ชั้นบนสุดเป็นไอศกรีมบราวบัตเตอร์สูตรพิเศษของที่ร้าน ชั้นสองเป็นไวท์ช็อกโกแลตเฮเซลนัทคุกกี้ ส่วนชั้นสุดท้ายคือโคโคนัทเคิร์ด ด้านบนโรยไข่แดงเค็มที่นำไปบ่มกับเครื่องเทศ น้ำตาลและเกลือ มะพร้าวอบแห้ง พร้อมซอสน้ำตาลมะพร้าวเผา และซอสวานิลลา ความเลเยอร์สามชั้นนี้นั้นช่วยเพิ่มมิติให้ของหวานจานนี้เคี้ยว. ให้ได้สนุกกับการรับประทานยิ่งขึ้น ช่วยจบมื้ออร่อยสไตล์นอร์ดิกอย่างสมบูรณ์แบบ

TENYUU GRAND

Loyrom
เวลาทำการ: 18.00 - 23.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)
ที่อยู่: ซอยอรรถกวี กรุงเทพฯ
โทร. 088 269 4474
FB: Loyrom IG: restaurantloyrom

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับฟรี Juice Pairing Set 4 แก้ว มูลค่า 1,000 บาท เมื่อรับประทานครบ 3,300 บาท / เซลส์สลิป

รับคะแนน KTC สูงสุด X10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด
15 เมษายน 2566 - 15 ตุลาคม 2566

เมซอง ดูนานด์

แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ทว่า Maison Dunand ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสัญชาติฝรั่งเศสที่รังสรรค์โดย ‘เชฟอาร์โน ดูนัง ซอเทียร์’ (Arnaud Dunand Sauthier) ก็สามารถคว้ารางวัล The Michelin Guide Thailand 2023 มิชลินสตาร์ 1 ดาว หนึ่งดวงมาครองมาสดๆ ร้อนๆ จึงการันตีได้ถึงมาตรฐานความอร่อยในระดับสากล

Maison Dunand เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ‘บ้านของดูนานด์’ ดังนั้นแขกทุกคนจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่บ้านของเชฟ พร้อมกับสัมผัสประสบการณ์มื้ออาหารที่เชฟตั้งใจนำเสนอในรูปแบบของตนเอง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ที่สั่งสมตลอดการเดินทางและใช้ชีวิตในแถบเอเชียมายาวนาน ในขณะเดียวกันก็เป็นอาหารที่มีรากฐานจากแคว้นซาวัว (Savoie) บ้านเกิดของเชฟ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาแอลป์ หลอมรวมกับกลิ่นอายจากแคว้นบริตทานี (Brittany) บนคาบสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นสถานที่ในความทรงจำประทับใจของเชฟ ตลอดช่วงเวลาวันหยุดพักผ่อนกับคุณพ่อเมื่อครั้งยังเยาว์

ภายใน ‘บ้านของดูนานด์’ ตกแต่งด้วยไม้โอ๊ก ซึ่งเผยให้เห็นโครงสร้างของไม้อย่างชัดเจน บวกกับแสงไฟสีนวลละมุน ยิ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่น มีครัวเปิดบริเวณชั้นล่าง ในขณะที่ชั้นบนตระการตาด้วยผืนผนังด้านหนึ่งที่ตกแต่งพื้นผิวราวกับจำลองเทือกเขาแอลป์มาไว้ในบ้าน ตลอดทั้งยังประดับประดาไปด้วยภาพวาดรูปวัว และพรมหนังสัตว์ ช่วยยกระดับความหรูหรา

CONTENTO
CONTENTO

อาหารของที่นี่ผสมผสานวัตถุดิบจากเทือกเขาและมหาสมุทรเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างกลมกล่อมลงตัว ไม่ว่าจะเป็นปลาเทราต์จากทะเลสาบอัลไพน์ (Alpine) โบฟอร์ตชีส (Beaufort Cheese) และผลิตภัณฑ์ชื่อดังต่างๆ จากแคว้นซาวัว รวมถึงอาหารทะเลสดๆ จากแคว้นบริตทานี ก็ล้วนได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักของร้าน เริ่มต้นตามวัฒนธรรมการกินแบบฝรั่งเศสด้วย ขนมปังโฮมเมด 4 ชนิด รับประทานกับเนยจืดหรือเนยรสเค็มได้ตามใจชอบ ก่อนเข้าสู่คอร์สเมนูโดยตั้งต้นจาก Bricelet, Endive Gratin, Mackerel, Mussel คำแรกเป็นแคร็กเกอร์ออนท็อปด้วยสโมคอิลครีม (Smoked Eel) กับคาราแมนซีเจล (Calamansi Gel) รสส้ม หลอมรวมรสสัมผัสกรุบกรอบเข้ากับความเปรี้ยวสดชื่นจากส้มจี๊ดและกลิ่นสโมคในหนึ่งคำเล็กๆ ตามมาด้วยคานาเป้อีกสามคำสามรสชาติ จานสีแดงเป็นผักอองดีฟเสิร์ฟมาในรูปแบบทาร์ตรสเค็มจากแฮมและชีส จานสีส้มเป็นหอยแมลงภู่ผัดกับเฟรนช์ฟราย และจานสีเหลืองเป็นปลาแมกเคอเรลนำมาปรุงเป็นเยลลีพิวเรสุดเข้มข้น

ลำดับถัดมาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากท้องทะเล Oyster Utah Beach, Celeriac, Honey ทาร์ทาร์หอยนางรมในน้ำซุปทำจากหอยนางรมและเซเลอรีแอคสดกรอบ บวกรสเปรี้ยวอ่อนๆ ของน้ำซุปยิ่งช่วยปลุกความอร่อยสดชื่น คอร์สต่อมาหน้าตาเรียบง่าย Caviar Kristal, Uni, Potato มูสครีมมันฝรั่งบดเนื้อนวลเนียน ด้านล่างสุดเป็นอูนิจากฮอกไกโด แล้วออนท็อปด้วยคาเวียร์ฝรั่งเศส เสริมความละมุนให้รสสัมผัสด้วยแชมเปญซอส ก่อนรับประทานให้คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตักป้อนใส่ปากสัมผัสแรกคือกลิ่นหอมอบอวล ก่อนตามมาด้วยความครีมมี่เต็มคำ อร่อยเหนือระดับสมกับเป็นเมนูดาวเด่นของเชฟ

คอร์สที่สี่ใช้วัตถุดิบจากแคว้นบริตทานีนำมาสอดประสานกับเทคนิคการปรุงแบบญี่ปุ่น Brittany Blue Lobster, Cauliflower, Pistachio บลูล็อบสเตอร์ผ่านการย่างสไตล์บาร์บีคิวญี่ปุ่น เสิร์ฟมากับกะหล่ำดอก และพิสตาชิโอพิวเร แล้วราดซอสล็อบสเตอร์วีเนเกรทที่ได้มาจากน้ำสต๊อกของตัวล็อบสเตอร์เอง เนื้อล็อบสเตอร์นุ่มเด้งหอมกลิ่นสโมค รสชาติเข้มข้นเจือความเค็มอ่อนๆ ที่ปลายลิ้น

CONTENTO

ถัดมายังคงเป็นความอร่อยจากมหาสมุทรแอตแลนติก หากแต่เปลี่ยนเป็นเนื้อปลา Wild Caught John Dory, Shellfish, Espelette ปลาจอห์นดอรีนำไปทอด เสิร์ฟมากับทาร์ตหอย สควิดบาร์บีคิว บุยยาเบส (Bouillabaisse) โฟมซอส ยกเสิร์ฟแล้วราดน้ำซุปเคี่ยวจากวัตถุดิบซีฟู้ดผสมหญ้าฝรั่น ตักทุกส่วนผสมพร้อมกันในคำเดียว จะสัมผัสถึงรสเนียนละมุนและชุ่มฉ่ำประทับใจ

ในขณะที่จานหลักเชฟนำเสนอ Joel Poirier Pigeon, Carrot, Coffee เนื้อนกพิราบผ่านการ ดรายเอจนานหนึ่งสัปดาห์แล้วจึงนำไปย่าง เสิร์ฟคู่กับแคร์รอตออนท็อปด้วยทาร์รากอนคอฟฟี พร้อมราดซอสจูส์นกพิราบ ได้กลิ่นสโมคหอมนำติดจมูก เนื้อนกพิราบกรอบนอกนุ่มใน หลังจากเมนคอร์สเชฟจะเสิร์ฟเมนูล้างปาก Marigold Leave (Leaf??) Sorbet ใบดาวเรืองฝรั่งเศสที่ด้านล่างเป็นมะยงชิดคอมโพส และไพน์นัทคาราเมลไลซ์ รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นผสานเนื้อสัมผัสกรอบกรุบ

ปิดมื้อด้วย Childhood Guilty Pleasure, Bounty ช็อกโกแลตบาร์รสหวานผสานขมกำลังอร่อย วางซ้อนมาบนเยลลีมะพร้าว ออนท็อปด้วยไอศกรีมมะพร้าว กับเบิร์นเมอแรงก์เผาจนขอบเป็นสีน้ำตาลหอมกรุ่น ก่อนกลับเชฟยังเสิร์ฟ Petit Four เบเกอรีโฮมเมดหลากรส อย่างเช่นเลมอนทาร์ต, เลมอนซาเบล่, เลมอนเคิร์ด, อิตาเลียนเมอแรงก์, เรอลีฌีเยิซ (Religieuse) ไส้ถั่วอัลมอนด์กับเฮเซ-ลนัท และฟินองเซียเอิร์ลเกรย์ (Financiers Earl Grey) ขนมอบฝรั่งเศสที่หมักชาเอิร์ลเกรย์เข้าไปในเนื้อเค้กซึ่งตีผสมกับอัลมอนด์ บรรจุมาในภาชนะเบนโตะไม้ดีไซน์เก๋ รับประทานคู่กับชาร้อนๆ ปิดท้ายมื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Maison Dunand
เวลาทำการ:
วันพฤหัสบดี - จันทร์: 17.30 - 21.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์: 12.00 - 14.00 น. (ปิดวันอังคารและพุธ)
ที่อยู่: ซอยสาทร 10 สีลม กรุงเทพฯ
โทร: 065 639 0515
FB: Maison Dunand
IG: maisondunandbkk
Website: https://maisondunand.com

สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับส่วนลด เซตเมนู 5 คอร์ส ในราคาพิเศษ มูลค่า 4,900 บาท / ท่าน (จากปกติ XXX บาท / ท่าน)

รับคะแนน KTC สูงสุด X10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด
15 เมษายน 2566 - 15 ตุลาคม 2566

ริก้า

บ้านเก่าสีขาวหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นที่นำมารีโนเวทใหม่ให้กลับมาสง่างามโดยไม่ทิ้งเสน่ห์ของโครงสร้างเดิม คือที่ตั้งของ RICA Boutique Upscale Dining สร้างขึ้นจากความปรารถนาของ Fredrik Lee, Managing Director และ ‘เชฟธานี นาคสินธุ์‘ Executive Chef ที่ฝันอยากจะมีร้านอาหารสไตล์อบอุ่น เสิร์ฟอาหารสไตล์ยูโรเปียนฟิวชั่นที่เข้าใจง่าย โดยผ่านการรังสรรค์เป็นมื้อดินเนอร์หรูหราสง่างาม ด้วยอาหารสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นมาโดยนำเทคนิคการปรุงอาหารแบบยุโรปผสานกลิ่นอายฝั่งเอเชียได้อย่างลงตัว พิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบที่ใหม่ สด คุณภาพดี ใช้เนื้อนำเข้าจากแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุด ผักผลไม้ออร์แกนิกตามฤดูกาล โดยจะเปลี่ยนเมนูทุกๆ 3 - 4 เดือน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติที่ดีที่สุด และได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกครั้งที่กลับมา

ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย สบายตา ด้วยองค์ประกอบต่างๆ ทั้งการใช้สีเอิร์ธโทน สีขาว ครีม และไม้สีอ่อนเป็นหลัก รวมถึงการกรุกระจกใสบานใหญ่โดยรอบทำให้อารมณ์ของร้านเปลี่ยนไปตามแสงและเงาที่สาดส่องเข้ามาตามแต่ละช่วงเวลา สร้างบรรยากาศอบอุ่น เรียบหรู แต่เป็นส่วนตัว ประหนึ่งนั่งรับประทานมื้อดินเนอร์สุดหรูบนตึกสูง ทว่าแตกต่างด้วยความอบอุ่นของบ้านอันร่มรื่นเงียบสงบ

สำหรับชื่อร้าน RICA นั้นมีความต่อเนื่องมาจากร้านคาเฟ่ RICO’S ที่ตั้งอยู่ชั้นล่าง คำว่า RICO มาจากภาษาสเปนที่แปลว่า ความอร่อย ซึ่งมีความหมายที่ดีและเป็นชื่อที่เพื่อนชาวสเปนของ Fredrik Lee เรียกเขาในชื่อเล่นๆ ว่า Fredrico หรือ RICO เมื่อเปิดร้านอาหารขึ้นที่ชั้นสอง จึงตั้งชื่อว่า RICA ให้เป็นเสมือนร้านของน้องสาวแสนสวยที่มีชื่อคล้ายกับพี่ชาย มีความสวยสง่าทว่าอ่อนโยนแบบผู้หญิง โดยไม่ทิ้งสไตล์อันหรูหรา

Ñam Ñam

เริ่มต้นมื้อดินเนอร์ด้วยอามูส บุช (Amuse Bouche) ที่บ่งบอกถึงอารมณ์อบอุ่นเป็นกันเองของเชฟ ด้วย Choux Puff Pastry Black Truffle Smoked Salmon Cream เพสทรีแบบนิ่มหรือพายนิ่ม ทำจากแป้งผสมแบล็คทรัฟเฟิลสอดไส้แซลมอนครีม ท็อปด้วยไข่แซลมอนและทรัฟเฟิลครีม เสิร์ฟมาบนใน (ใบ?) ชิโสะ และขนมปังฟอคคาเซีย (Focaccia Bread) สูตรวีแกนที่เชฟทำเองทุกขั้นตอน เสิร์ฟพร้อมบัลซามิกซอส สำหรับกินเล่นเรียกน้ำย่อย

จานแรกเชฟพาไปสัมผัสกลิ่นอายทะเล กับ Gillardeau Oyster Avocado Ceviche หอยนางรมสดตัวใหญ่จากฝรั่งเศส นำเข้ามาแบบยังมีชีวิตเพื่อให้ได้รสชาติที่สด หวาน และมีความครีมมี่แบบเต็มๆ คำ พร้อมอะโวคาโดและเซบิเช (Ceviche) ที่มีรสชาติเปรี้ยวนำคล้ายน้ำยำ แต่มีความกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์จากการเลือกใช้ผลไม้ไทยมาปรุงรส เป็นการมอบสมดุลของรสชาติที่เข้ากันได้ดีกับหอยนางรมสด และเป็นหนึ่งในเมนูที่ลูกค้าส่วนใหญ่ชื่นชอบ

Ñam Ñam

ต่อด้วย Iberico Ham Caramelised Fresh Figs แฮมจากหมูสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของสเปน และจัดว่าเป็นแฮมที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลก สไลซ์บางๆ เสิร์ฟมาบนขนมปังสไตล์อิตาลี (อิตาเลียน?) ท็อปด้วยเห็ด พร้อมเวนิก้าการ์ลิกออยล์ และมะเดื่อฝรั่ง จานต่อมาเป็นการผสมผสานที่แสนจะลงตัว Black Truffle Lobster Ravioli ได้แรงบันดาลใจมาจากเกี๊ยวของจีนหรือเสี่ยวหลงเปา จานนี้เชฟนวดแป้งด้วยมือจนได้แป้งนุ่มหนึบ รีดแป้งไม่หนาไม่บางจนเกินไปเพื่อทำราวิโอลี ด้านในมีล็อบสเตอร์และน้ำซุปรสกลมกล่อมหอมกรุ่น ท็อปด้วยแบล็คทรัฟเฟิลฝานบางๆ พร้อมซอสสูตรเฉพาะของที่ร้าน เสิร์ฟมาในจานรูปเปลือกหอยมุก

ต่อด้วยจานหลักสำหรับคนรักเนื้อ อย่าง Lamb Rack, Herbs Rub, Caramelised Apple ที่นำเนื้อแกะไปหมักเครื่องเทศสด 24 ชั่วโมง จนแทบไม่มีกลิ่นสาบหลงเหลืออยู่เลย พร้อมเครื่องเคียงผักหลากชนิด และมิกซ์เบอร์รีซอสรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ เข้ากันได้ดีกับเนื้อแกะนุ่มๆ สุกกำลังพอดี หอมกลิ่นสมุนไพร

ปิดท้ายด้วย Honey Yuzu Tart ที่ได้ความสดชื่นจากรสเปรี้ยวอมหวานของยูซุซอร์เบ (เช็กคำสะกด) น้ำผึ้ง และยูซุเคิร์ด ด้านล่างเป็นซาเบล่ (Sablé) คุกกี้แบบฝรั่งเศส ท็อปด้วยเปลือกส้มยูซุ เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบด้วยเมอแรงค์เบิร์น จานนี้มีรสหวานอมเปรี้ยว เหมาะสำหรับปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์แบบ

Ñam Ñam RICA
เวลาทำการ: 18.00 - 22.30 น.
ที่อยู่: สุขุมวิท 26 กรุงเทพฯ
โทร 02 258 5538
FB: Rico’s Sukhumvit IG: -

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC MASTERCARD พี่มอมรบกวนเติมตอนคุณจิ๋วแจ้งมานะค่ะ

รับคะแนน KTC สูงสุด X10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด
15 เมษายน 2566 - 15 ตุลาคม 2566

ซูชิ ซาริว

ร้านโอมากาเสะระดับพรีเมียม ที่มีเพียง 6 ที่นั่ง เท่านั้น ภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลอบอุ่นสบายตาเข้ากับโทนของเคาน์เตอร์บาร์และเก้าอี้ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ทุกองค์ประกอบกลมกลืนและเหมาะเจาะเพราะผ่านการคิดและออกแบบให้รองรับความเป็นส่วนตัว ความรู้สึกแรกเมื่อเดินเข้าสู่ร้านคือความเงียบสงบผ่อนคลาย เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ มองตรงไปด้านหน้า จะเห็นผนังที่เป็นประตูตู้บิวต์อินบานใหญ่ปรากฏตัวอักษรคันจิที่แปลว่านาฬิกาทราย ซึ่งการไหลของทรายนั้นเปรียบเสมือนช่วงเวลาที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เชฟทุ่มเททำอาหาร หรือเวลาที่ทุกคนได้มารับประทานอาหารที่ร้านแห่งนี้

การประดับประดาตกแต่งดูเรียบง่ายแต่กลับเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานศิลปะจากคอลเลกชันส่วนตัวของเชฟที่ติดผนังผ่านจอแอลอีดีสลับสับเปลี่ยนผลงานศิลปินที่เชฟเซอิจิชื่นชอบ แล้วยังมีตู้โชว์แก้วสาเกหลากหลายรูปทรงสำหรับให้ลูกค้าเลือกลวดลายที่ชื่นชอบ ที่สำคัญที่สุด อาหารทุกจานได้รับการตระเตรียมและปรุงด้วยความประณีตใส่ใจพร้อมเทคนิคการทําซูชิเฉพาะตัวของ ‘เชฟเซอิจิ ซูโด’ เชฟผู้ซึ่งสั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมาอย่างยาวนาน โดยมีพื้นฐานครอบครัวที่เปิดร้านราเม็งแบบดั้งเดิมบนเกาะคิวชูร้านนี้เปิดรอบเดียว

คุณภาพและความสดใหม่ของวัตถุดิบคือหัวใจสําคัญที่ทำให้โอมากาเสะของร้านซูชิ ซาริวได้รับการพูดถึงในหมู่คนรักโอมากาเสะแม้จะเปิดได้เพียงไม่ถึงหนึ่งขวบปี เพราะส่งตรงมาจากตลาดปลาโทโยสุ ในโตเกียว ผ่านการคัดเลือกโดยเชฟเซอิจิมอบหมายซัพพลายเออร์ที่มีความเชี่ยวชาญซึ่งได้รับความไว้วางใจจากเชฟมาอย่างยาวนานทำหน้าที่ส่งวัตถุดิบเหล่านั้นมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาเตรียมและบ่มโดยเชฟเซอิจิ เพื่อดึงรสอูมามิและรสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบออกมาให้ได้มากที่สุด

CONTENTO
CONTENTO

ร้านโอมากาเสะแห่งนี้เปิดรอบให้ลูกค้าได้สัมผัสความอร่อยจากวัตถุดิบระดับพรีเมียมเพียงวันละ 1 รอบเท่านั้น ลูกค้าทุกคนจะได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ 4 ชั่วโมงเต็ม เพลิดเพลินกับสุนทรียภาพที่ได้จากรสชาติของอาหารที่เชฟเซอิจิคัดสรรจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมที่ใส่ความตั้งใจของเชฟเซอิจิในทุกช่วงขณะที่ทำอาหารด้วยตนเองทุกขั้นตอน

ซูชิ ซาริว นำเสนอเซตเมนูโอมากาเสะจำนวนประมาณ 15 คอร์ส อาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าของวัตถุดิบที่เชฟจัดหามาได้ โดยทุกคำล้วนแต่มีความพิเศษที่ทำให้ได้รับการจดจำแตกต่างกันไป

ไม่ว่าจะเป็น Chutoro เมนูที่นำปลาทูน่าเนื้อส่วนท้องบริเวณกลางลำตัวใกล้ครีบและบริเวณท้องส่วนหลัง ซึ่งมีไขมันแทรกอยู่ตามเนื้อ เสิร์ฟพร้อมคอมบุจากจังหวัดซากะบนเกาะคิวชู ซึ่งมีความพิเศษและมีชื่อเสียง วิธีรับประทานใช้มือพับสาหร่ายแล้วหยิบเข้าปากทั้งคำได้รับรสสัมผัสนุ่มกรอบและรสชาติหวานจากปลา คำต่อมา Uni Soup กลิ่นหอมจางๆ ด้วยน้ำสต๊อกสาหร่ายคอมบุและลื่นละมุนลิ้นด้วยเนื้อสาหร่ายที่เข้ากันได้ดีกับบาฟุนอูนิปรุงรสด้วยเกลือธรรมชาติ

Ñam Ñam

อีกหนึ่งคำที่น่าสนใจคือ Noduguro เมนูจากปลากะพงดำที่ผ่านการบ่มด้วยเทคนิคพิเศษเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทำให้ได้รสปลาที่กลมกล่อม ส่วนคำนี้ Botanebi เมนูจากกุ้งโบตันที่ผ่านการเผาเพียงเล็กน้อยเพิ่มกลิ่นหอม สีสันแปลกตาด้วยแพไข่กุ้งสีเขียวธรรมชาติ เสิร์ฟพร้อมมันกุ้งและไข่กุ้ง ท็อปด้วยอูนิ เพื่อให้รสชาติครบถ้วนควรใช้ช้อนคนให้เข้ากัน ตัวไข่นั้นเคี้ยวกรุบ ไม่คาว และไม่เค็ม ส่วนมันกุ้งให้รสชาติที่นวลหนึบนัวพร้อมกลิ่นเค็มทะเลเบาๆ

และเมนูพิเศษที่ยังคงติดตรึงนั่นคือ Awabi หรือหอยเป๋าฮื้อที่นำไปแช่สาเกก่อนนำไปนึ่งแล้วหั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำวางโปะบนข้าวซูชิ พร้อมซอสด้านล่างที่ทำจากตับของหอยเป๋าฮื้อ ลำดับต่อมากับ Ankimo ตับปลาอังโกะหรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเล เป็นคำที่ให้หลากรสชาติหลายความรู้สึก แบ่งออกเป็นสองส่วน ชิ้นใหญ่ด้านบนไปแช่สาเก โชยุ และน้ำตาลประมาณ 20 นาที ด้านล่างเป็นตับปลาอังกิโมะบดละเอียด ไม่มีน้ำมันแต่รสชาติเข้มข้น ตัดรสด้วยแตงโมดองหมักสาเก

ใครที่ชื่นชอบความหลากหลายจะหลงรักเมนูต่อมา Mazekohan เมนูข้าวซูชิผสมกับอูนิ สาหร่ายและไข่ปลาแซลมอน ท็อปด้วยปลากะพงแดงและปลากะพงคอดำ ใช้ช้อนคลุกให้เข้ากันก่อนรับประทาน Mazekohan Maki Sushi อีกหนึ่งเมนูธรรมชาติจากสาหร่ายที่เสิร์ฟพร้อมไข่ปลาแซลมอน ชูโทโร่ และไข่กุ้งสองชนิด ได้แก่ โบตันเอบิและชิมะเอบิโรยเกลือดึงรสชาติแสนอร่อยออกมาโดยไม่ต้องปรุงแต่งเพิ่มเติม

ซูชิ ซาริว
เวลาทำการ: 18.00 - 22.00 น. (หยุดวันจันทร์)
ที่อยู่: อาคาร โครนอส สาทร ชั้น G 46 ถนนสาทรเหนือ สีลม บางรัก
โทร. 083 912 9288
FB: sushisaryu
IG: sushisaryu Website: https://workshop.co.th
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี Complimentary Drink 1 ที่ มูลค่า 900++ บาท เมื่อรับประทานครบ 10,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป ไม่รวมค่าภาษีและค่าบริการ รับคะแนน KTC สูงสุด X10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด 15 เมษายน 2566 - 15 ตุลาคม 2566

วิลล่า ฟรันท์เซน

วิลล่า ฟรันท์เซน ในฐานะร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งโมเดิร์นนอร์ดิกส่งตรงจากฟรันท์เซน กรุ๊ป ของ ‘เชฟบยอร์น ฟรันต์เซน’ เชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาว ชาวสวีเดน นำพาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าสัมผัสมาสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครในทุกมิติ

เริ่มต้นกับการได้สัมผัสบรรยากาศบ้านอันโอ่อ่าหรูหรา น้อยแต่มาก ของชาวสแกนดิเนเวียนซึ่งถูกจำลองไว้ภายในคฤหาสน์สีขาวหลังงาม โดยเฉพาะการจัดไฟที่ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาของฤดูหนาวซึ่งจะได้อารมณ์ของแสงเทียนและแสงไฟอันอบอุ่นจากเตาผิง ในขณะเดียวกัน ครัวเปิดอันกว้างขวางที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งกับขนาดและจำนวนพนักงาน และเหนืออื่นใดคือการเสิร์ฟเซตเมนูที่แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมๆ นำเสนอความเป็นฟรันท์เซน กรุ๊ป ด้วยการมอบอิสระให้ทุกคนมีโอกาสได้เลือกเมนูที่ตนเองชื่นชอบ โดยในแต่ละคอร์สของ 6 คอร์สเมนู จะมีสองเมนูให้เลือกเพียงหนึ่งเมนู โดยมี ‘เชฟนิลาส คอร์เนเลียนเซน’ ชาวสวีเดน ทำหน้าที่ดูแลครัวในฐานะหัวหน้าเชฟ เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทยมาก่อน สั่งสมประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งทั้งจากสวีเดนและเดนมาร์กมาหลายแห่ง ด้วยความรักในการทำอาหารและความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับเมืองไทย คนไทย และวัฒนธรรมไทย เป็นแรงบันดาลใจในการส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้คนไทยได้ลิ้มลองความอร่อยระดับสากล

ตัวร้านชั้นหนึ่งรองรับลูกค้าได้ประมาณ 60 ที่นั่ง พร้อมด้วยห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นบนของบ้านอีกจำนวน 3 ห้อง รองรับแขกได้ห้องละประมาณ 12 - 16 ที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีวิลล่า ฟรันท์เซน บาร์ ที่อยู่ในรั้วเดียวกันพร้อมต้อนรับแขกขณะที่รอรับประทานอาหารหรือนั่งชิลเอาต์หลังจบคอร์สอาหารในห้องรับแขกของบ้านนอร์ดิกที่เรียบง่ายเป็นกันเอง

Ñam Ñam

แม้จะเป็นร้านอาหารสไตล์นอร์ดิก แต่วัตถุดิบที่ทางร้านเลือกใช้กลับไม่จำกัดอยู่แค่เพียงบางสิ่งบางอย่างจากภูมิภาคสแกนดิเนเวียนเท่านั้น วิลล่า ฟรันท์เซนมีปรัชญาการทำอาหารหนึ่งเดียว นั่นคือ การเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เบื้องหลังอาหารหนึ่งจานคือทีมงานที่ทำงานหนักและทุ่มเท เพราะวัตถุดิบที่ทางร้านเลือกล้วนแต่ผ่านการคัดสรรและทดลองโดยทีมวิจัยและพัฒนาของฟรันท์เซน กรุ๊ป เพื่อให้แน่ใจว่ารสชาติของวัตถุดิบนั้นๆ คือรสชาติที่อร่อยที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลาขณะนั้น ไม่ใช่เพียงอาหารประจำฤดูกาลของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่คือฤดูกาลของโลกใบนี้

เริ่มกันที่หนึ่งในตัวเลือกของเมนูกินเล่น ‘Kavring’ bread w. Bordier Butter เฟรนช์โทสที่มาในรูปทรงวงกลมเสิร์ฟพร้อมเนยโฮมเมดสัญชาติฝรั่งเศสแบรนด์บอร์ดิเยร์ (Bordier) ที่ได้รับการยอมรับในวงการอาหารว่าเป็นเนยที่ดีที่สุดในโลก จานต่อมา Beef consommé w. foie gras wontons เมนูกงซอเมที่รสชาติเข้มข้นด้วยน้ำสต๊อกหอมน้ำมันขิงจางๆ โรยหน้าด้วยเห็ดเข็มทองหั่นสั้น และใบไทม์ โดยมีตัวเกี๊ยวไส้ฟรัวกราส์เป็นพระเอกของซุปใสถ้วยนี้

Ñam Ñam

มาถึงจานที่โดดเด่นเป็นพิเศษด้วยสีสันและรสชาติ Jerusalem artichokes & Kalix vendace roe flowering chives, vinaigrette of cold-pressed rapeseed oil, bbq onions & fresh cream เมนูจากต้นอาร์ติโชคที่แสนมหัศจรรย์ ที่ผสมผสานกับผักนานาชนิดทั้งต้นหอมจีน หัวหอมย่าง และเติมสีสันด้วยไข่ปลา Vendace จากเมือง Kalix โดยมีตัวชูรสเป็นน้ำส้มสายชูจากน้ำมันเรพซีดสกัดเย็นที่ตัดรสชาติให้ความเปรี้ยวนิดๆ เพิ่มความสดชื่น ยิ่งเมื่อรับประทานจะสัมผัสได้ถึงความกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้รับพลังจากแสงแดดยามเช้า

ตามปกติทางร้านวิลล่า ฟรันท์เซนจะมีการสลับเปลี่ยนหมุนเวียนการใช้วัตถุดิบอยู่บ้างเพื่อสร้างสีสันและนำรสชาติจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลกมาให้ทุกคนได้ลิ้มลอง แต่เมนูจากอาร์ติโชคนี้กลับดำรงอยู่เป็นตัวเลือกอย่างยาวนาน นับเป็นจานที่พิเศษน่าประทับใจ

นอกจากนั้น อีกเมนูสำหรับคนรักปลาจะหลงรักกับ Baked Cod and Kohlrabi ชิ้นปลาค็อดสีขาวอบเนยท็อปด้วยไข่ปลาเทราต์จากเดนมาร์กสีส้มสดที่มีขนาดใหญ่กว่าไข่ปลาชนิดอื่นๆ ปวยเล้งดอง ตัดรสด้วยซอสเบอร์บล็อง (Beurre Blanc) จากชีสแพะเพิ่มกลิ่นที่เข้มข้นผสมผสานกับกลิ่นหอมเบาๆ ของน้ำมันสกัดจากโรสแมรี่และสาหร่าย สำหรับเมนูของหวาน ปิดท้ายคอร์สอย่างสวยสดและงดงามด้วย Blood Orange Sorbet ซอร์เบต์ส้มโอรสเปรี้ยวอมหวานที่ลอยอยู่ในทะเลของมูสชาอู่หลงเนื้อเบานุ่มละมุน เพิ่มรสสัมผัสกรุบกรอบด้วยถั่วเฮเซลนัทคั่ว เวลาทำการ: 13.00 - 15.00 น. และ 16.00 - 22.00 น.

ที่อยู่: 7 ซอยเย็นอากาศ 3 ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ
โทร. 087 344 8222
FB: Villa Frantzén
IG: villafrantzen
Website: https://www.villafrantzen.com/
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ทุกประเภท
รับฟรี VF French Toast 1 ที่ มูลค่า 550 บาท++ สำหรับเมนูเซต 6 คอร์ส
และ รับฟรี Oyster 63.4'C 1 ที่ มูลค่า 250 บาท++ เมื่อรับประทานครบ 2,500 บาทขึ้นไป ที่ Villa Frantzén Bar
รับคะแนน KTC สูงสุด X10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด
15 เมษายน 2566 - 15 ตุลาคม 2566