100 มหาเศรษฐ์
ร้านอาหารระดับมิชลิน บิบ กูร์มองด์ สามปีซ้อน (2019 – 2021) ถ่ายทอดความเคารพต่อภูมิปัญญาชาวบ้านและต่อวัฒนธรรมอาหารอีสาน สอดประสานกรรมวิธีการปรุงแบบตะวันตก ภายใต้ศิลปะการจัดจานอันงดงามร่วมสมัย รังสรรค์โดยเชฟชาลี กาเดอร์ เชฟชาวไทย-จีน-อินเดีย ผู้หลงใหลในรสอาหารจัดจ้านของไทย
บ้านไม้หลังเก่าเลขที่ 100 บนถนนมหาเศรษฐ์ ได้รับการปรับโฉมสู่ร้านอาหาร จึงกลายเป็นที่มาของชื่อร้านไปโดยปริยาย งานออกแบบตกแต่งผสมผสานเสน่ห์ของบ้านไทยเข้ากับโรงนา ใช้วัสดุหลากหลายทั้งไม้ โลหะ กระจก และอิฐมอญ ส่วนบริเวณครัวเปิดโล่งมองเห็นทุกความเคลื่อนไหว ด้านหน้าวางเรียงรายไปด้วยสารพันวัตถุดิบเครื่องปรุง ชวนรำลึกถึงครัวไทยสมัยดั้งเดิม
ภายใต้ทักษะการปรุงอาหารอันเอกอุของเชฟชาลี บวกกับการเล็งเห็นถึงคุณค่าของวัตถุดิบในเมืองไทย ที่เชฟตั้งใจคัดเลือกของดีเลิศด้วยตัวเองส่งตรงมาจากฟาร์มของเกษตรกรท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นส่วนหัวถึงหาง หรือส่วนยอดถึงราก เชฟนำมาปรุงเป็นอาหารอีสานจานอร่อยได้ครบรสหมดจด ที่สำคัญยังฉลาดคัดสรรเมนูอีสานมาขึ้นโต๊ะได้อย่างน่าสนใจ
แค่ของทานเล่นที่เสิร์ฟเป็นชุดต้อนรับก็น่าประทับใจแล้ว ประกอบไปด้วยส้มตำไทย ส้มตำปูปลาร้า แคบหมู น้ำพริกแจ่วมะขาม แจ่วมะเขือ และชิมิชูรีสไตล์ไทย พร้อมผักพื้นบ้าน เป็นเครื่องเคียงเซ็ตเล็กๆ แต่อร่อยคำโต และสามารถขอเติมได้เรื่อยๆ จนจบมื้อ
จากนั้นเข้าสู่จานแรก ได้แก่ ยำสับปะรดหอยแครง สับปะรดเนื้อหวานและฉ่ำน้ำยำมากเป็นพิเศษ เพราะนำไปคอมเพรสกับน้ำยำมาก่อนจนเข้าเนื้อเข้มข้น ขณะเดียวกันตัวหอยแครงที่อยู่ชั้นล่างก็มีการใช้น้ำจิ้มซีฟู้ดมาช่วยเพิ่มรสชาติด้วย เติมสีสันด้วยมะเขือส้มน้อย กับก้านคูนหรืออ้อดิบหั่นบางๆ ออนท็อปตรงกลางด้วยถั่วลิสงป่นหยาบๆ เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสในการเคี้ยว
เมนูที่สอง ฮอตดอกไส้อั่ว เชฟต้องการประยุกต์ความโมเดิร์นและฟิวชันเข้าไปในอาหารสตรีทฟู้ดของไทย จึงหยิบแรงบันดาลใจมาจากแฮมเบอร์เกอร์ ไส้อั่วถูกปรุงตามตำราไทยแท้ แต่ปรับภาพลักษณ์ภายนอกให้เป็นอย่างไส้กรอก หอมกลิ่นผักชีใบเลื่อยอยู่ด้านใน เสริมรสด้วยสมุนไพรกับแรดิชดองเติมความเปรี้ยวและกรุบกรอบ ก่อนประกบด้วยขนมปังเพื่อลดทอนรสจัดจ้านของไส้อั่ว เสิร์ฟมาในกล่องสีแดงพิมพ์ชื่อร้านสีเหลืองตัดกัน เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่บ่งบอกตัวตนของร้านได้ครบทุกมิติ เพราะผสมผสานกรรมวิธีที่ช่วยอวดรสชาติแห่งอีสานให้โดดเด่นยิ่งขึ้นภายใต้หน้าตาที่ดูทันสมัย
ส่วนเมนู ก้อยปลา นำเสนอมาเพื่อให้เกิดกิจกรรมในการรับประทานบนโต๊ะ โดยตักก้อยปลาและข้าววางในแผ่นสาหร่ายไกแล้วห่อป้อนเข้าปาก ยังมี ยำขนมจีนคางหมูทอด ที่ถูกปากมากเป็นพิเศษจากเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มของไข่ต้มยางมะตูม ส่วนคางหมูจะมีรสเค็มและกรอบ เพราะผ่านการหมักเกลือตากแห้งแบบหมูเค็ม รสชาติโดยรวมครบองค์ประกอบ มีทั้งความเผ็ด เปรี้ยว หวาน นุ่ม และครีมมี่
มาถึงจานอีสานคลาสสิกอย่าง ก้อยไข่มดแดง ซึ่งเชฟเติมความมันด้วยถั่วแมคคาเดเมียขูดฝอยโรยหน้า เป็นลูกเล่นส่งท้ายรสชาติให้อร่อยซับซ้อนยิ่งขึ้น อีกเมนูห้ามพลาดคือ ลิ้นวัวย่าง ที่นำไปดรายเอจนาน 15 วัน เนื้อจึงนุ่มละมุน หั่นเสิร์ฟมาเป็นชิ้นเล็กๆ โรยหน้างาขี้ม่อนที่มีความกรอบและหอมเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว จิ้มกับซอสรสเปรี้ยวหวาน พร้อมเครื่องเคียงอย่างหัวไชเท้าดองและใบชะมวง ซึ่งมีรสเปรี้ยวในตัวมันเอง ทำให้เป็นคำเล็กๆ แต่ครบเครื่องความแซ่บ
อร่อยลิ้นหนักขึ้นมาอีกหน่อย ด้วย แหนมซี่โครงหมู สิ่งที่ตั้งใจนำเสนอในจานนี้คือกระบวนการถนอมอาหารจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งแหนมคือหนึ่งในกรรมวิธีหมักดองตามแบบฉบับโบราณ กัดคำแรกรู้สึกถึงรสเปรี้ยวจางๆ แต่เมื่อยิ่งเคี้ยวความเปรี้ยวจะยิ่งกำซาบเข้มข้นอยู่ในกระพุ้งแก้ม นอกจากเครื่องเคียงพื้นฐานที่ทานคู่กับแหนมตามร้านทั่วไปแล้ว ที่นี่ยังเพิ่มเติมลูกเล่นมากกว่าด้วยซอสขิง ช่วยเปิดรสชาติอร่อยแปลกใหม่
จบท้ายด้วยของดีจากถิ่นสุรินทร์ นั่นคือ สเต๊กเนื้อ ใช้เนื้อส่วนสตริปลอยน์ย่างสุกกำลังหอมกรุ่น ผิวนอกสีเข้มส่วนเนื้อในแดงสดชุ่มฉ่ำ ยกเสิร์ฟพร้อมชุดเครื่องจิ้มหลากหลาย มีทั้งแจ่วพริกป่น ต้นหอมซอย ผักชีใบเลื่อย ใบมะกรูด ส้มจี๊ด พริก และข้าวคั่ว เพื่อให้นักชิมได้ลองผสมผสานรสชาติที่ถูกใจได้ด้วยตัวเอง อีกอย่างคือชิมิชูรี ซึ่งขอแนะนำให้จิ้มกับเนื้อก่อนเป็นคำแรก เพราะเป็นน้ำจิ้มสูตรพิเศษทางร้านรังสรรค์ขึ้นมาเอง มีความซับซ้อนในรสชาติและหอมกลิ่นสมุนไพร จะได้รสสัมผัสของเนื้อสเต๊กที่อร่อยล้ำไม่ซ้ำใคร
100 มหาเศรษฐ์
เวลาทำการ: 11:30 – 22:30 น.
ที่อยู่: ถนนมหาเศรษฐ์ สี่พระยา กรุงเทพฯ
โทร. 02 235 0023
FB: 100Mahaseth
IG: 100Mahaseth
Line: @100Mahaseth
สิทธิพิเศษบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
รับส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร / เซลส์สลิป
รับคะแนน KTC สูงสุด X10*
สำหรับบัตรเครดิต KTC X WORLD REWARDS MASTERCARD และ KTC WORLD MASTERCARD ทุกประเภท ตามเงื่อนไขที่กำหนด
1 พฤศจิกายน 2566 – 30 เมษายน 2567