รีวิวไอโฟน 15 มีอะไรอัปเดตบ้าง

iPhone 15 Series สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Apple มาพร้อมกับสีใหม่โทนพาสเทล ตัดดีไซน์รอยบากบริเวณกล้องหน้าออกไปเป็น Dynamic Island แทน และสิ่งสำคัญที่น่าจะถูกใจหลาย ๆ คน นั่นคือ การเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning เป็น USB-Type C แล้วนั่นเอง!

ในบทความนี้ เราจะมารีวิวไอโฟน 15 เทียบแต่ละรุ่นในซีรีส์เดียวกันว่ามีอะไรที่แตกต่าง มีอะไรที่อัปเกรดเปลี่ยนไปบ้าง และมีลูกเล่นอะไรใหม่ ๆ ที่น่าสนใจพอจะสามารถดึงดูดเงินในกระเป๋าของคุณได้บ้าง หากดูรีวิวไอโฟน 15 แล้วอยากซื้อก็ไม่ยากเลย เพียงแค่รู้วิธีเก็บเงินอย่างไร ให้เก็บได้อย่างมีคุณภาพ เท่านี้ก็สามารถเก็บเงินไปซื้อไอโฟน 15 หลังจากอ่านรีวิวได้แล้ว

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• รีวิวไอโฟน 15 แต่ละรุ่น แตกต่างกันอย่างไร?
• รีวิวขนาดและรูปแบบหน้าจอของไอโฟน 15 แต่ละรุ่นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
• รีวิวกล้องของไอโฟน 15 ถ่ายสวยขึ้น เก็บรายละเอียดครบ!
• แบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานของไอโฟน 15 ใช้ได้ทั้งวัน ไม่มีหวั่น
• การชาร์จไอโฟน 15 ด้วย USB Type C ทำให้ไม่ต้องพกเยอะอีกต่อไป
• ตารางเปรียบเทียบไอโฟน 15 แต่ละรุ่น เทียบแบบชัด ๆ
• รายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับไอโฟน 15
• สรุป รีวิวไอโฟน 15 พร้อมวางแผนทางการเงินก่อนซื้อ

รีวิวไอโฟน 15 แต่ละรุ่น แตกต่างกันอย่างไร?

iPhone 15

เริ่มรีวิวไอโฟน 15 กันที่รุ่นเริ่มต้นเบสิคอย่าง iPhone 15 แน่นอนว่าดีไซน์ของตัวเครื่องยังมีความเหลี่ยมเหมือนเดิม แต่ปรับช่วงขอบให้มีความโค้งมนมากขึ้น ส่งผลให้จับแล้วไม่รู้สึกบาดนิ้ว น้ำหนักเบา ในส่วนของสี จะมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่สีดำ, สีฟ้า, สีเขียว, สีเหลือง และสีชมพู ซึ่งเป็นโทนพาสเทลทั้งหมด วัสดุหน้าจอใช้เป็นกระจก Ceramic Shield ซึ่งจะมีความแข็งแรง ไม่แตกง่าย ขอบด้านข้างเป็นอะลูมิเนียม ส่วนด้านหลังเป็นกระจกที่แต่งสี ซึ่งมีความระยิบระยับเล่นกับแสง

สเปค iPhone 15 มาพร้อมความจุ 128GB, 256GB และ 512GB ชิปประมวลผลคือ A16 Bionic ซึ่งการทนน้ำอยู่ในระดับ IP68 หรือความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลา 30 นาที ตามมาตรฐาน IEC 60529

ถึงแม้ไอโฟน 15 จะเป็นรุ่นเริ่มต้นใน 15 Series แต่ก็ได้มีการพัฒนาวัสดุ สี และดีไซน์เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ ไม่น้อย ในที่นี้อาจมีคนสงสัยว่าราคาเริ่มต้นของ iPhone 15 นั้นราคาเท่าไหร่ ซึ่งราคาเริ่มต้นของไอโฟน 15 จะอยู่ที่ 32,900 บาทนั่นเอง

iPhone 15 Plus

มาต่อกันที่รีวิวไอโฟน 15 Plus ในส่วนของวัสดุและการดีไซน์ รวมถึงสีนั้นเหมือนกับรุ่น iPhone 15 แต่จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จับถนัดมือมากขึ้นสำหรับใครที่มือใหญ่ หรือต้องการใช้สมาร์ทโฟนจอกว้าง

ในส่วนของสเปคไอโฟน 15 พลัส จะมีความจุเที่ 128GB, 256GB และ 512GB ซึ่งใช้ชิป A16 Bionic เช่นเดียวกันกับ iPhone 15 มีความทนน้ำอยู่ในระดับ IP68 หรือความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลา 30 นาที ตามมาตรฐาน IEC 60529 และ iPhone 15 Plus ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 37,900 บาท

iPhone 15 Pro

รีวิวไอโฟน 15 Pro จะเป็นรุ่นที่โปรขึ้นตามชื่อ เริ่มกันตั้งแต่วัสดุขอบที่ใช้ โดยไอโฟน 15 Pro จะใช้เป็นไทเทเนียมที่เทียบเท่ากับวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งเป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง วัสดุกระจกด้านหน้าเป็น Ceramic Shield เหมือนรุ่นอื่น แต่ด้านหลังจะเป็นกระจกผิวด้าน โดย iPhone 15 Pro นั้นมีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีไทเทเนียมดำ, สีไทเทเนียมน้ำเงิน, สีไทเทเนียมขาว และสีไทเทเนียมธรรมชาติ (Natural Titanium)

iPhone 15 Pro มีความจุอยู่ที่ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB โดยใช้ชิป A17 Pro และการทนน้ำอยู่ในระดับ IP68 หรือความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลา 30 นาที ตามมาตรฐาน IEC 60529 ซึ่งราคาไอโฟน 15 Pro เริ่มต้นอยู่ที่ 41,900 บาท

iPhone 15 Pro Max

รีวิวไอโฟน 15 Pro Max รุ่นท็อปสุดใน iPhone 15 Series ที่ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่เท่ากับ iPhone 15 Plus แต่วัสดุและสเปคภายในแตกต่างกัน เพราะ iPhone 15 Pro Max ใช้วัสดุเป็นไทเทเนียม ซึ่งเป็นโลหะที่มีความเบาแต่แข็งแรง และมีสีทั้งหมด 4 สี นั่นคือ สีไทเทเนียมดำ, สีไทเทเนียมน้ำเงิน, สีไทเทเนียมขาว และสีไทเทเนียมธรรมชาติ (Natural Titanium) เช่นเดียวกับไอโฟน 15 Pro

ในส่วนของสเปคและความจุ iPhone 15 Pro Max จะเริ่มต้นที่ 256GB, 512GB และ 1TB ใช้ชิป A17 Pro ที่มีความรวดเร็ว และการทนน้ำอยู่ในระดับ IP68 หรือความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลา 30 นาที ตามมาตรฐาน IEC 60529 ซึ่งไอโฟน 15 Pro Max ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 48,900 บาท

จะซื้อไอโฟน 15 แต่ไม่อยากจ่ายหนักทีเดียว เลือกผ่อนไอโฟน 24 เดือน พร้อมดอกเบี้ย 0% ได้เลย

รีวิวขนาดและรูปแบบหน้าจอของไอโฟน 15 แต่ละรุ่นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

ทราบข้อมูลเบื้องต้นคร่าว ๆ แล้ว ถัดมาเราจะรีวิวไอโฟน 15 ในเรื่องของขนาดและรูปแบบหน้าจอ โดยทั้งสี่รุ่นนั้นมีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ 6.1 นิ้ว (iPhone 15 กับ iPhone 15 Pro) และขนาด 6.7 นิ้ว (iPhone 15 Plus กับ iPhone 15 Pro Max) โดยวัดขนาดจากแนวทแยงของไอโฟน

ในส่วนของรูปแบบหน้าจอ จะใช้จอ Super Retina XDR จอภาพแบบ OLED ทุกรุ่น แต่ความละเอียดจะแตกต่างกันไป ดังนี้

• iPhone 15 และ iPhone 15 Pro : หน้าจอความละเอียด 2556x1179 พิกเซล ที่ 460 ppi
• iPhone 15 Plus และ iPhone 15 Pro Max : หน้าจอความละเอียด 2796x1290 พิกเซล ที่ 460 ppi

รีวิวกล้องของไอโฟน 15 ถ่ายสวยขึ้น เก็บรายละเอียดครบ!

หากจะรีวิวไอโฟน 15 สิ่งที่พลาดไม่ได้คือในเรื่องของ “กล้อง” นั่นเอง เนื่องจากไอโฟนนั้นค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันดีว่าสามารถถ่ายรูปออกมาได้ดี สีสวย เมื่อมีรุ่นใหม่ออกมาก็มักจะถูกพูดถึงเรื่องกล้องอยู่เสมอ ดังนั้น มาดูกันว่ากล้องไอโฟน 15 Series แต่ละรุ่นมีอะไรอัปเดตบ้าง

กล้อง iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มีกล้องทั้งหมด 2 ตัว โดยกล้องหลักมีการอัปเกรดความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 48MP ซึ่งมีเซนเซอร์ป้องกันภาพสั่นไหวและ Focus Pixel 100% ทำให้ภาพมีความคมชัดมากขึ้น และจับจุดโฟกัสได้ไวมากขึ้น กล้องอัลตร้าไวด์และเทเลโฟโต้ความละเอียด 12MP ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว รูปที่ได้มีการเก็บรายละเอียดได้ชัดเจนมากขึ้น และในการถ่ายภาพด้วยแฟลชก็มีการปรับให้โทนสีผิวมีความเสมือนจริงมากขึ้น ทั้งยังแก้ไขปัญหาตาในรูปแดงอีกด้วย

ในส่วนของกล้อง iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max นั้น ตัวกล้องหลักมีความละเอียดอยู่ที่ 48MP เช่นกัน แต่ระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยเซนเซอร์ปรับตำแหน่งใช้เป็นรุ่นที่ 2 และ Focus Pixel 100% เช่นกัน รวมถึงการเพิ่มระยะการโฟกัส 24mm, 28mm และ 35mm มาให้ด้วย จึงเหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปและคุ้นเคยกับการตั้งค่ากล้องในโหมดต่าง ๆ มีการเก็บรายละเอียดภาพในการใช้แฟลชมากขึ้นโดยปรับตามสภาวะที่ถ่าย

นอกจากนี้ยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ที่ช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพกลางคืนด้วยการตรวจสภาวะแสงน้อยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้รูปที่มีการรีดแสงให้ได้มากที่สุดและลดจุด Noise ส่วนในเรื่องของการซูม ทั้งสองรุ่นนี้ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีในการซูมแบบออพติคัลในระยะ 3x และ 5x ซึ่ง iPhone 15 Pro ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 15 เท่า ส่วน iPhone 15 Pro Max ซูมได้สูงสุด 25 เท่า

แบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานของไอโฟน 15 ใช้ได้ทั้งวัน ไม่มีหวั่น

แบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานที่จะรีวิวในไอโฟน 15 นั้น ถือว่าใช้งานทั่วไปได้นานตลอดวัน ส่วนในการใช้โทรศัพท์พร้อมการเล่นวิดีโอ หรือฟังเพลง มีรายละเอียดระยะเวลาการใช้งาน ดังนี้

• iPhone 15 เล่นวิดีโอได้สูงสุด 20 ชั่วโมง เล่นวิดีโอผ่านสตรีมสูงสุด 16 ชั่วโมง
• iPhone 15 Plus เล่นวิดีโอได้สูงสุด 26 ชั่วโมง เล่นวิดีโอผ่านสตรีมสูงสุด 20 ชั่วโมง
• iPhone 15 Pro เล่นวิดีโอได้สูงสุด 23 ชั่วโมง เล่นวิดีโอผ่านสตรีมสูงสุด 20 ชั่วโมง
• iPhone 15 Pro Max เล่นวิดีโอได้สูงสุด 29 ชั่วโมง เล่นวิดีโอผ่านสตรีมสูงสุด 25 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หากมีการใช้งานวิดีโอร่วมกับการใช้งานเว็บไซต์ หรือใช้งานแอปพลิเคชันอื่น ๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องชาร์จพาวเวอร์แบงก์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เปอร์เซ็นต์การลดลงของแบตเตอรี่อาจขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและอุณหภูมิของตัวเครื่องด้วยเช่นกัน

ซื้อ iPhone 15 ด้วยบัตรผ่อนต้องทำยังไง เช็กรายละเอียดการทำบัตรผ่อนสินค้า ที่นี่ได้เลย

การชาร์จไอโฟน 15 ด้วย USB Type C ทำให้ไม่ต้องพกเยอะอีกต่อไป

การชาร์จไอโฟน 15 นั้นจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning เป็น USB Type C เรียบร้อยแล้ว หากใครที่ใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple อยู่แล้วนั้นเรียกได้ว่าสะดวกขึ้นมาก เพราะไม่จำเป็นต้องพกสายชาร์จแยก สามารถพกเพียงสาย USB-C อย่างเดียวได้เลย

และระบบการชาร์จที่เราได้รีวิวไอโฟน 15 มานั้น สามารถชาร์จเร็วได้สูงสุด 50% ภายใน 30 นาที ด้วยกำลังไฟ 20 วัตต์ และรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe ที่กำลังไฟ 15 วัตต์ด้วยเช่นกัน ถือว่าสะดวกขึ้นเป็นอย่างมาก

ตารางเปรียบเทียบไอโฟน 15 แต่ละรุ่น เทียบแบบชัด ๆ

ตารางรีวิวไอโฟน 15 เปรียบเทียบแต่ละรุ่น มีรายละเอียดดังนี้

บัตรกดเงินสด คืออะไร ศึกษาการใช้บัตรกดเงินสดสำรองในกรณีต้องการใช้เงินด่วน

รายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับไอโฟน 15

นอกจากการรีวิวไอโฟน 15 ในด้านของสเปคต่าง ๆ ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วนั้น iPhone 15 Series ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน ดังนี้

ใน iPhone 15 รุ่นโปร มีการเปลี่ยนสวิตช์เปิด-ปิดเสียงด้านข้างเป็น Action Button ที่สามารถใช้ปุ่มนี้ออกคำสั่งได้มากมาย เช่น เรียกใช้งานกล้อง, ไฟฉาย, บันทึกเสียง หรือแปลภาษา เป็นต้น โดยจะมีการแสดงผลผ่าน Dynamic Island ในส่วนนี้อาจทำให้สับสนเล็กน้อยหากต้องการเปิด-ปิดเสียง ต้องใช้ความเคยชินในการสังเกต Haptic Engine ของการตอบสนองที่แตกต่างกัน

iPhone 15 Pro ยังเป็นรุ่นแรกที่รองรับ USB 3 ซึ่งจะส่งผลให้การถ่ายโอนไฟล์ข้อมูลมีความรวดเร็ว และมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่จะตรวจจับการชนกัน หรือแรงกระแทก โดยเป็นฟีเจอร์คล้ายกับที่ Apple Watch มี ถือว่าค่อนข้างมีประโยชน์เนื่องจากจะสามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานได้เมื่อจำเป็น

สรุป รีวิวไอโฟน 15 พร้อมวางแผนทางการเงินก่อนซื้อ

ในการรีวิวไอโฟน 15 จะพบว่ามีการอัปเดตหลายสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และยังมีฟีเจอร์ลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง Dynamic Island ที่มาพร้อมกับ Action Button ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ที่สำคัญคือมีการอัปเกรดคุณภาพความละเอียดของกล้องถ่ายรูปให้เป็น 48MP ซึ่งถือว่ามีความชัด และเก็บรายละเอียดได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทีเดียว

หากพิจารณาจากแต่ละปัจจัยรวมกันเเละ พบว่า ไอโฟน 15 เป็นโทรศัพท์มือถือที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน เเละคุ้มค่าต่อการเป็นเจ้าของเเล้วนั้นการสมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ สามารถทำให้เป็นเจ้าของ ไอโฟน 15 ได้ง่าย ๆ ซึ่งมาพร้อมกับโปรโมชั่น iphone ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 24 เดือน กับร้านค้าที่ร่วมรายการ นอกจากจะช่วยให้ในเรื่องสภาพคล่องทางการเงินเเล้ว ยังช่วยในเรื่องการตอบโจทย์ไลฟสไตล์ด้านเทคโนโลยีอีกด้วย

นอกจากนี้ บัตรกดเงินเงินสด KTC PROUD ยังมีฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เบิกถอนเงินสดจากตู้ ATM ได้ทั่วไทย โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใด ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง หรือจะโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน KTC Mobile ก็สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน รวมถึงสามารถใช้รูดซื้อสินค้าได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ให้บัตรกดเงินสด KTC PROUD เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องอย่างตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

วางแผนลดภาระทางการเงินก่อนซื้อไอโฟน 15 กับ KTC PROUD

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 20% - 25% ต่อปี