ความร้อนรถยนต์ ตามปกติไม่ควรเกินเท่าไหร่
รถยนต์ถือเป็นยานพาหนะที่มอบความเป็นส่วนตัวและช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้คนยุคปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยเวลาขับขี่ควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด มีสติและไม่ประมาท ที่สำคัญให้นำรถยนต์เข้ารับการตรวจสภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง
แต่บางครั้งอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับระหว่างขับขี่ได้ เช่น เครื่องยนต์ทำงานหนักจนเกินไปหรือระบายความร้อนไม่ทัน จนทำให้ผลให้เครื่องยนต์ร้อนสูงและมีควันพุ่งออก หากตกอยู่ในสถานการณ์นี้ควรแก้ปัญหาอย่างไร วันนี้พี่เบิ้มขอพาทุกคนไปหาคำตอบกันว่า เมื่อเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ ต้องทำอย่างไร ? มาดูกันครับ
รถยนต์มีความร้อนขึ้นสูง เกิดจากสาเหตุใด
อันดับแรกพี่เบิ้มขอพาไปทำความเข้าใจก่อนว่า "รถยนต์ความร้อนขึ้น" หรือ "เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท" (Over Heat) เกิดจากระบบช่วยระบายความร้อนของรถยนต์ทำงานผิดปกติ เมื่อไม่สามารถระบายความร้อนออกไปได้ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูงและเกิดเป็นควันพุ่งขึ้นมาได้ ส่วนปัจจัยที่ทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท มีดังนี้
- หม้อน้ำเกิดการรั่วซึมในระบบหล่อเย็น
- เกิดจากผู้ขับขี่ปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิท หรือเป็นเพราะฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ
- พัดลมหม้อน้ำซึ่งมีหน้าที่ระบายความร้อนให้กับน้ำในหม้อน้ำรถยนต์และเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติหรือหยุดทำงาน
- ปั๊มน้ำชำรุดหรือพัง
- สายพานปั๊มน้ำขาด
- เป็นเพราะวาล์วน้ำไม่ทำงาน ไม่เปิด หรือท่อทางเดินน้ำชำรุด ทำให้ความร้อนเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาทั้งตอนรถวิ่งและรถหยุด
- ลืมเติมน้ำในหม้อน้ำ
วิธีดูเข็มความร้อนรถยนต์ ขึ้นแบบไหนถึงอันตราย
หมั่นสังเกตแผงหน้าปัดรถยนต์ เพื่อดูความผิดปกติของเครื่องยนต์
ผู้ใช้รถสามารถสังเกตการแจ้งเตือนความร้อนของเครื่องยนต์ได้ง่าย ๆ ผ่านการดูเกจ์ความร้อนที่มีทั้งแบบเข็มและไฟแจ้งเตือน ซึ่งมีการแสดงผลแตกต่างกันไป ดังนี้
- แบบเข็ม ถ้าอุณหภูมิเครื่องยนต์ปกติเข็มจะชี้อยู่ระหว่างตัว C (Cool) และ H (Hot) แต่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในระบบหล่อเย็นหรือปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูง เข็มจะขยับไปที่ตัว H ทันที
- แบบไฟเตือน สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีแจ้งเตือนระบบความร้อนรถยนต์ เดิมที่ใช้เข็มแจ้งเตือนมาเป็นสัญลักษณ์ไฟเตือนที่หน้าปัทม์ ทำให้ผู้ใช้รถสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติได้เร็วขึ้น เช่น ถ้าสตาร์ทรถแล้วไฟเตือนขึ้นสีเขียวหรือสีฟ้า แสดงว่าเครื่องยนต์หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิต่ำ (ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส) แต่ระหว่างขับรถหากไฟเตือนเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่ว่าจะกระพริบเป็นระยะหรือไฟสีแดงค้าง นั่นหมายถึงเครื่องยนต์หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิที่สูงกว่า 170 องศาเซลเซียส แนะนำว่าให้รีบนำรถเข้าข้างทางเพื่อหาสาเหตุของความร้อนทันที
เมื่อรถยนต์ที่ขับมีความร้อนขึ้นสูง ควรรับมืออย่างไร
รถยนต์ทุกคันมีโอกาสที่จะเกิดอาการความร้อนขึ้นได้ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพอยู่เสมอ
เมื่อพบว่ารถยนต์ของคุณเกิดความร้อนขึ้นสูงหรือเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท พี่เบิ้มแนะนำให้ปฏิบัติตามนี้เพื่อความปลอดภัย
(1) ให้รีบเปิดสัญญาณไฟขอทางแล้วนำรถเข้าข้างทาง ไม่ควรฝืนขับรถต่อไปเพราะจะยิ่งทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้นกว่าเดิม จนมีควันพุ่งออกมาจากเครื่องยนต์ โดยหลังจอดรถข้างทางแนะนำว่าควรปิดแอร์ก่อน เมื่อความร้อนลดลงจึงค่อยดับเครื่องยนต์
(2) พอจอดรถในจุดที่ปลอดภัยแล้ว หลังจากดับเครื่องยนต์ให้ผู้ใช้รถเปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน ห้ามราดน้ำบนเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด เพราะเหล็กที่ร้อนมาก ๆ เจอกับน้ำเย็นแบบฉับพลันอาจทำให้เหล็กหดตัวและแตกได้
(3) เมื่อความร้อนภายในเครื่องยนต์ลดลง ให้หาผ้าขนหนูผืนเล็กหรือผ้าหนา ๆ มาคลุมบริเวณฝาหม้อน้ำแล้วค่อยหมุนเปิดเพื่อป้องกันไม่ให้มือพอง จากนั้นค่อยตรวจเช็คหม้อน้ำว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ หากปริมาณน้ำต่ำขีดสัญลักษณ์ที่กำหนดให้ค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าเข้าไป
(4) หลังจากเติมน้ำเข้าไปให้ลองสตาร์ทรถอีกครั้ง หากไม่พบความผิดปกติและอุณหภูมิคงที่ก็สามารถเดินทางต่อได้ แต่ระหว่างขับรถขอให้หมั่นสังเกตระดับเข็มความร้อนหรือสัญญาณไฟเตือนเป็นระยะ ที่สำคัญไม่ควรขับทางยาวรวดเดียวโดนไม่พัก นอกจากอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนอีกครั้ง อาจส่งผลให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้รับความเสียหาย ส่วนกรณีที่สตาร์ทรถไม่ติดหรือระบบปรับอากาศภายในรถไม่ทำงาน แนะนำว่าควรโทรตามผู้เชี่ยวชาญให้มาตรวจสอบ
(5) แม้จะขับรถมาถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ก่อนเดินทางอีกครั้งควรนำรถเข้าไปที่ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถใกล้บ้าน เพื่อตรวจหาความผิดปกติและทำการซ่อมบำรุงให้เรียบร้อย ก่อนใช้รถยนต์ครั้งต่อไป
นอกจากวิธีรับมือเมื่อรถยนต์ความร้อนขึ้นในข้างต้น การหมั่นตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์ประจำรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น ท่อยางหม้อน้ำ ปั๊มน้ำมีรอยรั่วหรือไม่ สายพานหย่อนหรือตึงเกินไปไหม และพัดลมระบายความร้อนอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือมีร่องรอยการแตกหัก ก็ช่วยให้มั่นใจว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ที่สำคัญรถยนต์ที่ได้รับการดูแลสม่ำเสมอยังเป็นผลดี เวลานำรถของคุณไปเป็นประกันเวลายื่นขอสินเชื่อทะเบียนรถ
ส่วนใครที่ต้องการใช้เงินด่วนที่รู้ผลอนุมัติใน 2 ชั่วโมง พี่เบิ้มขอแนะนำ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ที่ให้วงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท พร้อมโอนเงินเข้าบัญชีทันทีที่อนุมัติ โดยสามารถติดต่อพี่เบิ้มได้ที่จุดบริการ KTC TOUCH แต่ถ้าไม่สะดวกเพียงกรอกข้อมูลด้านล่าง แล้วรอทีมงานพี่เบิ้มติดต่อกลับไป เพื่อนัดหมาย พี่เบิ้ม Delivery เดินทางไปพบที่บ้าน เพื่อประเมินสภาพรถ แต่หลังได้รับเงินก้อนเข้าบัญชีไปแล้ว อย่าลืมวางแผนการใช้จ่ายและชำระหนี้ให้ดีนะครับ จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
ต้องการเงินสด ซ่อมรถด่วน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงินช่วยได้…คลิกสมัครที่นี่