ทำความเข้าใจรีไฟแนนซ์รถ ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าการรีไฟแนนซ์รถยนต์และจำนำทะเบียนรถมีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกันนั่นคือ เป็นการหาแหล่งเงินด่วนฉุกเฉินที่คิดอัตราดอกเบี้ยถูก เลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้ อีกทั้งยังอนุมัติง่าย ซึ่งจุดประสงค์ในการนำเงินออกมาใช้จ่ายก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน เพราะบางคนอาจอยากได้เงินก้อนใหม่มาโปะหนี้เก่า นำไปปรับปรุงบ้านหลังน้ำท่วม ใช้จ่ายหมุนเวียนชั่วคราว หรือเป็นค่ารักษาพยาบาล ส่งผลให้รีไฟแนนซ์รถและจำนำทะเบียนรถเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ผู้ที่ต้องการเงินด่วนคิดถึง แต่รู้ไหมว่าการรีไฟแนนซ์รถก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน ฉะนั้นก่อนรีไฟแนนซ์รถยนต์ตามพี่เบิ้มมาดูกันว่า มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวให้พร้อม
การรีไฟแนนซ์รถ ดีอย่างไร
- ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูก ทำให้ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนไม่หนักมาก
- เป็นการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
- สามารถนำเงินส่วนต่างที่เหลือไปหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
6 ค่าใช้จ่ายที่ควรรู้ ก่อนขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์
(1) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดจากการรีไฟแนนซ์รถยนต์
แม้ตามปกติสถาบันการเงินไม่มีการเรียกเงินค่าจัดสินเชื่อลูกค้าที่ใช้บริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ แต่ลูกค้าอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมซึ่งเกิดจากการปิดยอดหนี้กับสถานบันการเงินเดิม หรือกรณีใช้บริการบริษัท Outsource ภายนอกทำหน้าที่รับปิดเล่มทะเบียนรถแทน
(2) ค่าปรับกรณีคืนเงินกู้ก่อนครบกำหนด
ตามปกติการรีไฟแนนซ์รถคือการนำเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งใหม่ไปให้แห่งเก่า ทำให้ธนาคารแห่งเดิมเสียผลประโยชน์เพราะคิดคำนวณดอกเบี้ยระยะยาวไว้ เมื่อคุณนำเงินมาปิดยอดหนี้ทั้งหมดก่อนครบกำหนด ด้วยเหตุนี้เองคุณต้องจ่ายค่าปรับกรณีคืนเงินกู้ก่อนกำหนดในอัตราไม่เกิน 2% ของวงเงิน แต่ถ้าคุณนำรถยนต์ที่ปลอดภาระไปขอสินเชื่อก็สามารถตัดค่าใช้จ่ายนี้ออกไปได้
(3) ค่าประเมินราคาหลักประกัน
การประเมินราคารถยนต์ที่นำมาเป็นหลักประกัน พิจารณาจากราคารถยนต์ตามรุ่นรถ ปีของรถยนต์ หรือปีจดทะเบียนโดยอ้างอิงตามบัญชีราคาประเมินรถยนต์และรถจักรยานยนต์ พ.ศ. 2564 ของกรมการขนส่งทางบก ควบคู่กับการพิจารณาสภาพปัจจุบันของรถยนต์ ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินเป็นผู้กำหนด ดังนั้นผู้กู้ควรสอบถามกับสถาบันการเงินโดยตรง เพื่อได้เตรียมค่าใช้จ่ายให้พร้อม
(4) ค่าอากรแสตมป์สำหรับกรรมสิทธิ์รถ
ค่าอากรณ์แสตมป์เป็นค่าใช้จ่ายที่ขาดไม่ได้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ และการยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถ ต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์รถประมาณ 0.5% ของวงเงินให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ไปใช้บริการ
(5) ค่าโอนกรรมสิทธิ์รถ
นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อคุณผ่อนชำระค่างวดสินเชื่อจนหมดแล้ว โดยค่าธรรมเนียมตามที่กรมขนส่งทางบกระบุไว้มีทั้งค่าโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นชื่อผู้ขอสินเชื่อ ค่าขอใช้ป้ายทะเบียนจังหวัดเดิมหรือตามทะเบียนบ้าน เป็นต้น
(6) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
เป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะที่หลายคนอาจหลงลืมไป เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร หรือค่าน้ำมัน เป็นต้น
รีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ไหนดี วงเงินสูง รู้ผลเร็ว
สำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อก้อนใหม่ด้วยการนำรถยนต์ที่ปลอดภาระเป็นหลักประกันพี่เบิ้มขอเสนอ "สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม" ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอีกตัวหนึ่ง KTC หรือบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการกู้ยืมเงินในลักษณะการจำนำทะเบียนรถยนต์ โดยสินเชื่อทะเบียนรถ KTC พี่เบิ้ม ขึ้นชื่อว่าสมัครง่าย อนุมัติถึงที่ รับเงินใน 2 ชั่วโมง ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียนรถ คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และสามารถเลือกผ่อนได้นานสูงสุด 60 เดือน (ขึ้นอยู่กับวงเงินที่ได้รับ) โดยขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์เหมือนกับการขอสินเชื่อทั่วไป นั่นคือพิจารณาคุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ และเตรียมเอกสารที่ต้องส่งให้สถาบันทางการเงิน
คุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม
- มีสัญชาติไทย อายุ 20 - 65 ปี
- รายได้ขั้นต่ำ 8,000 บาท ต่อเดือน กรณีเจ้าของกิจการ มียอดขายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท
- ประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 4 เดือน กรณีเจ้าของกิจการ ต้องดำเนินธุรกิจไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
- มีรถยนต์หรือรถกระบะเป็นชื่อของตนเอง โดยถือครองเล่มทะเบียนไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
เอกสารขอสินเชื่อทะเบียนรถยนต์KTC พี่เบิ้ม
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือนล่าสุด (ฉบับจริง) หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ทวิ 50 หรือเอกสารแสดงการประกอบอาชีพ
- สำเนาใบแจ้งยอดบัญชีธนาคารหรือสถาบันการเงินย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย
- ทะเบียนรถเล่มจริง และมีชื่อผู้กู้เป็นเจ้าของ
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ตามเงื่อนไข
ใครสนใจสมัครสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้มแนะนำให้สมัครออนไลน์เพียงคลิกที่นี่ รับรองว่าสะดวก รวดเร็ว ทันใจ หรือติดต่อที่จุดบริการ KTC TOUCH นอกจากนี้ทางเคทีซียังมีบริการพี่เบิ้ม Delivery ที่พร้อมเดินทางไปประเมินสภาพรถพร้อมอนุมัติวงเงินให้คุณแบบง่าย ๆ เพียงคุณมีเอกสารครบ รถสภาพดี และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่หลายครอบครัวตกอยู่ในภาวะยากลำบาก เพราะรายได้ไม่สัมพันธ์กับรายจ่าย พี่เบิ้มขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับทุกคนผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้นะครับ
อ้างอิงข้อมูล : กรมการขนส่งทางบก