• บัตรเครดิต
    • ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
    • คะแนน
    • ผ่อนชำระ
    • บริจาค
    • บริการหักค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ
    • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
    • KTC Device Pay
  • สินเชื่อบุคคล
    • ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ
    • บัตรกดเงินสด KTC PROUD
    • สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH
    • สินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน
    • ผ่อนชำระ
    • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • โปรโมชั่น
  • ธุรกิจร้านค้า
    • บริการธุรกิจร้านค้า
    • บริการเครื่องรูดบัตร EDC 
    • บริการ QR Code Payment
    • บริการรับชำระเงินออนไลน์
    • บริการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
    • บริการรับชำระเงินผ่านลิงก์
    • บริการรับชำระด้วย ALIPAY & ALIPAY+
  • บริการท่องเที่ยว
  • ช้อปสินค้าออนไลน์
  • บริการลูกค้า
    • ติดต่อ KTC
    • แอป KTC Mobile
    • ช่องทางการชำระเงิน
    • บริการ KTC E-Book
    • ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคู่มือ
    • คำถามที่พบบ่อย
บัตรเครดิต
บัตรเครดิต
  • ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
  • คะแนน
  • ผ่อนชำระ
  • บริจาค
  • บริการหักค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • KTC Device Pay
สินเชื่อบุคคล
สินเชื่อบุคคล
  • ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ
  • บัตรกดเงินสด KTC PROUD
  • สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH
  • สินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน
  • ผ่อนชำระ
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
โปรโมชั่น โปรโมชั่น
ธุรกิจร้านค้า
ธุรกิจร้านค้า
  • บริการธุรกิจร้านค้า
  • บริการเครื่องรูดบัตร EDC
  • บริการ QR Code Payment
  • บริการรับชำระเงินออนไลน์
  • บริการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ
  • บริการรับชำระเงินผ่านลิงก์
  • บริการรับชำระด้วย ALIPAY & ALIPAY+
บริการท่องเที่ยวบริการท่องเที่ยว ช้อปสินค้าออนไลน์ช้อปสินค้าออนไลน์
บริการลูกค้า
บริการลูกค้า
  • ติดต่อ KTC
  • แอป KTC Mobile
  • ช่องทางการชำระเงิน
  • บริการ KTC E-Book
  • ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคู่มือ
  • คำถามที่พบบ่อย
เปลี่ยนภาษา

EN

TH

KTC Search Icon KTC Search Icon
สมัครบัตร
KTC Login Icon KTC Login Icon เข้าสู่ระบบ KTC Mobile Login
KTC Profile

บัญชีของฉัน

  • KTC Online

    บัตร KTC ของฉัน

  • KTC Promotions

    โปรโมชั่นของฉัน

  • KTC Logout

    ออกจากระบบ

KTC Online Profile
  1. หน้าหลัก
  2. /
  3. บทความ
  4. /
  5. Knowledge
  6. /
  7. โลจิสติกส์ คืออะไร มีกี่ประเภท สำคัญต่อธุรกิจแค่ไหนในยุคดิจิทัล ?
  1. หน้าหลัก
  2. /
  3. บทความ
  4. /
  5. Knowledge
  6. /
  7. โลจิสติกส์ คืออะไร มีกี่ประเภท สำคัญต่อธุรกิจแค่ไหนในยุคดิจิทัล ?
โลจิสติกส์ คือ

โลจิสติกส์ คืออะไร มีกี่ประเภท สำคัญต่อธุรกิจแค่ไหนในยุคดิจิทัล ?

หมวดหมู่ : Knowledge

โลจิสติกส์ (Logistics) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลให้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ หรืออุตสาหกรรมการผลิต ก็ล้วนแต่ต้องพึ่งพาโลจิสติกส์ทั้งสิ้น ซึ่งการบริหารจัดการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพนั้น สามารถลดต้นทุน เพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่ง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลจิสติกส์ ว่าโลจิสติกส์ คืออะไร โลจิสติกส์ ทํางานอะไร มีกี่ประเภท และทำไมถึงสำคัญต่อการทำธุรกิจในยุคนี้

โลจิสติกส์ (Logistics) คืออะไร ?

โลจิสติกส์ คือ กระบวนการบริหารจัดการการไหลเวียนของสินค้า บริการ ข้อมูล และทรัพยากรต่างๆ ตั้งแต่ต้นทางไปยังปลายทางให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดเก็บสินค้า การควบคุมสินค้าคงคลัง การแพ็กสินค้า การขนส่ง การกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ

โลจิสติกส์ (Logistics) มีกี่ประเภท ?

โลจิสติกส์สามารถแบ่งออกได้ 5 ประเภทตามลักษณะของการดำเนินงาน ดังนี้

1.Inbound Logistics

โลจิสติกส์ขาเข้า หรือ Inbound Logistics คือ กระบวนการส่งมอบวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และทรัพยากรที่จำเป็นให้ตรงเวลาและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตให้สำเร็จ ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดซื้อ การขนส่ง การจัดเก็บสินค้า และการควบคุมสินค้าคงคลัง รวมไปถึงการประสานงานกับซัพพลายเออร์ การปรับเส้นทางขนส่งให้เหมาะสม และการบริหารสินค้าคงคลังเพื่อลดต้นทุน

2.Outbound Logistics

โลจิสติกส์ขาออก หรือ Outbound Logistics คือการกระจายสินค้าสำเร็จรูปจากผู้ผลิตไปยังบริษัทขนส่ง จนถึงลูกค้าปลายทางให้ตรงเวลา และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด การบริหารโลจิสติกส์ขาออกที่ดีนับว่าเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในตลาด

เพราะมีผลต่อความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้า อีกทั้งยังช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจด้วย ดังนั้น การวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบ เช่น การเลือกวิธีขนส่ง เส้นทาง และศูนย์กระจายสินค้าที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

3.Reverse Logistics

โลจิสติกส์ย้อนกลับ หรือ Reverse Logistics คือ กระบวนการจัดการสินค้าที่ผู้บริโภคส่งคืนกลับมายังผู้ผลิต ยกตัวอย่างเช่น การมีนโยบายคืนสินค้ากรณีสินค้าที่ได้รับมีข้อบกพร่อง การรับซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ ตลอดจนการนำสินค้าหรือวัสดุที่ไม่สามารถใช้ต่อได้ไปรีไซเคิลเพื่อการใช้ประโยชน์ใหม่ โดยเป้าหมายหลักคือการจัดการสินค้าคืนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสีย และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

4.Third-party Logistics (3PL) : โลจิสติกส์บุคคลที่สาม

โลจิสติกส์บุคคลที่สาม (3PL) เป็นแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ธุรกิจมอบหมายหน้าที่ด้านโลจิสติกส์ให้แก่ผู้ให้บริการเฉพาะทาง ซึ่งครอบคลุมบริการต่างๆ เช่น การขนส่ง การจัดเก็บสินค้า การดำเนินการคำสั่งซื้อ การบริหารสินค้าคงคลัง และการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง จุดมุ่งหมายของโลจิสติกส์รูปแบบนี้ คือ การปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งและลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งการร่วมมือกับผู้ให้บริการ 3PL จะช่วยให้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และทรัพยากรของผู้ให้บริการ ทำให้สามารถมุ่งเน้นที่ธุรกิจหลักได้ดีขึ้น อีกทั้งการบร่วมมือกับ 3PL จะช่วยให้การดำเนินงานคล่องตัว ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในโลกธุรกิจปัจจุบันได้

5.Fourth-party Logistics (4PL) : โลจิสติกส์บุคคลที่สี่

โลจิสติกส์บุคคลที่สี่ 4PL เป็นการใช้บริการบริษัทโลจิสติกส์เพียงแห่งเดียวในการให้คำปรึกษาและดูแลการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การวางแผน การบริหารจัดการ และการติดตามการส่งสินค้าไปยังลูกค้า ซึ่งการมีพันธมิตรด้าน 4PL ที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากบริษัท 4PL จะดูแลกระบวนการโลจิสติกส์ทั้งหมดแบบครบวงจร


(อ้างอิง https://www.invensis.net/blog/types-of-logistics
https://tassgroup.com/logistics/types-of-logistics/)

ทำไมปัจจุบันโลจิสติกส์ (Logistics) สำคัญต่อธุรกิจ ?

โลจิสติกส์ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระบวนการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ลองมาดูกันว่าทำไมโลจิสติกส์จึงมีความสำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบัน

1.เพราะการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างมาก ผู้บริโภคคาดหวังการจัดส่งที่รวดเร็วและแม่นยำ หากธุรกิจมีระบบโลจิสติกส์ที่ดี ก็จะช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าได้ตรงเวลา ลดปัญหาการคืนสินค้า และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ด้วย

2.มีการแข่งขันด้านความเร็วในการจัดส่ง

ธุรกิจที่สามารถจัดส่งสินค้าได้เร็วย่อมได้เปรียบคู่แข่ง เช่น บริการจัดส่งสินค้าภายใน 1 วัน หรือมีบริการแมสเซนเจอร์ สามารถจัดส่งได้ทันทีภายใน 2 ชั่วโมง

3.ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้

ค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์เป็นต้นทุนหลักของหลายธุรกิจ การบริหารโลจิสติกส์ที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ เช่น การเลือกเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ หรือการใช้ Smart Warehouse ในการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลังและลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดในการจัดเก็บ

4.ช่วยขยายตลาดและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

ธุรกิจที่มีระบบโลจิสติกส์ที่ดีสามารถขยายตลาดได้กว้างขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาภายในประเทศหรือการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศก็ตาม

5.ทำให้การจัดการซัพพลายเชนให้มีความต่อเนื่อง

หากระบบโลจิสติกส์ขาดประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนทั้งหมด เช่น วัตถุดิบขาดแคลน หรือสินค้าถึงมือลูกค้าล่าช้า ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจเสียลูกค้าไปให้กับคู่แข่งได้

โลจิสติกส์ คือ

โลจิสติกส์ คือ การวางแผน ดำเนินการ และควบคุมการส่งสินค้า ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ ไปจนถึงปลายทางผู้บริโภคหรือร้านค้า

13 กิจกรรมโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง ?

1. การขนส่ง (Transportation)

เป็นการบริหารการขนส่ง การเคลื่อนย้ายสินค้า วัตถุดิบ หรือผลิตภัณฑ์จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยใช้ยานพาหนะ เช่น รถบรรทุก เรือ เครื่องบิน หรือรถไฟ ซึ่งการเลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสมกับตัวสินค้านั้น จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าไปยังผู้บริโภคได้

2. การบริหารคลังสินค้า (Warehousing and Storage)

เป็นการจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบในสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกต่อการกระจายสินค้า ซึ่งรวมถึงการวางแผนตำแหน่งสินค้าและการจัดการพื้นที่ภายในคลังให้มีประสิทธิภาพด้วย

3. การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management)

การบริหารและควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะหากสินค้าขาดแคลนก็จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ หรือถ้ามีสินค้าคงคลังมากเกินไปก็จะเกิดต้นทุนในการจัดเก็บและเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพของสินค้า ดังนั้น การบริหารสินค้าคงคลังให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นการป้องกันปัญหาทางการเงินในระยะยาว

4. การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ (Packing & Packaging)

การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับสินค้า วัสดุหีบห่อมีความแข็งแรง ทนทาน จะอำนวยความสะดวกในการขนส่งและจัดเก็บ อีกทั้งช่วยป้องกันสินค้าเสียหายระหว่างการขนส่ง ทำให้สินค้าอยู่ในสภาพที่ดีเมื่อถึงมือผู้บริโภค และยังช่วยลดต้นทุนในการขนส่งได้อีกด้วย

5. การจัดซื้อ (Procurement)

การจัดหาสินค้าหรือวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตหรือการให้บริการถือเป็นกระบวนการที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น คุณภาพ ราคา ความน่าเชื่อถือของซัพพลายเออร์ โดยการเลือกซัพพลายเออร์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดส่ง และสามารถรับประกันคุณภาพสินค้าได้ จะช่วยให้กระบวนการผลิตดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและช่วยประหยัดต้นทุนได้ด้วย

6. การคาดการณ์ความต้องการ (Demand Forecasting)

การใช้เทคโนโลยีและข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนจัดเก็บสินค้าและการขนส่งได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าหรือมีสินค้าคงคลังมากเกินไป เพราะทั้งสองปัญหานี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในด้านต้นทุนและความพึงพอใจของลูกค้าอีกด้วย

7. การจัดการคำสั่งซื้อ (Order Management)

การจัดการคำสั่งซื้อเริ่มต้นตั้งแต่ลูกค้าทำการสั่งซื้อสินค้า การตรวจสอบสถานะของสินค้าคงคลัง การตรวจสอบข้อมูลการจัดส่ง การประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ภายในบริษัท ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าถึงมือลูกค้า ซึ่งการทำงานร่วมกับระบบการจัดการคำสั่งซื้อที่ดี จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อคำสั่งซื้อของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ส่งมอบสินค้าได้ตรงเวลา ส่งผลให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีและเกิดความพึงพอใจ

8. การเลือกที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้า (Plant and Warehouse Site Selection)

การเลือกที่ตั้งของโรงงานและคลังสินค้าต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น แหล่งที่มาของวัตถุดิบ ต้นทุนในการขนส่ง ระยะทาง ซึ่งการเลือกทำเลที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุนในการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าได้

9. การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วน (Part and Service Support)

การให้บริการหลังการขายที่ดี เช่น การจัดเตรียมอะไหล่หรือชิ้นส่วนสำรองให้พร้อมใช้งาน ถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่สำคัญ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้สินค้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีที่เกิดการชำรุดหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆ นั่นเอง

10. โลจิสติกส์ย้อนกลับ (Reverse Logistics)

โลจิสติกส์ย้อนกลับเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินค้าเมื่อลูกค้าส่งกลับมาหลังจากที่ขายไปเรียบร้อยแล้ว เช่น การคืนสินค้า การขอเปลี่ยนสินค้า การซ่อมแซม การกำจัดสินค้าที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือการรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยกระบวนการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอีกด้วย

11. การให้บริการลูกค้า (Customer Service)

เป็นการดูแลลูกค้าตลอดกระบวนการขนส่ง เช่น การตรวจสอบข้อมูลการจัดส่ง การนำส่งสินค้าที่ถูกต้อง การแจ้งเตือนสถานะการจัดส่ง การแก้ไขปัญหาสินค้าล่าช้า และการรับมือกับคำร้องเรียน เพื่อสร้างความพึงพอใจและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า

12. การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ (Material Handling)

เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบภายในกระบวนการผลิต การเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างผลิต ตลอดจนสินค้าสำเร็จรูปภายในโรงงาน ซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ขั้นตอนการผลิตดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

13. การติดต่อสื่อสารทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Communications)

การสื่อสารภายในองค์กรและระหว่างองค์กรกับคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำให้กระบวนการโลจิสติกส์ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ถูกต้องและทันเวลาจะช่วยให้การตัดสินใจต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และทำให้กระบวนการทั้งหมดมีความคล่องตัว

(อ้างอิง https://www.bsgroupth.com/blog/8545/ิ?srsltid=AfmBOoqedatplfYfL96REVfnIGcuiA1GNbiwXRqyNhq9hEC3uHGwdQk7 https://www.facebook.com/logistics2014/photos/a.449986048478494.1073741829.443148885828877/524057234404708/?type=1&theater)

โลจิสติกส์ คือกระบวนการที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้สินค้าถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำ แต่ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วย

หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ช่วยให้การบริหารการเงินของธุรกิจสะดวกยิ่งขึ้น บัตรเครดิต KTC คืออีกหนึ่งทางเลือกที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยการให้วงเงินที่พร้อมใช้จ่ายกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ ทำให้คุณสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนเงินทุนระหว่างการดำเนินงาน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ อีกด้วย


นอกจากนี้ บัตรเครดิต KTC ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมายที่คุ้มค่าทุกการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการสะสมคะแนน KTC FOREVER โดยทุก 25 บาท ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ จะได้รับ 1 คะแนน เพื่อแลกสินค้า / บริการ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ และคะแนนไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งคุณสามารถสะสมไว้ใช้แลกสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ ทั้งส่วนลดร้านค้า บัตรกำนัล ไมล์สายการบิน ส่วนลดที่พักและโรงแรมชั้นนำ หรือบริการต่างๆ มาพร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% สำหรับการซื้อชำระสินค้าและบริการ ที่ให้คุณแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน เป็นต้น สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์วันนี้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมายที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจคุณ

ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC

สมัครออนไลน์ด้วยตนเอง

ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
และบัตรกดเงินสด KTC PROUD

QR Code สมัครออนไลน์ด้วยตนเอง
สแกนเพื่อสมัครบัตร
ศึกษาเพิ่มเติม

สมัครออนไลน์
ด้วยตนเอง

ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต
และบัตรกดเงินสด
KTC PROUD

เริ่มสมัครเลย ศึกษาเพิ่มเติม

ลงชื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

ให้คำปรึกษา และอำนวยความสะดวก
ในการสมัครผลิตภัณฑ์ของ KTC

บัตรเครดิต KTC บัตรเครดิต KTC สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์
บัตรกดเงินสด KTC PROUD บัตรกดเงินสด KTC PROUD สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน รถยนต์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์
บัตรเครดิต KTC บัตรเครดิต KTC บัตรกดเงินสด KTC PROUD บัตรกดเงินสด KTC PROUD สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน รถยนต์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน บิ๊กไบค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มอเตอร์ไซค์

เกี่ยวกับเรา

  • วิสัยทัศน์ / พันธกิจ
  • ข้อมูลทั่วไป
  • โครงสร้างการถือหุ้นกลุ่มบริษัท
  • โครงสร้างองค์กร
  • คณะกรรมการ
  • คณะผู้บริหาร
  • เลขานุการบริษัท
  • หัวหน้างานกำกับดูแล และหัวหน้างานตรวจสอบภายใน
  • ผู้ควบคุมดูแลการทำบัญชี
  • นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • บทความ
  • สมัครงาน / ฝึกงาน

บริการลูกค้า

  • บริการออนไลน์
  • อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
  • คำนวณดอกเบี้ย / ค่าธรรมเนียม
  • ช่องทางการชำระเงิน
  • บริการหักค่าใช้จ่ายรายเดือนอัตโนมัติ
  • ดาวน์โหลด
  • ประกาศบริษัท
  • คำถามที่พบบ่อย
  • แผนผังเว็บไซต์

การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

  • มิติเศรษฐกิจ
  • มิติสังคม
  • มิติสิ่งแวดล้อม
  • การควบคุมภายในและการบริหารจัดการความเสี่ยง
  • การรับรองมาตรฐานระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสําหรับสารสนเทศ (ISO/IEC 27001:2013)

นักลงทุนสัมพันธ์

  • ข้อมูลสำคัญทางการเงิน
  • ข้อมูลนำเสนอ
  • ข้อมูลสำหรับผู้ถือหุ้น
  • ข้อมูลและกิจกรรมหุ้นกู้
  • นโยบาย
  • ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์

KTC PHONE

02 123 5000
CAC Certified

ดาวน์โหลดแอป

KTC Mobile
KTC Mobile KTC Mobile KTC Mobile
KTC Facebook KTC Twitter KTC Instagram KTC LINE
© 2563 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ติดตามข่าวสารได้ที่
KTC LINE KTC LINE KTC Facebook KTC Facebook KTC instagram KTC instagram KTC Youtube KTC Youtube KTC TikTok KTC TikTok KTC twitter KTC twitter

EN

TH

KTC LIVE CHAT

Live Chat

KTC LIVE CHAT
สมัครบัตรเครดิต KTC
สมัครกดเงินสด KTC PROUD
ทั้งหมด
โปรโมชั่น
ผลิตภัณฑ์
บทความ
ข่าวประชาสัมพันธ์
0 ผลลัพธ์
คุณกำลังหมายถึง?
    ดูเพิ่มเติม

    ไม่พบผลลัพธ์ที่ค้นหา

    ตรวจสอบคำค้นหาของคุณแล้วลองอีกครั้ง
    ลองค้นหาด้วยคำหลักที่น้อยลง
    ประวัตการค้นหา
    ไม่มีประวัตการค้นหา
    ลบทั้งหมด
    KTC
    ตัวกรองโปรโมชั่น
    หมวดหมู่โปรโมชั่น
    • เลือกทั้งหมด
    • ล้างทั้งหมด
    ประเภทบัตรทั้งหมด
    • เลือกทั้งหมด
    • ล้างทั้งหมด
    เลือกผลิตภัณฑ์

    บัตรเครดิต KTC

    บัตรกดเงินสด KTC PROUD

    สินเชื่ออเนกประสงค์ KTC CASH

    สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ <span>KTC พี่เบิ้ม</span>

    สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม

    Filter

    ตัวกรอง

    Search
    www.ktc.co.th ไม่รองรับเบราว์เซอร์ Internet Explorer
    หากดำเนินการต่อ การใช้งานในบางเมนู/รายการอาจไม่สมบูรณ์

    สงวนสิทธิ์ © 2563 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

    EN

    TH

    Live Chat