ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกเรื่องของชีวิต ‘ธุรกรรมการเงินดิจิทัล (FinTech)’ ก็กำลังพลิกโฉมวงการการเงินทั่วโลก ด้วยการนำเสนอวิธีใหม่ ๆ ในการทำธุรกรรมและการลงทุน โดยประโยชน์ของ FinTech คือการมอบความสะดวก, รวดเร็ว, ปลอดภัย และเข้าถึงง่าย จึงตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปท่องโลกของฟินเทคเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและคว้าโอกาสใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัลไปด้วยกัน!
เลือกอ่านตามหัวข้อ
FinTech คือ อนาคตแห่งแวดวงการเงินของโลก
Financial Technology หรือ FinTech หมายถึง การผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับการให้บริการทางการเงินรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2000 และเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยบริการที่ทำผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อาทิ การจ่ายเงินออนไลน์, การออม, การลงทุน ไปจนถึงสินเชื่อออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถจัดการธุรกรรมทางการเงินได้อย่างง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพียงมีสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถาบันการเงินอีกต่อไป
FinTech มีกี่ประเภท ทำธุรกรรมอะไรได้บ้าง?
ความหลากหลายของเทคโนโลยีทางการเงินไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่เราบริหารจัดการและเข้าถึงบริการต่าง ๆ ทางการเงินอีกด้วย และเพื่อให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ มาทำความรู้จักกับประเภทของ FinTech ที่มีอยู่ในปัจจุบันกัน เพื่อดูว่าแต่ละประเภทมีหน้าที่อย่างไร ทำงานอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง
1. Banking หรือธุรกรรมเกี่ยวกับธนาคาร
ธุรกรรมเกี่ยวกับธนาคารเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน, เติมเงิน, ตรวจสอบยอดเงิน, เป็นแอปกู้เงิน, การเปิดบัญชีที่ทำได้โดยการกรอกข้อมูลและยืนยันตัวตนผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการโอนเงินชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบดิจิทัล โดย FinTech มีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว และประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมให้กับผู้บริโภค
2. E-Wallet หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
E-Wallet เป็น FinTech ที่ทำหน้าที่เหมือนกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผู้ใช้สามารถเก็บเงินและชำระค่าสินค้า ซึ่งให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน สะดวกและปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด โดยแค่เติมเงินเข้าไปใน E-Wallet ผ่านบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต จากนั้นก็สามารถใช้จ่ายได้ทันที นอกจากนี้ E-Wallet ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การส่งเงินให้เพื่อน การใช้แทนบัตรผ่อนสินค้าหรือใช้ในการผ่อนจ่ายรายเดือน รวมถึงโปรโมชันและส่วนลดพิเศษ
3. Cryptocurrency หรือสกุลเงินดิจิทัล
ผลกระทบของ FinTech ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับระบบการเงินทั่วโลกนั่นคือ Cryptocurrency ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการเข้ารหัสและบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรม ทำให้สามารถซื้อขาย โอนย้าย และมีวิธีเก็บเงินได้อย่างปลอดภัย โปร่งใส และไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดย Bitcoin ถือเป็น Cryptocurrency ที่มีมูลค่าและได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน
4. Crowdfunding หรือการระดมทุน
Crowdfunding เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมเงินทุนจากกลุ่มคนจำนวนมากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนโครงการ สินค้า หรือไอเดียที่น่าสนใจ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการระดมทุนเพื่อการกุศล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือการใช้ FinTech ใน Startup โดยผู้ที่ต้องการระดมทุนสามารถนำเสนอแผนงานและเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์ม Crowdfunding จากนั้น ผู้สนใจก็ร่วมสนับสนุนเงินทุนตามจำนวนที่สะดวก โดยจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ส่วนแบ่งกำไร สิทธิพิเศษ หรือของรางวัล
5. Insurtech หรือประกันภัยดิจิทัล
Insurtech เป็น FinTech ที่ยกระดับการให้บริการด้านประกันภัยผ่านนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น การทำประกันภัยออนไลน์ การเปรียบเทียบและซื้อกรมธรรม์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล การประเมินความเสี่ยงและกำหนดเบี้ยประกันภัยโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานและนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น
6. Investment Management หรือการบริหารจัดการด้านการลงทุน
FinTech ประเภทนี้เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้จัดการและบริหารพอร์ตการลงทุน ซึ่งรวมถึงการใช้ AI และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด คาดการณ์แนวโน้ม และตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด ผ่านการประเมินความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน จากนั้นระบบก็จะจัดสรรพอร์ตที่เหมาะสมและมีการปรับสมดุลให้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงบริการในการบริหารการลงทุนที่มีคุณภาพได้
ประโยชน์ของ FinTech คืออะไร ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไรบ้าง?
FinTech นำมาซึ่งประโยชน์มากมายในการยกระดับและปฏิวัติวงการการเงินและการธนาคาร โดยประโยชน์หลักคือการอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวกสบาย ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของธุรกิจ เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเข้าถึงบริการทางการเงินอีกด้วย
ผลกระทบของ FinTech ต่อวงการธนาคารคืออะไร?
FinTech สร้างผลกระทบอย่างมากต่อวงการธนาคาร โดยปัจจุบันธนาคารจำเป็นต้องปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน ธนาคารก็อาจต้องเจอกับความท้าทายในการปรับโครงสร้างองค์กร ลดต้นทุนการดำเนินงาน และปิดสาขาที่ไม่จำเป็นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเหล่านี้ก็เปิดโอกาสให้ธนาคารสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอบริการที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงสร้างรายได้จากช่องทางดิจิทัลได้อีกด้วย
สรุป FinTech อีกหนึ่งเมกะเทรนด์แห่งปีที่ต้องให้ความสำคัญ!
FinTech กลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่ทุกคนต้องจับตามองและให้ความสำคัญ เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการทางการเงิน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการการเงินส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดี ส่วนถ้าพูดถึงการแก้ปัญหาการเงินในยามฉุกเฉินหรือเงินไม่พอใช้นั้น ก็ต้องยกให้บัตรกดเงินสด KTC PROUD ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันในบัตรเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรูดซื้อสินค้า โอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน กดเงินสดที่ตู้ ATM หรือแม้แต่การผ่อนชำระสินค้า ทำให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินได้อย่างครบวงจร
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
แก้ปัญหาทางการเงินด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD