เงินเฟ้อ หรือ Inflation คือตัวแปรทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคธรรมดา พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่นักลงทุน เงินเฟ้อคือการเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในระยะเวลาหนึ่ง ทำให้อำนาจซื้อของเงินลดลง หรือพูดง่าย ๆ คือ เงินเท่าเดิม แต่ซื้อได้น้อยลง ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจกับเงินเฟ้อ ตั้งแต่ความหมาย สาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น ผลกระทบของเงินเฟ้อที่มีต่อชีวิตประจำวัน รวมถึงกลยุทธ์ในการปรับตัวให้อยู่รอดและเติบโตในยุคที่เงินเฟ้อเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพื่อให้เราสามารถวางแผนการเงินหรือออมเงินและการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เงินเฟ้อคืออะไร?
ภาวะเงินเฟ้อ คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อธิบายง่าย ๆ คือ ของชิ้นเดิม ปริมาณเท่าเดิม แต่ราคาสูงกว่าราคาเดิม ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถใช้เงินจำนวนเท่าเดิมซื้อของได้เท่าเดิมอีกแล้ว เพราะของชิ้นนั้นราคาแพงขึ้น ภาวะเงินเฟ้อจึงเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นภาวะที่ของแพงขึ้น แต่กำลังซื้อของคนลดลง ถึงแม้ของจะแพงขึ้น แต่ภาวะเงินเฟ้อก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียตัวของตนเอง ข้อดีคือเกิดการลงทุนมากขึ้น เพราะผู้ประกอบกิจการเห็นว่าราคาสินค้าและบริการปรับราคาสูงขึ้น เหมาะแก่การลงทุนในสินค้าและบริการ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่หันมาลงทุนเพื่อเก็บเงินระยะยาวมากขึ้น ส่วนข้อเสียก็คือของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น คนทำงานได้เงินเดือนไม่พอใช้เหมือนเคย
ผลประทบจากภาวะเงินเฟ้อที่น่ากังวล
การเกิดภาวะเงินเฟ้อมีทั้งข้อดีและข้อเสียดังที่ได้กล่าวไปแล้ว โดยธนาคารกลางจะเป็นผู้ควบคุมเงินเฟ้อภายในประเทศ การวัดค่าเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นนิยมใช้วิธี Consumer Price Index (CPI) ซึ่งเป็นการเฉลี่ยค่าสินค้าในตะกร้าที่มีหลายหมวดหมู่ หากตัวเลข CPI เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าแปลว่ามีเงินเฟ้อเกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นครั้งละน้อยก็อาจจะเป็นผลดีมากกว่า ช่วยกระตุ้นการลงทุนและการทำธุรกิจ แต่หากเงินเฟ้อสูงเกินไปจะส่งผลเสียมากกว่า ผลกระทบของเงินเฟ้อที่น่ากังวลจึงมีดังนี้
- เงินเฟ้อติดลบเป็นเวลานาน (Prolonged Period)
- การกระจายตัวของเงินเฟ้อในหลากหลายหมวดสินค้า ซึ่งจะกระทบต่อธุรกิจหลายภาคส่วน
- แนวโน้มที่จะเป็นอัตราเงินเฟ้อระยะยาว
- อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบ ทำให้อัตราการจ้างงานต่ำ คนตกงานมากขึ้น
การที่เกิดภาวะเหล่านี้จะส่งผลต่อการใช้จ่ายโดยตรง ประชาชนจะรู้สึกว่าเงินไม่พอใช้ และอาจมีการก่อหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ต้องวางแผนการเงินให้ดี
เงินเฟ้อเกิดจากอะไรได้บ้าง ?
เงินเฟ้อไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ แต่มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่
1.เงินเฟ้อทำให้ความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าหรือใช้บริการมากขึ้น แต่ปริมาณสินค้าในตลาดยังคงเท่าเดิม ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นตาม กฎของอุปสงค์และอุปทาน เช่น ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวที่คนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น
2. เงินเฟ้อทำให้ต้นทุนวัตถุดิบหรือพลังงานสูงขึ้น เมื่อราคาน้ำมัน วัตถุดิบ หรือค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อรักษาผลกำไร เห็นได้ชัดในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง ราคาสินค้าต่าง ๆ ก็ตามปรับตัวขึ้นไปด้วย
3. เงินเฟ้อทำให้เงินหมุนเวียนในระบบมากเกินไป เมื่อรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การแจกเงินให้ประชาชน หรือการลดดอกเบี้ย ทำให้มีเงินไหลเวียนในระบบมากขึ้น คนมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น แต่สินค้าในตลาดยังเท่าเดิม จึงทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
4. เงินเฟ้อทำให้นโยบายดอกเบี้ยและการเงินระดับประเทศ เมื่อธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ประชาชนและธุรกิจกู้เงินง่ายขึ้น มีเงินใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการในที่สุด
เงินเฟ้อส่งผลยังไงกับชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่?
1. เงินเฟ้อส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทุกด้าน
อาหารแพงขึ้น ทำให้กินข้าวนอกบ้านหรือเดลิเวอรี่น้อยลง หรือถ้าค่าเดินทางขึ้น ค่ารถไฟฟ้า น้ำมัน รถเมล์ รวมถึงการเดินทางไกลก็จะแพงขึ้นไปด้วย รวมถึง ค่าน้ำ–ค่าไฟ–อินเทอร์เน็ตก็ปรับราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น ผลคือ ต้องตัดรายจ่ายบางอย่างออก เช่น ความบันเทิง ฟิตเนส คอร์สเรียนพิเศษ และค่าอื่น ๆ ออกจนอาจต้องรัดเข็มขัดให้แน่นขึ้น
2. เงินเฟ้อส่งผลให้เงินเก็บมีมูลค่าลดลง ถ้าไม่ได้ลงทุน
หากเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่ดอกเบี้ยต่ำ (เช่น 0.25%) ในขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 3–5% มูลค่าจริงของเงินจะลดลงเรื่อย ๆ ทุกปี คนรุ่นใหม่จึงต้องเรียนรู้การออมและลงทุนให้ทันเงินเฟ้อ
3. เงินเฟ้อส่งผลให้วางแผนชีวิตยากขึ้น
ความฝันเดิม ๆ อย่าง ซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือ มีครอบครัวกลายเป็นเรื่องไกลตัว เพราะราคาบ้าน-คอนโด-รถยนต์ พุ่งเร็วกว่าเงินเดือนที่ขึ้น ในขณะที่รายได้เท่าเดิม แต่ต้องผ่อนแพงขึ้น ดอกเบี้ยก็สูง ทำให้เก็บเงินดาวน์ช้ากว่าเดิม และอาจต้องเลื่อนเป้าหมายชีวิตออกไป
4. เงินเฟ้อส่งผลให้ต้องบริหารรายรับ-รายจ่ายให้รอบคอบกว่าเดิม
ต้องรู้ว่าเงินหายไปกับอะไรโดยใช้แอปจดรายจ่ายไว้อย่างละเอียด ทำงบประมาณประจำเดือน และตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือย และเน้นของจำเป็น อาจจะต้องออมเงินแบบตั้งใจ หรือ หาแหล่งรายได้เพิ่ม
เราจะรับมือกับเงินเฟ้อได้ยังไงบ้าง?
1. รู้จักรายจ่ายของตัวเองก่อน
อย่าประเมินค่าใช้จ่ายตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง โดยให้จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกเดือน หรือใช้แอปช่วยจด เช่น Money Lover, Wallet, Spendee เพื่อรู้ว่าเงินหายไปกับอะไร จะได้วางแผนการเงินตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นได้ง่ายขึ้น
2. ออมเงินแบบแยกบัญชี
มีบัญชีสำหรับ “ใช้จ่าย” และ “ออมเงิน” แยกกัน เงินที่ออม ควรอยู่ในบัญชีดอกเบี้ยสูง หรือบัญชีไม่มี ATM ทั้งระบบโอนอัตโนมัติ เช่น 10–20% ทุกครั้งที่เงินเดือนเข้า
3.เรียนรู้เรื่องการเงินอย่างต่อเนื่อง
ติดตามเพจการเงิน หรืออ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ติดตามข่าวอยู่เสมอ หรือเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี เพื่อให้มีความรู้อยู่เสมอ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4. เพิ่มรายได้ ไม่ใช่แค่ประหยัดอย่างเดียว
ถ้าค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เราต้องขยับฝั่งรายได้ด้วย หางานพาร์ทไทม์ หรือฟรีแลนซ์ (เขียนบทความ, ตัดต่อคลิป, แปลภาษา ฯลฯ สร้างรายได้แบบ Active หรือ Passive (เช่น เขียน E-book ขาย) หรืออัพสกิลในสายงาน เช่น เรียนเพิ่มเพื่อขอขึ้นเงินเดือน
5. ตั้งเป้าหมายทางการเงินแบบ SMART
การมีเป้าหมายชัดเจน จะทำให้วางแผนได้แม่นยำและไม่หลุดเป้า อย่าลืมตั้งเป้าสำรองเงินฉุกเฉิน 3 เท่าของรายจ่าย หรือวางแผนเกษียณเร็ว ด้วยพอร์ตการลงทุนระยะยาว
เงินเฟ้อเป็นความจริงที่เราต้องเผชิญ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมแพ้ การเข้าใจและวางแผนการเงินที่ถูกต้องจะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ หนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อได้คือ บัตรเครดิต หากใช้อย่างมีสติและวางแผน บัตรเครดิตสามารถเป็นเครื่องมือช่วยให้เรารับมือกับราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นได้หลายวิธี เช่น การใช้ประโยชน์จากโปรโมชันและส่วนลดพิเศษ การสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัล การผ่อนชำระในช่วงที่รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำในช่วงโปรโมชั่น สำหรับใครยังไม่มีบัตรเครดิต ก็สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ทุกที่ทุกเวลา พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต สะสมได้ไม่จำกัด และไม่มีวันหมดอายุ สามารถใช้คะแนนแลกรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนได้ สมัครบัตรเครดิต KTC ไม่ยาก กดสมัครได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC