ข้อควรปฏิบัติขณะขับรถลุยน้ำ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
ปัญหาน้ำท่วม น้ำขัง ถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่อยู่เหนือการควบคุม โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีสายฝนโปรยปรายตลอดทั้งวัน น้ำระบายไม่ทัน และเกิดปัญหาน้ำท่วมขังที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของรถยนต์เลยก็ว่าได้ แต่ด้วยชีวิตประจำวันอาจทำให้หลายคนไม่สามารถเลี่ยงการขับรถลุยน้ำได้ ดังนั้นนอกจากการตรวจสภาพรถให้พร้อมสำหรับการขับขี่อยู่เสมอแล้ว การเรียนรู้ข้อปฏิบัติเมื่อต้องขับรถลุยน้ำ และการดูแลรถยนต์หลังลุยน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนไม่ควรละเลย เพื่อให้รถคู่ใจใช้งานได้ยาว ๆ หมดปัญหาจุกจิกกวนใจ ไม่ทำร้ายเงินในกระเป๋า
เช็กลิสต์! ระดับน้ำที่อันตรายต่อรถยนต์ เจ้าของรถต้องรู้
การขับรถลุยน้ำเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อย ซึ่งความอันตรายที่ต้องระวังไม่ได้มีเพียงแค่น้ำที่จะเข้าไปในเครื่องยนต์เท่านั้น แต่อาจมีเศษตะปู กิ่งไม้ หรือเหล็กใต้น้ำมาโดนล้อรถจนพังเสียหาย จึงทำให้หลายคนตั้งคำถามขับรถลุยน้ำเป็นไรไหม? เพราะแม้หนทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการเลี่ยงขับรถลุยน้ำ แต่บางครั้งสถานการณ์ฉุกเฉินกลับมาแบบไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นการขับรถลุยน้ำจำเป็นต้องเช็กระดับน้ำเป็นหลักว่ามีความปลอดภัยต่อรถยนต์หรือไม่ ดังนี้
- ระดับน้ำต่ำกว่า 40 เซนติเมตร เป็นระดับน้ำที่สามารถขับรถลุยน้ำได้ แต่สำหรับรถเก๋งหรือรถยนต์โหลดต่ำ อาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถและมีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าไปขังใต้ท้องรถได้ ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
- ระดับน้ำ 40 – 60 เซนติเมตร เป็นระดับน้ำที่รถกระบะยกสูงและรถคันใหญ่สามารถขับลุยน้ำได้ แต่สำหรับรถเก๋ง รถเล็ก และรถยนต์โหลดต่ำ จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว เพราะมีโอกาสที่น้ำจะทะลักเข้าเครื่องยนต์จนพังเสียหาย
- ระดับน้ำเกิน 60 เซนติเมตร รถทุกคันควรหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำที่มีระดับความสูงนี้ เพราะมีความเสี่ยงว่าน้ำอาจสูงขึ้นมาถึงกระโปรงรถและเข้าไปในเครื่องยนต์ หากเป็นเช่นนั้นอาจทำให้เครื่องยนต์ขัดข้องหนักจนไม่สามารถซ่อมได้
หมายเหตุ : หากขับรถในเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน แนะนำให้สำเร็จเส้นทางหรือสังเกตความสูงของระดับน้ำจากรถคันข้างหน้าก่อนตัดสินใจเดินทาง
ขับรถลุยน้ำท่สมแบบปลอดภัย รถไม่เสียหาย
ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย เครื่องไม่ดับ รถไม่เสียหาย
- ปิดแอร์รถทันที การขับรถลุยน้ำลืมปิดแอร์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะการเปิดแอร์ไว้ทำให้พัดลมระบายความร้อนของหม้อน้ำทำงาน หากเป็นเช่นนั้นอาจทำให้น้ำท่วมถึงพัดลมและทำให้พัดลมตีน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง ส่งผลให้รถดับกลางทางหรืออาจเกิดปัญหาไฟฟ้าช็อตได้ในบางกรณี ดังนั้นควรปิดแอร์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาบานปลาย
- เลี่ยงเลนที่มีน้ำท่วมสูง แนะนำให้เบี่ยงรถเข้าหาเลนที่มีระดับน้ำต่ำ เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงน้ำเข้าเครื่องยนต์ได้มากกว่า
- ชะลอความเร็ว เพราะการขับรถด้วยความเร็วสูงในพื้นที่ที่ฝนตกถนนลื่น อาจทำให้รถเสียการทรงตัวและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นหากต้องขับรถลุยน้ำจำเป็นต้องใช้ความเร็วต่ำสุดเสมอ เลี้ยงรอบให้นิ่งประมาณ 1,500 – 2,000 รอบต่อนาที กล่าวคือหากเป็นเกียร์ธรรมดาควรเลือกใช้เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น และเกียร์ออโตเลือกใช้เป็นเกียร์ L จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้มากกว่า
- รักษาความเร็วคงที่ ไม่ควรเร่งเครื่องหรือเปลี่ยนความเร็วกะทันหัน เพราะอาจทำให้เกิดกระแสน้ำวิ่งไปกระทบกับฟุตบาท และตีกลับเข้าสู่รถยนต์ของคุณได้ ที่สำคัญต้องชะลอทุกครั้งเมื่อต้องวิ่งสวนกับรถคันอื่น ๆ นอกจากนี้ควรย้ำเบรกหรือคลัตซ์บ่อย ๆ เพื่อช่วยไล่น้ำออกจากระบบเบรกและคลัตซ์
- ขับตามรถคันข้างหน้า ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าประมาณ 50 เมตร เพื่อให้คุณสังเกตได้ว่ารถคันข้างหน้าขับขี่ปลอดภัยหรือไม่ มีหลุมหรือบ่อที่ต้องเลี่ยงไหม วิธีนี้ช่วยให้ปรับเปลี่ยนเส้นทาง และช่วยให้ตัดสินใจขับต่อไปได้ง่ายขึ้น
- หากเครื่องดับไม่ควรสตาร์ทเครื่องใหม่ สิ่งที่ควรทำคือการเข็นรถเข้าข้างทาง โดยพยายามมองหาพื้นที่ที่อยู่เหนือระดับน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสน้ำไหลเข้าสู่รถของคุณ และที่สำคัญห้ามสตาร์ทเครื่องใหม่ตรงบริเวณน้ำท่วมสูงเด็ดขาด เพราะมีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า จนทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
ข้อควรปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำ ทำอย่างไรไม่ให้รถเสียหาย
รถลุยน้ำมาควรทําอย่างไร? เมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมสูงมาแล้ว ให้ขับรถต่อไปด้วยความเร็วต่ำอีกสักระยะ และไล่น้ำออกจากเบรกด้วยการเหยียบเบรกเบา ๆ ย้ำไปเรื่อย ๆ วิธีนี้ช่วยไล่ความชื้นออกจากเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญไม่ควรดับรถทันทีที่ลุยน้ำเสร็จ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีน้ำค้างอยู่ในท่อไอเสีย และย้อนกลับไปยังเครื่องยนต์จนทำให้รถเกิดความเสียหาย แต่สิ่งที่ควรทำคือจอดรถทิ้งไว้สักพักเพื่อให้น้ำที่ค้างอยู่ระเหยออกมาจนหมด พร้อมตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หรือหากไม่มั่นใจแนะนำให้นำรถเข้าศูนย์บริการรถยนต์ หรืออู่ซ่อมรถใกล้บ้าน เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กสภาพรถ พร้อมตรวจสอบความเสียหายต่าง ๆ อย่างละเอียด ทั้งห้องโดยสาร เครื่องยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟฟ้า ระบบเบรก เพื่อป้องกันความเสียหายที่บานปลายและเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
น้ำท่วม น้ำขัง เป็นปัญหาที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ดังนั้นนอกจากการแก้ปัญหาน้ำท่วมขับรถยังไงให้ปลอดภัยที่ควรรู้เบื้องต้นแล้ว การเลือกทำประกันรถยนต์เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้คุณเพิ่มความมั่นใจให้กับรถคันโปรด หากเกิดกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ ที่เกินการควบคุม และอยู่ในความคุ้มครองของบริษัทประกัน สิ่งนี้ย่อมช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋า ไม่ต้องเสียเงินค่าซ่อมรถที่แสนแพง พิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่เลือกซื้อประกันรถยนต์ที่ร่วมรายการ รับสิทธิประโยชน์มากมาย ทั้งส่วนลด โปรโมชันผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัย 0% และอื่น ๆ อีกมากมาย คุ้มค่า สะดวกสบาย เลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC
คลิกดูโปรโมชั่นประกันรถยนต์สุดคุ้ม เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC…ที่นี่