ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติเขียวขจีและอากาศเย็นสบาย แต่ในทางกลับกัน หน้าฝนก็เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการเกิด โรคติดต่อหน้าฝน หลายชนิดเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เหตุผลหลักมาจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเชื้อโรคต่าง ๆ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หน้าฝนเป็นฤดูที่เสี่ยงมากขึ้น
- ความชื้นสูง: เชื้อไวรัสและแบคทีเรียชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้น และความชื้นยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง
- น้ำขัง: แหล่งน้ำขังตามท้องถนน สวนสาธารณะ หรือรอบบ้าน เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงและเป็นแหล่งเชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย
- อุณหภูมิแปรปรวน: อากาศร้อน ๆ เย็น ๆ สลับกัน ทำให้ร่างกายปรับตัวลำบากและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
สำหรับพนักงานบริษัทที่มักใช้เวลาส่วนใหญ่ในออฟฟิศและไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเต็มที่ในช่วงนี้ ยิ่งต้องรู้จักวิธีป้องกันโรคติดต่อหน้าฝนอย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพที่ดีและประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่สะดุด
1. ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้สูง ปวดหัว เจ็บคอ ไอ น้ำมูกไหล และเมื่อรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบได้
ในหน้าฝน เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มักระบาดง่ายเพราะความชื้นช่วยให้ไวรัสอยู่ได้นาน และคนส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่ในที่ร่มหรือออฟฟิศที่อากาศไม่ถ่ายเท
วิธีป้องกัน:
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย
- ล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในที่ชุมชน
2. ไข้เลือดออก (Dengue Fever)
ไข้เลือดออกเกิดจากไวรัสเดงกีที่มียุงลายเป็นพาหะ ซึ่งมักจะเพิ่มจำนวนในช่วงฤดูฝนที่มีน้ำขังตามจุดต่าง ๆ ทั้งในบ้านและรอบ ๆ ชุมชน
อาการไข้เลือดออกเริ่มต้นด้วยไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง และในบางรายอาจมีภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
วิธีป้องกัน:
- กำจัดแหล่งน้ำขังรอบบ้าน เช่น ใบไม้ที่ตกในรางน้ำ หรือแจกันที่มีน้ำขัง
- ใช้มุ้งลวดติดหน้าต่าง
- ทายากันยุงและสเปรย์กันยุงทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
- สวมเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
3. โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
โรคฉี่หนูเป็นโรคแบคทีเรียที่ติดต่อผ่านน้ำที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู ในช่วงหน้าฝนที่น้ำท่วมและน้ำขังสูงมากขึ้น เชื้อโรคนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านแผลหรือเยื่ออ่อน เช่น ตา จมูก ปาก ได้
อาการของโรคนี้เริ่มจากไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ตาแดง และหากไม่รักษาอาจทำให้ไตวาย หัวใจอักเสบ หรือสมองอักเสบได้
วิธีป้องกัน:
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วมและน้ำขังโดยตรง
- สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้ากันน้ำเมื่อจำเป็นต้องเดินผ่านน้ำขัง
- รักษาความสะอาดบริเวณบ้านและสถานที่ทำงาน
- ปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติหลังสัมผัสน้ำขัง
4. โรคปอดบวม (Pneumonia)
โรคปอดบวมเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อราในปอด ทำให้เกิดการอักเสบ มีไข้ ไอ หายใจลำบากและเจ็บหน้าอก
อากาศเย็นและชื้นในหน้าฝนจะทำให้ระบบทางเดินหายใจอ่อนแอและเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและเด็ก
วิธีป้องกัน:
- ฉีดวัคซีนป้องกันปอดบวมสำหรับกลุ่มเสี่ยง
- รักษาความอบอุ่นร่างกายในช่วงอากาศเย็น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนเพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ
5. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน
การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะในหน้าฝนที่น้ำและอาหารมีโอกาสปนเปื้อนสูง ทำให้เกิดอาการถ่ายเหลวอย่างรุนแรง บางครั้งอาจมีไข้ร่วมด้วย
ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำและอันตรายถึงชีวิตได้
วิธีป้องกัน:
- ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกเท่านั้น
- ล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารที่เก็บไว้นาน
- รักษาความสะอาดในครัวและพื้นที่ทำอาหาร
6. บิด (Shigellosis)
โรคบิดเกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำให้ลำไส้ติดเชื้อและอักเสบอย่างรุนแรง มีอาการถ่ายเป็นมูกเลือด ปวดท้องอย่างมาก และบางครั้งอาจมีไข้สูง
มักแพร่ระบาดในชุมชนที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี และการล้างมือไม่สะอาด
วิธีป้องกัน:
- ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำและก่อนกินอาหาร
- ดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้มสุกแล้ว
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
- รักษาความสะอาดของสถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหาร
7. ไข้ไทฟอยด์ (Typhoid Fever)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลาไทฟี (Salmonella Typhi) ที่ปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่ม สร้างความเจ็บป่วยที่มีไข้สูงเรื้อรัง ปวดท้อง และอ่อนเพลีย
โรคนี้มักเกิดในพื้นที่ที่มีระบบสาธารณสุขและสุขาภิบาลไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในหน้าฝนที่น้ำเน่าเสียและน้ำขังเพิ่มมากขึ้น
วิธีป้องกัน:
- ดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้มสุกเท่านั้น
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่
- ล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้ไทฟอยด์สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
8. โรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot)
โรคน้ำกัดเท้าเป็นโรคเชื้อราที่ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณนิ้วเท้า เกิดจากการสัมผัสน้ำหรือสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นนาน ๆ ทำให้เกิดอาการคัน ลอก และแสบ
ในหน้าฝนที่มีฝนตกบ่อยและรองเท้าชื้นเป็นเวลานาน เชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดี
วิธีป้องกัน:
- รักษาความสะอาดและแห้งของเท้า
- สวมถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดีและเปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน
- เลี่ยงการใส่รองเท้าที่เปียกชื้นหรืออับชื้นเป็นเวลานาน
- ใช้แป้งหรือยาป้องกันเชื้อราที่เท้าหากจำเป็น
9. โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
โรคหลอดลมอักเสบเป็นการอักเสบของหลอดลมที่ทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะ และบางครั้งมีไข้ ร่วมกับอาการเหนื่อยหอบ
อากาศเย็นและชื้นในฤดูฝนทำให้หลอดลมระคายเคืองและเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกัน:
- รักษาความอบอุ่นของร่างกายโดยเฉพาะช่วงเวลาที่อากาศเย็น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้บุหรี่
- รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการไอเรื้อรัง
10. โรคไวรัสซิกา (Zika Virus)
โรคไวรัสซิกาเป็นโรคติดเชื้อที่มียุงลายเป็นพาหะคล้ายกับไข้เลือดออก และเป็นโรคที่มีความสำคัญในเรื่องของหญิงตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้ทารกในครรภ์มีภาวะแท้งหรือสมองเล็กผิดปกติ
อาการเบื้องต้นมีไข้ต่ำ ปวดข้อ ผื่นแดง และตาแดง
วิธีป้องกัน:
- กำจัดแหล่งน้ำขังเพื่อควบคุมยุง
- ใช้ยาทากันยุงและสเปรย์กันยุงอย่างสม่ำเสมอ
- สวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ที่มีการระบาดสูง
อุ่นใจกว่าถ้ามีประกันสุขภาพ
ในช่วงฤดูฝนที่โรคติดต่อหน้าฝนระบาดสูงอย่างนี้ การดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถึงแม้จะระมัดระวังอย่างดีแค่ไหน บางครั้งอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยก็มักเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ที่สำคัญคือ ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน มักมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งอาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลเมื่อต้องเข้ารับการรักษา โดยเฉพาะพนักงานบริษัทที่ยังไม่มีบัตรเครดิตหรือยังไม่มีแผนสำรองทางการเงิน
สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC
รับ Lotus's Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 300 บาท/กรมธรรม์ เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ Telemedicine กับ บมจ.กรุงเทพประกันภัย ผ่านช่องทางออนไลน์ที่กำหนด
- เคทีซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันตามรายการนี้
15 ก.พ. 68 – 31 ธ.ค. 68
ประกันสุขภาพจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้คุณอุ่นใจมากขึ้น เพราะจะช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่าห้องพัก ค่าตรวจรักษา ค่ายา หรือค่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระทางการเงินและให้คุณได้รับการรักษาที่รวดเร็วและมีคุณภาพ
สำหรับพนักงานบริษัทที่ยังไม่มีบัตรเครดิต การสมัครบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านประกันสุขภาพนอกจากจะช่วยเรื่องการเงินแล้ว ยังถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะช่วยดูแลสุขภาพแล้ว ยังช่วยให้คุณรับมือกับค่าใช้จ่ายโดยไม่กระทบกับการเงินส่วนตัว ดังนั้น ในฤดูฝนนี้ นอกจากจะดูแลตัวเองด้วยวิธีป้องกันโรคต่าง ๆ แล้ว การมีประกันสุขภาพดี ๆ ที่รวมอยู่ในสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต จะทำให้คุณและครอบครัวอุ่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายหากเกิดเจ็บป่วย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC