เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี? เจาะลึกวิธีเช็กข้อมูลแบบง่าย ๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนยื่นภาษี

เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี? เจาะลึกวิธีเช็กข้อมูลแบบง่าย ๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนยื่นภาษี

ในช่วงต้นปีแบบนี้ หลายคนคงเริ่มรู้สึกถึงภาระหน้าที่สำคัญในทุก ๆ ปี ที่ไม่ทำไม่ได้เด็ดขาด นั่นก็คือ การเสียภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บจากคนที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนและค่าจ้างต่าง ๆ โดยภาษีนั้นก็เป็นเสมือนเงินทุนที่ประชาชนทั่วไปร่วมกันสนับสนุนให้รัฐบาลนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่น ด้านการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม สำหรับมนุษย์เงินเดือนมือใหม่ที่เพิ่งทำงานเป็นที่แรกหรือ First Jobber ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์การยื่นภาษีมาก่อนในชีวิต อาจมีหลายคำถามที่มักเกิดขึ้นก็คือ เงินเดือนเท่าไหร่ไม่เสียภาษี? ต้องเงินเดือนเท่าไหร่ถึงเสียภาษี? เงินเดือนเท่านี้เสียภาษีเท่าไหร่? แล้วเราสามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้หรือไม่?

บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยว่าเงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษีและข้อมูลเกี่ยวกับภาษีเงินเดือนเหล่านี้กัน เพื่อช่วยให้คุณมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเรทภาษีกันมากขึ้น โดยในเนื้อหาถัดไป เราจะมาเจาะลึกวิธีเช็กข้อมูลว่าเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษีแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นคู่มือเตรียมตัวก่อนยื่นภาษีรายได้ รวมไปถึงวิธีการคำนวณอัตราภาษีและขั้นตอนการคิดเงินเดือนเพื่อประเมินภาษีที่ต้องจ่าย

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี? เงินเดือนของคุณต้องจ่ายภาษีไหม และจ่ายเป็นจำนวนเท่าไหร่?
• ขั้นตอนการคิดเงินเดือน เพื่อประเมินภาษีที่ต้องจ่าย
• สรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้กี่ปี?
• จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่เสียภาษี?
• สรุป เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี เงินเดือนนี้ต้องเสียภาษีกี่บาท?

เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี? เงินเดือนของคุณต้องจ่ายภาษีไหม และจ่ายเป็นจำนวนเท่าไหร่?

การเสียภาษีในประเทศไทยถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่มีรายได้ทุกคน แล้วคนมีเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษีเท่าไหร่? คนที่จะต้องเสียภาษีคือคนที่มีรายได้ต่อปีเกิน 150,000 บาท ซึ่งคุณสามารถคำนวณได้โดยการหักค่าใช้จ่าย 100,000 บาท หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และหักค่าลดหย่อนที่เป็นเงินสมทบประกันสังคมในส่วนที่นายจ้างยื่นประกันสังคมออนไลน์ให้แล้วอีก 9,000 บาท หากเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็ต้องทำการยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ ส่วนสำหรับใครที่หักลบค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนออกมาแล้ว ยังมีเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาท ก็จะต้องทำการยื่นภาษี และเสียภาษีตามอัตราที่กฎหมายระบุ

ทั้งนี้ ในส่วนของค่าลดหย่อนเงินสมทบประกันสังคมที่ระบุไว้ที่ 9,000 บาทนั้น เป็นตัวอย่างของผู้ประกันตนในมาตรา 33 หรือพนักงานประจำ โดยค่าลดหย่อนในส่วนดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะมีผลต่อการคิดคำนวณว่าจะต้องเสียภาษีเงินเดือนเท่าไหร่ ดังนั้น ขอแนะนำให้ทำการตรวจสอบและติดตามข้อมูลอัปเดตของปีนั้น ๆ เพื่อข้อมูลที่แม่นยำมากที่สุด

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าฐานเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี เงินเดือน 15000 เสียภาษีเท่าไหร่ เงินเดือน 30000 เสียภาษีเท่าไหร่ ไปจนถึงเงินเดือน 100000 เสียภาษีเท่าไหร่ มีข้อมูลสรุป ดังนี้

ขั้นตอนการคิดเงินเดือน เพื่อประเมินภาษีที่ต้องจ่าย

เงินเดือนเท่าไหร่ต้องยื่นภาษี? กฎหมายแรงงานระบุว่าคนไทยที่รายได้เดือนละ 10,000 บาท หรือปีละ 120,000 บาท ต้องยื่น ภงด90 ซึ่งยื่นภาษีรายได้ทั้งออนไลน์หรือไปยื่นด้วยตัวเอง หรือสอบถามข้อมูลเรื่องเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษีที่กรมสรรพากรก็ได้เช่นกัน

สำหรับการคำนวณว่าเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษีก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการนำเงินเดือนคูณจำนวนเดือน หักลบด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน แล้วนำข้อมูลนี้ไปเทียบกับตารางเกณฑ์เสียภาษี

ยกตัวอย่างเช่น คุณมีรายได้จากการทำงานประจำกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นรายได้เพียงช่องทางเดียว ไม่มีรายได้จากงานพิเศษอื่น ๆ โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนในอัตราเดือนละ 25,000 บาท ไม่มีเงินโอทีและไม่มีเงินโบนัสประจำปี ก็จะมีวิธีคิดภาษี ดังนี้

• เงินเดือน 25,000 บาท x จำนวน 12 เดือน = รายได้สุทธิทั้งปีรวมจำนวน 300,000 บาท
• นำค่าใช้จ่าย 50% หรือไม่เกิน 100,000 บาท มาหักลบออกจากรายได้รวม คือ 300,000 – 100,000 = 200,000 บาท
• หักด้วยค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท คือ 200,000 – 60,000 = 140,000 บาท
• หักด้วยเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม 9,000 บาท คือ 140,000 – 9,000 = รายได้สุทธิ 131,000 บาท

ดังนั้น ถ้าถามว่าเงินเดือน 25000 เสียภาษีเท่าไหร่ คำตอบก็คือ เงินเดือนนี้จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง

สรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้กี่ปี?

นอกจากคำถามเรื่องเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษีแล้ว หลายคนน่าจะเคยสงสัยว่า สรรพากรมีอำนาจในการตรวจสอบภาษีย้อนหลังได้นานแค่ไหน? ซึ่งคำตอบคือขึ้นอยู่กับกรณี ดังนี้

• กรณีทั่วไป :กรมสรรพากรมีสิทธิ์ตรวจสอบภาษีย้อนหลังได้ 2 ปี
• กรณีพบความผิดปกติหรือเข้าข่ายเลี่ยงภาษี :กรมสรรพากรมีสิทธิ์ตรวจสอบย้อนหลังได้ 5 ปี
• กรณีคนทั่วไปที่เคยยื่นแบบภาษี :กรมสรรพากรมีสิทธิ์ตรวจสอบย้อนหลังได้ 10 ปี

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษีหรือไม่ ก็ควรเก็บหลักฐานเกี่ยวกับภาษีไว้เผื่อกรณีถูกตรวจสอบ เพื่อป้องกันปัญหาการถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายภาษีอากรและเตรียมหนังสือรับรองเงินเดือนและเอกสารหลักฐานให้พร้อมอยู่เสมอเพื่อความสบายใจในอนาคต

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่เสียภาษี?

ถ้าคุณเข้าใจแล้วว่าเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี หรือเป็นคนที่มีรายได้รวมถึงเกณฑ์ที่ต้องจ่ายภาษีแต่ไม่ดำเนินการจ่ายตามกำหนดอย่างถูกต้อง หรือจงใจหลีกเลี่ยงก็จะมีบทลงโทษ คือ ต้องเสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระ หรือปรับ 2,000-200,000 บาท จำคุก 3 เดือนถึง 7 ปี และคุณยังต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ นับตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี

ตัวอย่างเช่น นาย A มีรายได้สุทธิที่อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษี 100,000 บาท แต่จงใจไม่ยื่นแบบ นาย A จะต้องเสียเบี้ยปรับสูงสุด 200,000 บาท หรือจำคุก 3 เดือนถึง 7 ปี และจ่ายเงินเป็นจำนวน 1,500 บาทต่อเดือน (1.5% ของ 100,000 บาท)

ดังนั้น เมื่อรู้แล้วว่าเงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษีก็ควรจ่ายภาษีให้ถูกต้องและตรงเวลา เพื่อไม่ต้องเจอกับบทลงโทษที่ร้ายแรงเหล่านี้

สรุป เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี เงินเดือนนี้ต้องเสียภาษีกี่บาท?

การยื่นภาษีเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ ดังนั้น การทำความเข้าใจว่าเงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเมื่อรู้แล้วว่าเงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี การเตรียมตัวให้ดีจะทำให้สามารถยื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับใครที่ดูแล้วว่าเงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี แล้วจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องจ่าย ก็สามารถใช้บัตรกดเงินสด KTC PROUD เป็นตัวช่วยในยามที่ต้องการปลดหนี้ จำเป็นต้องใช้เงิน หรือหมุนเงินไม่ทัน เพื่อไม่ให้การจ่ายภาษีหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ กระทบต่อสถานะการเงินของเรามากจนเกินไป และมีวิธีเก็บเงินที่ได้ผลมากขึ้น

โดยบัตรกดเงินสด KTC PROUD มีสิทธิประโยชน์มากมายที่จะทำให้คุณใช้ชีวิตได้แบบไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 24 เดือน และกดเงินสดได้ที่ตู้ ATM ทั่วประเทศ โดยสามารถสมัครได้ง่าย ๆ และไม่ต้องใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพียงผู้ขอสินเชื่อมีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขการสมัครที่กำหนด ที่สำคัญ สมัครเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้จ่ายภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติได้ตลอดไป เมื่อทำการชำระเงินคืนตรงตามเงื่อนไข

บัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวช่วยทางการเงินที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่

*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 20%-25% ต่อปี