กฎหมายแรงงาน สิทธิทางกฎหมายในชีวิตวัยทำงาน เรื่องสำคัญที่คนเป็นลูกจ้างต้องรู้!
เมื่อชีวิตเริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงาน นอกจากจะต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อเข้าสู้กับโลกของการทำงานแล้ว การเรียนรู้และเข้าใจสิทธิของกฎหมายแรงงาน กฎหมายที่มีความสำคัญต่อลูกจ้าง มนุษย์เงินเดือนนั้นก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบในที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชั่วโมงการทำงานค่าแรงขั้นต่ำ สิทธิในการลาพักร้อน หากเราไม่รู้กฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้นายจ้างหัวหมอเอาเปรียบเราได้ ลูกจ้างจึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน อัปเดตความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานฉบับล่าสุดเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง
รวมไปถึงเหล่านายจ้างเองก็จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิของลูกจ้าง เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทในที่ทำงานที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางกฎหมายในภายหลังได้เช่นเดียวกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
กฎหมายแรงงาน คืออะไร ลูกจ้างรู้ไว้ไม่เสียเปรียบ
กฎหมายแรงงาน คือ กฎหมายที่มีขึ้นเพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างได้รับความเป็นธรรมภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ จุดประสงค์หลักของกฎหมายนี้คือการทำให้การจ้างงานระหว่างลูกจ้างและนายจ้างเป็นไปอย่างเหมาะสม คุ้มครองและให้ความช่วยเหลือลูกจ้างในกรณีที่เกิดความไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน หรือการถูกนายจ้างเอาเปรียบ
กฎหมายแรงงานนั้นครอบคลุมหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับลูกจ้างและนายจ้าง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของกฎหมายการจ้างงาน วันลาตามกฎหมาย โอที ไปจนถึงกฎแรงงานต่างด้าว ทำให้หลาย ๆ คนมองว่ากฎหมายแรงงานมีรายละเอียดที่มากและยากต่อการทำความเข้าใจ แต่แท้จริงแล้วเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกรายละเอียดของกฎหมายแรงงาน แต่จำเป็นจะต้องรู้กฎหมายแรงงานเบื้องต้น โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิที่เราควรได้รับ เพื่อไม่ให้เราอาจตกเป็นเหยื่อของนายจ้างที่เอารัดเอาเปรียบ ใช้เล่ห์เหลี่ยมมาบีบบังคับลูกจ้างเพราะเห็นว่าลูกจ้างไม่รู้เรื่องของสิทธิที่ตัวเองควรได้รับ
สิทธิตามกฎหมายแรงงานที่ลูกจ้าง และมนุษย์เงินเดือนต้องรู้
การทำงาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต่างมองหางานงานที่มีความเจริญก้าวหน้า เงินเดือนสูง หรือขอพรเรื่องงานให้ได้งานที่ดีตามความคาดหวังของตัวเอง
อย่างไรก็ตามงานที่ดี ไม่ใช่แค่งานที่เงินเดือนสูง หรืองานที่สร้างโอกาสในการเติบโตเท่านั้น แต่งานที่ดีอาจเป็นงานที่นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด เคารพสิทธิของลูกจ้าง ไม่เอารัดเอาเปรียบ ให้ค่าแรงที่เป็นธรรม รวมถึงอาจมีสวัสดิการพนักงาน เพิ่มเติมจากสิทธิที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและคุณภาพของการทำงานของลูกจ้างให้ดียิ่งขึ้น
ชั่วโมงการทำงานต่อวัน ตามกฎหมายแรงงานกำหนด
การต้องนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ หลายชั่วโมงมักสร้างความเหนื่อยล้าให้กับร่างกาย บางคนแก้ปัญหาโดยจัดโต๊ะทำงานให้มีท่านั่งที่เอื้อต่อสรีระ บางคนใช้การยืดเส้นยืดสาย อย่างไรก็ตาม หากทำงานเป็นเวลานานเกินร่างกายรับไหว ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ยากที่จะมีสุขภาพดีได้ เพราะฉะนั้นชั่วโมงการทํางานที่กฎหมายแรงงานได้กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกจ้างมีชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม
- งานทั่วไป กฎหมายกำหนดว่า เวลาทำงานในหนึ่งวันจะต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง และ ในหนึ่งสัปดาห์รวมแล้วไม่เกิน 48 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามไม่ได้มีกำหนดเวลาเริ่มหรือเลิกงานไว้ ทำให้นโยบายของแต่ละบริษัทสามารถกำหนดเองได้ว่าจะให้ลูกจ้างเข้างานกี่โมง และเลิกงานกี่โมง
- งานที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ยกตัวอย่างเช่น งานที่เกี่ยวกับสารเคมี งานเชื่อมโลหะ งานทำความสะอาดกระจกบนตึกสูง สำหรับงานประเภทดังกล่าวกฎหมายแรงงานกำหนดเวลาทำงานไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และรวมแล้วไม่เกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ชั่วโมงการพัก ลูกจ้างต้องได้พักกี่ชั่วโมงต่อวันตามกฎหมายแรงงาน
เมื่อมีการทำงาน ก็ต้องมีเวลาพัก เพราะลูกจ้างเองก็เป็นมนุษย์ที่อาจเกิดความเหน็ดเหนื่อยขึ้นหลังจากที่ทำงานติดกันเป็นเวลานาน กฎหมายแรงงานกำหนดให้ลูกจ้างต้องมีเวลาพัก ดังนี้
- ลูกจ้างต้องมีเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน และจะต้องเป็นการพักหลังจากที่ทำงานติดต่อกันไม่เกิน 5 ชั่วโมง เช่น หากนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานติดต่อกัน 6 ชั่วโมง แล้วจึงให้พักหนึ่งชั่วโมง ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากลูกจ้างทำงานติดต่อกันเกิน 5 ชั่วโมงนั่นเอง
- ลูกจ้างที่ทำงานล่วงเวลา 2 ชั่วโมงขึ้นไป ต้องมีเวลาพักก่อนทำงานล่วงเวลาไม่น้อยกว่า 20 นาที เช่น ลูกจ้างที่เลิกงาน 16.00 น. และจะต้องทำงานล่วงเวลาอีก 3 ชั่วโมง จะต้องมีเวลาพักหลังเลิกงานอย่างน้อย 20 นาที และจึงจะสามารถเริ่มทำงานล่วงเวลาหลัง 16.20 น.
การทำงานล่วงเวลา มีข้อหนดอย่างไรตามกฎหมายแรงงาน
หนึ่งในวิธีเก็บเงินที่ดีที่สุด คือการลดรายจ่าย เพิ่มรายรับ หลาย ๆ คนจึงเลือกใช้เวลาหลังเลิกงานเพื่อหารายได้เสริม และสำหรับบางคนที่ต้องการใช้เงินก้อนเพื่อปลดหนี้ อาจมีการตกลงในการทำงานนอกเวลา เพื่อเพิ่มรายรับจากค่าโอทีที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินเดือนปกติ
อย่างไรก็ตามลูกจ้างก็จะต้องได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม เป็นธรรม ตามที่กฎหมายแรงงานได้กำหนดข้อปฏิบัติในการทำงานล่วงเวลาไว้ การทำโอทีตามกฎหมายแรงงานจะต้องเป็นไปตามข้อปฏิบัติเหล่านี้
- การทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด สามารถทำได้เมื่อได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเป็นคราว ๆ ไป ไม่เป็นข้อผูกมัดให้ต้องทำตลอดไปหากไม่สมัครใจ
- การทำงานล่วงเวลาสามารถทำได้ หากลักษณะของงานเป็นงานเป็นงานที่ต้องทำติดต่อกัน หรือหากหยุดกลางคันจะเสียหาย รวมไปถึงในกรณีที่มีงานฉุกเฉิน
- สำหรับกิจการเฉพาะบางรูปแบบ เช่น กิจการโรงแรม, งานขนส่ง, ร้านขายอาหาร, ร้านขายเครื่องดื่ม หรือ สถานพยาบาล อนุญาตลูกจ้างทำงานในวันหยุดได้
- การทำงานล่วงเวลา รวมไปถึงการทำงานวันหยุดต้องมีชั่วโมงการทำงานรวมกันแล้วไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
วันหยุดต่าง ๆ ตามกฎหมายแรงงาน
วันหยุด เป็นวันที่ลูกจ้างจะได้พักให้คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน วันหยุดรายสัปดาห์จึงเป็นวันที่ลูกจ้างจะได้พักผ่อนรวมไปถึงทำเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากการทำงาน ประเทศไทยมีวันหยุดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดที่เป็นวันสำคัญทางศาสนา วันหยุดตามประเพณี หรือวันหยุดราชการ เพื่อคลายข้อสงสัยว่าลูกจ้างจะได้รับวันหยุดทั้งหมดกี่วัน ในเบื้องต้นสามารแบ่งได้เป็นวันหยุดต่อสัปดาห์ และวันหยุดตามประเพณีได้ ดังนี้
- วันหยุดรายสัปดาห์ กฎหมายแรงงานกำหนดให้ลูกจ้างมีวันหยุด 1 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะมากกว่านั้นก็ได้อย่างที่เรามักเห็นนายจ้างส่วนใหญ่เพิ่มวันหยุดให้ลูกจ้างสามารถหยุดงานได้ในวันเสาร์อาทิตย์
- วันหยุดตามประเพณี เป็นวันหยุดที่เราหยุดตามวันสำคัญของชาติ หรือวันสำคัญทางศาสนา โดยกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ว่าการลาหยุดประเพณีในแต่ละปีจะต้องอยู่ที่ 13 วันต่อปี
- วันหยุดราชการ เป็นวันหยุดที่กำหนดโดยคณะรัฐมนตรี โดยในแต่ละปีก็อาจมีการเพิ่มวันหยุดพิเศษเข้ามา สามารถตรวจสอบวันหยุดราชการ 2567 ได้ที่นี่
วันลามีอะไรบ้าง ลาได้อย่างน้อยกี่วันตามกฎหมายแรงงาน
- ลาพักร้อน หากลูกจ้างมีการทำงานมานานกว่า 1 ปี ต้องมีสิทธิลาพักร้อนตามกฎหมายแรงงาน ไม่น้อยกว่า 6 วันทำงานต่อปี โดยนายจ้างก็อาจพิจารณาเพิ่มวันลาให้มากขึ้นได้แล้วแต่นโยบายของบริษัท ในบางบริษัทหากใช้วันลาพักร้อนไม่ครบ สามารถทบไปใช้ในปีถัดไปได้ เพราะฉะนั้นลูกจ้างควรสอบถามบริษัทเกี่ยวกับการทบวันลาให้ชัดเจน จะได้ใช้วันลาพักร้อนตามสิทธิที่มีให้ครบจำนวนวันเพื่อเป็นการรักษาสิทธิของตัวเอง
- ลาป่วย ลูกจ้างสามารถลาป่วยตามกฎหมายแรงงานได้ตามวันที่ป่วยจริง อย่างไรก็ตามหากมีการลาป่วยมากกว่า 3 วันขึ้นไป ลูกจ้างจะต้องใช้ใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานยืนยันในการแจ้งลา
- ลากิจ ตามกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างสามารถลากิจได้ไม่น้อยกว่า 3 วัน และยังได้รับเงินเดือนตามปกติ ทั้งนี้การลากิจสามารถทำได้ทั้งลาล่วงหน้าและย้อนหลัง
- ลาคลอด ในหนึ่งปี ลูกจ้างสามารถลาคลอดได้กี่วัน ตามกฎหมายแรงงานแล้ว ลูกจ้างสามารถลาคลอดได้ 98 วัน แบ่งเป็นลาตรวจครรภ์ 8 วัน และลาคลอดบุตร 90 วัน ลูกจ้างสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ฝากครรภ์ ตรวจครรภ์ ไปจนถึงวันคลอด โดยนายจ้างจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้กับลูกจ้างในจำนวนที่เท่ากันกับเงินเดือนเดือนล่าสุดที่จ่าย
- ลาทำหมัน ลูกจ้างสามารถลาทำหมันได้ โดยระยะเวลาขึ้นอยู่กับใบรับรองของแพทย์
- ลาไปรับราชการทหาร ในกรณีที่ลูกจ้างถูกเรียกให้รับราชการทหาร พระราชบัญญัติกฎหมายแรงงานกำหนดว่าทางบริษัทจะต้องอนุญาตให้ลาได้ตามวันที่เรียก และต้องจ่ายเงินค่าจ้างในวันลานั้น แต่ไม่เกิน 60 วันต่อปี
กฎหมายแรงงานเกี่ยวกับค่าชดเชย การลาออก หรือการถูกให้ออกจากงาน
เรื่องของการลาออกและการจ่ายค่าชดเชยเป็นประเด็นที่มีให้เห็นบ่อยครั้ง เนื่องจากนายจ้างมักใช้ความไม่รู้มาเอาเปรียบลูกจ้าง และหลายครั้งมีการหลอกลวง บีบบังคับให้ลูกจ้างเซ็นใบลาออกเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ลูกจ้างหลายคนที่ได้รับความไม่เป็นธรรมอาจปล่อยผ่าน ยื่นสมัครงานที่บริษัทต่อไป เตรียมพร้อมแต่งตัวไปสัมภาษณ์งานใหม่เพราะไม่อยากมีเรื่องวุ่นวายที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่แท้จริงแล้วลูกจ้างควรปกป้องสิทธิของตนเอง รวมถึงสามารถแจ้งกรมแรงงานเพื่อขอความเป็นธรรมได้
ข้อมูลกฎหมายแรงงานลาออกกระทันหัน เลิกจ้าง การไล่ออกจากงานที่ลูกจ้างควรรู้
- การลาออกจำเป็นต้องบอกล่วงหน้าหรือไม่ กฎหมายแรงงานลาออกไม่จำเป็นต้องบอกล่วงหน้า แต่หลายบริษัทกกำหนดไว้ว่าจะต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน เพื่อในบริษัทสามารถหาคนใหม่มาแทนได้ทัน และไม่กระทบกับงาน ลูกจ้างจึงควรแจ้งนายจ้างล่วงหน้าเพื่อไม่ให้งานเสียหาย และที่สำคัญคือเป็นการรักษาสัมพันธ์อันดีกับนายจ้าง เผื่อในกรณีที่จะได้กลับมาร่วมงานกันอีกนั่นเอง
- เงินประกันสังคม โดยทั่วไปแล้ว นายจ้างจะมีต้องยื่นประกันสังคมในทุก ๆ เดือน หากเกิดกรณีลูกจ้างลาออกจากงาน จะมีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม 45% ในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน โดยในปัจจุบันสามารถยื่นประกันสังคมออนไลน์ และลงทะเบียนกรณีว่างงานออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อเป็นรายได้ในระหว่างว่างงาน นอกจากนี้ บางบริษัทยังมีกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ คือกองทุนที่นายจ้างให้ลูกจ้างออมเงินและลงทุนในช่วงที่ทำงานร่วมกัน หากลูกจ้างมีกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ ลาออกแล้วก็จะได้รับเงินก้อน
- ถูกเลิกจ้าง โดนไล่ออกโดยไม่เต็มใจ หากลูกจ้างถูกบีบบังคับให้เซ็นใบลาออกโดยไม่เต็มใจ ลูกจ้างสามารถปฏิเสธและแจ้งกรมแรงงานเพื่อฟ้องร้องได้หรือหากนายจากต้องการเลิกจ้าง กฎหมายเลิกจ้างกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยให้ลูกจ้าง ได้แก่ เงินชดเชย และค่าบอกกล่าวล่วงหน้าขึ้นอยู่กับอายุงานของลูกจ้าง ตามมาตรา118แรงงาน ดังนี้
- ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี รับเงินค่าชดเชย 30 วัน
- ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี รับเงินค่าชดเชย 90 วัน
- ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ถึง 6 ปี รับเงินค่าชดเชย 180 วัน
- ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี รับเงินค่าชดเชย 240 วัน
- ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี รับเงินค่าชดเชย 300 วัน
- ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป รับเงินค่าชดเชย 400 วัน
นอกจากนี้ ลูกจ้างยังสามารถขึ้นทะเบียนคนว่างงานกับประกันสังคม โดยประกันสังคมจะจ่ายเงินชดเชย 75% ของค่าเงินเดือนล่าสุด ไม่เกิน 200 วัน
สรุปเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เรื่องที่ลูกจ้างต้องรู้
กฎหมายแรงงาน หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานมีการกำหนดข้อปฏิบัติสำหรับลูกจ้างและนายจ้างเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม และหลายครั้งที่ลูกจ้างถูกเอาเปรียบเนื่องจากนายจ้างใช้ความไม่รู้ของลูกจ้างมาละเมิดสิทธิ การหาความรู้เพื่อทำความเข้าใจกฎหมายแรงงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากเรื่องของนายจ้างลูกจ้างแล้ว แรงงานควรมีความรู้ในเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี เงินเดือนเท่าไหร่เสียภาษี การยื่นภ.ง.ด 90 ทำอย่างไร รวมไปถึงการลดหย่อนภาษี เป็นเรื่องสำคัญที่มนุษย์วัยทำงานควรรู้
เมื่อเราลาออกจากงาน เราก็ย่อมขาดรายได้ หากลูกจ้างต้องการเปลี่ยนงานหรือลาออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อหางานใหม่ ก็ควรมองหาแผนการเงินสำรองที่จะเข้ามารองรับ
บัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวช่วยให้การเริ่มต้นใหม่ของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น โดยสามารถถอนเงินสดผ่านแอป KTC Mobile ผ่านตู้ ATM ไม่มีค่าธรรมเนียม ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นตัวช่วยทางการเงินที่เหมาะสำหรับใช้ยามจำเป็น บัตรกดเงินสด KTC PROUD ขั้นตอนสมัครบัตรง่าย สามารถสมัครผ่านออนไลน์ได้ รู้ผลไว สามารถสมัครได้โดยใช้หนังสือรับรองเงินเดือนขั้นต่ำให้ตรงกับเกณฑ์ในการสมัคร นอกจากนี้บัตรกดเงินสด KTC PROUD ยังมาพร้อมสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาที่มีปัญหาด้านการเงินไปได้ง่ายกว่าที่คุณคิด
สมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD ไว้รองรับทุกความจำเป็นของคุณ
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 20% - 25% ต่อปี