การแต่งงานคือช่วงเวลาสำคัญของชีวิต แต่แน่นอนว่า...ก็เป็นช่วงที่ต้องใช้เงินไม่น้อยเช่นกัน ตั้งแต่ค่าจัดงาน ชุดแต่งงาน สถานที่ ไปจนถึงของชำร่วย หลายคู่รักที่เป็นมนุษย์เงินเดือนอาจต้องพึ่ง กู้เงินแต่งงาน เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่นและไม่กระทบกับเงินเก็บหรือภาระรายเดือนอื่น ๆ
บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า ถ้าอยาก กู้เงินแต่งงานต้องเตรียมตัวยังไง วางแผนอะไรบ้าง และควรเลือกสินเชื่อแบบไหนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ พร้อมแชร์เคล็ดลับวางแผนการเงินและป้องกันหนี้สินหลังแต่งงานอย่างมีสติ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วางแผนก่อนกู้เงินแต่งงาน: ขั้นแรกที่ต้องรู้
1. ประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ก่อนจะตัดสินใจ กู้เงินแต่งงานต้องรู้ก่อนว่าเราต้องใช้เงินเท่าไหร่ ลองลิสต์รายการต่าง ๆ เช่น:
- ค่าจัดสถานที่และตกแต่ง
- ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
- ค่าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว
- ค่าช่างภาพ ช่างแต่งหน้า
- ของชำร่วยและการ์ดเชิญ
- ค่าเดินทางหรือฮันนีมูน (ถ้ามี)
2. ดูเงินเก็บที่มีอยู่
ถ้าคุณมีเงินเก็บอยู่แล้วบางส่วน ก็จะช่วยลดภาระการกู้ลงได้ เช่น ถ้ามีงบอยู่ 100,000 บาท และต้องการใช้งาน 200,000 บาท ก็อาจเลือกกู้แค่ 100,000 บาท
3. ตั้งงบให้เหมาะกับรายได้
อย่ากู้เกินความจำเป็น! สำรวจรายได้ต่อเดือนของคุณและคู่รักว่า ถ้าต้องผ่อนชำระ จะไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าห้อง ค่ารถ หรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ
4. เตรียมเอกสารล่วงหน้า
การขอสินเชื่อจำเป็นต้องใช้เอกสาร เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองงาน สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน เป็นต้น หากเตรียมไว้ล่วงหน้า จะทำให้กระบวนการกู้เร็วขึ้น
แหล่งเงินกู้แต่งงานยอดนิยม
1. กู้จากสถาบันการเงินหรือธนาคาร
มีหลายธนาคารที่ให้บริการ สินเชื่อแต่งงาน โดยเฉพาะ จุดเด่นคือ ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ และผ่อนได้นาน แต่ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น รายได้ขั้นต่ำ เอกสารครบ หรือบางแห่งอาจต้องมีผู้ค้ำประกัน
2. ใช้บัตรกดเงินสด
บัตรกดเงินสดเหมาะกับคู่รักที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย เพราะสามารถเบิกเงินสดมาใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องยื่นขอสินเชื่อใหม่ในแต่ละครั้ง เหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน เช่น ค่าอุปกรณ์เสริมในวันงาน หรือค่าเดินทางที่เปลี่ยนแปลงได้
3. กู้จากคนในครอบครัว
ถ้าเป็นไปได้ การกู้จากญาติพี่น้องอาจไม่มีดอกเบี้ย แต่ต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์ อย่าลืมคุยรายละเอียดและตั้งเงื่อนไขให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง
เคล็ดลับวางแผนใช้เงินหลังแต่งงานให้ไม่พัง
1. จัดงบสำหรับชีวิตคู่
หลังแต่งงาน ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมา เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าของใช้ในบ้าน หรือค่าผ่อนทรัพย์สิน ควรแบ่งงบให้ชัดเจนว่าค่าใช้จ่ายใดต้องหารร่วม และค่าใช้จ่ายใดที่แยกกัน
2. อย่าลืมเรื่องประกันและฉุกเฉิน
วางแผนเงินเผื่อฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือกรณีตกงาน เพื่อให้ชีวิตคู่ไม่สะดุด หากเกิดเหตุไม่คาดคิด
3. ไม่ใช้เงินเกินตัว แม้เพื่องานแต่ง
จำไว้ว่างานแต่งเป็นแค่จุดเริ่มต้น ไม่ใช่บทสรุปของชีวิตรัก อย่าใช้งบเกินตัวจนกลายเป็นภาระหนี้ในระยะยาว
วิธีเลือกสินเชื่อแต่งงานให้เหมาะกับคุณ
1. เปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไข
อย่าดูแค่ยอดกู้ ให้ดูด้วยว่าแต่ละที่คิดดอกเบี้ยเท่าไหร่ ผ่อนกี่เดือน และถ้ามีโปรโมชั่นผ่อน 0% ยิ่งดี!
2. เช็คความสะดวกในการกู้
บางคนไม่สะดวกไปธนาคาร ก็สามารถเลือกแอปหรือระบบออนไลน์ที่สามารถสมัครและยื่นเอกสารผ่านมือถือได้เลย
3. เลือกที่ผ่อนสบาย ไม่กระทบค่าใช้จ่ายอื่น
อย่าลืมว่าหลังแต่งงานยังมีภาระอีกหลายอย่าง เช่น ผ่อนบ้าน วางแผนครอบครัว ฯลฯ ดังนั้นควรเลือกการกู้ที่มีดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และผ่อนในระยะเวลาที่เหมาะสม
ตัวอย่างสถานการณ์: ถ้าต้องกู้ 100,000 บาทเพื่อแต่งงาน
- ถ้าเลือกผ่อน 12 เดือน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 18% ต่อปี จะต้องจ่ายราว ๆ 9,200 บาท/เดือน
- ถ้าเลือกผ่อน 24 เดือน จะจ่ายราว 5,400 บาท/เดือน ซึ่งเบาลง แต่รวมแล้วอาจจ่ายดอกเบี้ยมากกว่า
ดังนั้นควรเลือกแผนการกู้ที่เหมาะกับความสามารถในการชำระเงินของคุณมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกู้เงินแต่งงาน
Q: กู้เงินแต่งงานต้องมีผู้ค้ำประกันไหม?
A: ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน หากมีรายได้มั่นคงและเครดิตดี อาจไม่ต้องมีผู้ค้ำ
Q: สามารถกู้ร่วมกับคู่รักได้ไหม?
A: ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะสินเชื่อแต่งงานจากธนาคารที่อนุญาตให้ใช้รายได้รวมกันพิจารณาวงเงิน
Q: ถ้าอยากผ่อนจ่ายแบบยืดหยุ่นควรเลือกแบบไหนดี?
A: บัตรกดเงินสดเช่น KTC PROUD ช่วยให้สามารถเลือกจ่ายขั้นต่ำ หรือจ่ายเต็มได้ตามสะดวก
กู้เงินแต่งงานอย่างชาญฉลาด ต้องคิดรอบด้าน
ไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนเงินเท่านั้น แต่รวมถึงการวางแผนทางการเงินหลังแต่งงานด้วย เพราะชีวิตคู่อาจมีภาระร่วมกันเพิ่มขึ้น เช่น ผ่อนบ้าน วางแผนครอบครัว หรือค่าใช้จ่ายประจำ การใช้เครื่องมือทางการเงินที่ยืดหยุ่นอย่าง KTC PROUD ก็เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ที่วางแผนจะแต่งงาน
บัตรกดเงินสด KTC PROUD อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัว โดยมีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการความยืดหยุ่นทางการเงิน
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
วางแผนการเงินให้คล่องตัวในทุกสถานการณ์ ใช้บัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี