BEWAGON Checklist! เรื่องน่ารู้สำหรับตรวจสภาพรถ
ในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ผู้คนนิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางมากยิ่งขึ้น เพราะไม่เพียงแค่มีความเป็นส่วนตัวสูง ยังสะดวกสบายในการเดินทางเป็นอย่างยิ่ง แต่แน่นอนว่าในการเดินทางแต่ละครั้งสิ่งแรกที่ควรนึกถึงคือความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในเรื่องของอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ ดังนั้นการตรวจเช็คสภาพรถก่อนเดินทางจึงเป็นสิ่งที่คนมีรถไม่ควรละเลย โดยมีหลักการง่าย ๆ ที่คนมีรถควรรู้อย่าง BE WAGON ที่ช่วยทำให้การตรวจเช็คความรถก่อนเดินทางเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น
BE WAGON คืออะไร ? ทำไมถึงสำคัญ
ตรวจเช็คระบบรถยนต์
หลักการ BE WAGON (บีวากอน) คือหลักการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ด้วยตัวเองที่แบ่งออกเป็น 7 หมวดการตรวจเช็คสภาพรถตามอักษรย่ออย่าง B, E, W, A, G, O และ N เป็นการเตรียมความพร้อมและเช็ครถก่อนออกเดินทาง ที่ผู้ขับขี่จะสามารถจดจำได้ง่ายและควรทำการตรวจสภาพรถทุกครั้งก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
BE WAGON ย่อมาจากอะไร?
1. B (BRAKE)
การตรวจเช็คระบบเบรกของรถยนต์ทั้งหมด สามารถใช้งานเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยแบ่งออกเป็น 4 จุด คือ
- ระดับน้ำมันเบรก
- ระดับน้ำมันคลัทช์
- ท่อน้ำมันเบรก
- ระบบเบรกมือ
2. E (ELECTRIC)
การตรวจเช็คระบบไฟฟ้าของรถทั้งหมดเพื่อตรวจสอบว่ามีจุดขัดข้องหรือไม่ โดยมีการแบ่งจุดสำรวจออกเป็น 5 อย่างคือ
- ระดับน้ำกลั่นของแบตเตอรี่
- ขั้วแบตเตอรี่ แท่นรอง และสายรัดแบตเตอรี่
- ระบบไฟสูง-ต่ำ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอยหลัง
- ระะบบการทำงานของแตร
- การเช็คที่ปัดน้ำฝน
3. W (WATER)
การตรวจเช็คเกี่ยวกับระบบน้ำต่าง ๆ ภายในรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แบ่งออกเป็น 3 จุดคือ
- ระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ
- ระดับน้ำหล่อเย็นในถังพักสำรอง
- ระดับน้ำในถังฉีดล้างกระจก
4. A (AIR)
การตรวจเช็คระบบเกี่ยวกับอากาศหรือลม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญสำหรับการตรวจเช็ครถยนต์ โดยแบ่งออกเป็น
- การทำงานของเครื่องปรับอากาศ
- ลมยาง และล้อรถยนต์ทั้งหมด
5. G (GASOLINE)
การตรวจเช็คในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊สเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่เป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อน ควรตรวจเช็คก่อนเดินทางว่ามีน้ำมันที่เพียงพอหรือไม่ และหากมีการยืมรถคนอื่นมาใช้ควรตรวจเช็คให้ดีว่ารถคันดังกล่าวเติมน้ำมันหรือเติมแก๊สประเภทอะไร เพื่อป้องกันการเติมน้ำมันผิดที่อาจส่งผลดระทบต่อตัวรถยนต์
6. O (OIL)
การตรวจเช็คในส่วนของระบบน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ ของรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน ถือเป็นระบบที่มีความสำคัญต่อเครื่องยนต์หรือจุดต่าง ๆ ของรถให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนเหล่านั้น โดยสิงที่ต้องตรวจสอบได้แก่
- ระดับน้ำมันเครื่อง
- ระดับน้ำมันเกียร์
- ระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
7. N (NOICE)
สังเกตเสียงที่ผิดปกติในการทำงานของรถยนต์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานรถยนต์ โดยความผิดปกติด้านเสียงที่สามารถสังเกตได้ง่าย มีดังนี้
- เสียงเครื่องยนต์ในระหว่างการทำงาน
- เสียงท่อไอเสีย
ตรวจเช็คสภาพรถยนต์
การตรวจรถด้วยหลักการ BEWAGON เป็นหนึ่งในการตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นที่ผู้ขับขี่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หากตรวจพบสิ่งผิดปกติควรนำรถเข้าตรวจสภาพรถโดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ขับขี่สามารถค้นหาพิกัดสถานที่ตรวจสภาพรถใกล้ฉันได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ หากรถอยู่ในสภาพปกติแล้วเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินด่วนหรือเงินก้อน สามารถนำรถไปยื่นขอสินเชื่อในยามฉุกเฉินกับสินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน สำหรับรถปลอดภาระที่ช่วยเปลี่ยนรถเป็นเงินสด ที่ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท อนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง เพียงยื่นเรื่องผ่านระบบออนไลน์แล้วรอทีมงานพี่เบิ้ม Delivery ติดต่อกลับเพื่อทำการนัดหมายพร้อมตรวจสอบสภาพรถให้ถึงที่บ้าน เมื่อผ่านการอนุมัติได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำและไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน พร้อมรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยสามารถกดเงินจากตู้ ATM ได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่มีค่าธรรมเนียม ให้อุ่นใจในยามต้องการมองหาตัวช่วยค่าใช้จ่ายในยามเร่งด่วน พี่เบิ้มก็พร้อมอยู่เคียงข้างคุณในทุกสถานการณ์
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน เสริมสภาพคล่องในยามใช้จ่ายฉุกเฉิน