เข้าสู่ช่วงยื่นภาษีประจำปี 2567 ซึ่งสามารถยื่นภาษีออนไลน์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 8 เมษายน 2568 โดยหลายคนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนภาษีย่อมอยากรู้ว่า “จะได้เงินคืนเมื่อไหร่?” และ “ทำอย่างไรให้ได้รับเงินคืนเร็วขึ้น?” เพราะเงินภาษีที่ถูกหักไปล่วงหน้าถือเป็นสิทธิ์ของเราที่สามารถนำกลับมาใช้จ่ายหรือลงทุนต่อได้ ฉะนั้น หากใครมีคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ KTC จะพาคุณไปเช็กสถานะภาษีคืนว่ามีขั้นตอนอย่างไร เช็กสถานะได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันได้เลย
เงินคืนภาษี คืออะไร ?
เงินคืนภาษี คือเงินที่ผู้เสียภาษีได้รับคืนจากกรมสรรพากร โดยหากคุณมีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 150,000 บาทต่อปีขึ้นไป คุณจำเป็นจะต้องเสียภาษีตามที่กำหนด ซึ่งกรณีที่ผู้เสียภาษีมีการเสียภาษีเกินกว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระตามกฎหมาย ก็จะได้รับเงินคืนภาษี โดยเงินจำนวนนี้ก็จะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้เสียภาษีนั่นเอง ทั้งนี้ เงินคืนภาษีนั้น มักเกิดขึ้นจาก 2 กรณี ด้วยกัน ได้แก่
- จากเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายเกินมา หมายถึง ผู้เสียภาษีได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายระหว่างปีมากกว่ามูลค่าภาษีที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องจ่ายจริง
- จากค่าลดหย่อนภาษี คือ ผู้เสียภาษีได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีต่างๆ เช่น ค่าลดหย่อนบุตร ประกันชีวิต กองทุน หรือเงินบริจาค เป็นต้น จึงสามารถขอคืนภาษีได้ขึ้นอยู่กับยอดเงินที่กรมสรรพากรคำนวณจากการยื่นภาษีประจำปีนั้นๆ
ขั้นตอนการเช็กสถานะภาษีคืนปี 2567
การเช็กเงินคืนภาษี 2567 สามารถทำได้หลังจากที่คุณได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) ด้วยตัวเองหรือผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว โดยหากต้องการทราบว่าเงินคืนภาษีอยู่ในขั้นตอนสถานะใด ก็สามารถตรวจสอบได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th
- เลือกเมนู ระบบ D-MyTax (Digital MyTax) เพื่อตรวจสอบข้อมูลทางภาษี
- เข้าสู่ระบบด้วยเลขที่บัตรประชาชนและรหัสผ่านที่คุณตั้งไว้ จากนั้น สามารถเลือกเบอร์โทรศัพท์ที่ได้แจ้งไว้ เพื่อรับรหัส OTP
- กรอกรหัส OTP และกดยืนยัน
- ติดตามสถานะขอคืน/นำส่งเอกสาร ก็จะสามารถเช็กเงินคืนภาษีว่าอยู่ในสถานะขั้นตอนใด
- หรือเลือกเช็กเงินคืนภาษี 2567 ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในหน้าแบบแสดงรายการ
รับเงินคืนภาษี 2567 ได้ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง
กรมสรรพากรกำหนด 3 ช่องทางหลัก สำหรับการรับเงินคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนี้
1.โอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน
โดยกรมสรรพากรจะทำการโอนเงินภาษีที่ได้อนุมัติคืนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ สำหรับบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชนกับบัญชีเงินฝากธนาคารและได้แจ้งความประสงค์ขอรับเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าว ซึ่งการรับเงินคืนภาษีผ่านช่องทางพร้อมเพย์ นับเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด
2.โอนเข้าบัญชีธนาคาร สาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
โดยกรมสรรพากรจะออกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ค.21) เป็นหลักฐานเพื่อนำไปติดต่อรับเงินคืนที่สาขาธนาคารธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ดังนี้
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.rd.go.th/63437.html
3.เช็คพร้อมหนังสือ ค.21
กรณีชาวต่างชาติ ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล วิสาหกิจชุมชน และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง กรมสรรพากรจะออกหนังสือ ค.21 (หนังสือแจ้งคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) พร้อมเช็ค โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่บนแบบแสดงรายการให้ผู้ขอคืน เพื่อนำไปเข้าบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารเท่านั้น
ระยะเวลาที่จะได้รับเงินคืนภาษี 2567
ตามที่ระบุในเว็บไซต์กรมสรรพากร กรมสรรพากรจะดำเนินการคืนเงินภาษี ภายใน 3 เดือน กรณีมีเอกสารชัดเจนแสดงว่า ได้มีการเสียภาษีไว้เกิน ผิด ซ้ำหรือไม่มีหน้าที่ต้องเสีย นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอคืนเงินภาษีด้วยแบบ ภ.ง.ด.90/91 ที่แจ้งความประสงค์ขอคืนเงินภาษี หรือแบบ ค.10
ทั้งนี้ ส่วนมากแล้ว หากเอกสารครบถ้วนและได้รับการยืนยันการส่งคืนภาษีจากการตรวจสอบสถานะบนเว็บไซต์ ก็จะได้เงินคืนภายในระยะเวลา 3-4 วันเท่านั้น แต่หากเอกสารมีปัญหาหรือมีความไม่ชัดเจนต้องตรวจสอบ ก็อาจต้องรอนานถึง 3 เดือน ฉะนั้น การเช็คเอกสารให้เรียบร้อย และเตรียมเอกสารไว้ให้พร้อม ก็จะทำให้การรับเงินคืนภาษีนั้น รวดเร็วขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.rd.go.th/63437.html
หากต้องการได้รับเงินภาษีคืนเร็วขึ้น มีวิธียื่นอย่างไร ?
ใครที่อยากได้เงินคืนภาษีเร็วๆ สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- ยื่นแบบภาษีให้เร็วที่สุด อย่างที่กล่าวไปว่า กรมสรรพากรเริ่มเปิดให้ยื่นภาษีออนไลน์ได้ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเมษายน ฉะนั้น หากคุณยิ่งยื่นเร็ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเร็ว ก็จะได้รับเงินคืนรวดเร็วเร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการยื่นภาษีช่วงใกล้วันหมดเขตเพราะอาจมีผู้ยื่นจำนวนมาก ทำให้การตรวจสอบล่าช้าไปอีก
- ผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ด้วยเป็นช่องทางการรับเงินคืนภาษีที่เร็วที่สุดและง่ายที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 3-7 วันทำการ
- ควรตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนยื่น โดยจัดเตรียมเอกสารหักลดหย่อน และรายได้ให้ตรงกับข้อมูลที่กรมสรรพากรมี ซึ่งหากข้อมูลถูกต้อง ไม่มีข้อผิดพลาด จะช่วยให้การตรวจสอบเร็วขึ้น
- ติดตามสถานะเงินคืนภาษีและยื่นเอกสารเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ที่ระบบ D-MyTax (Digital MyTax) ทั้งนี้ ควรติดตามสถานะเงินคืนภาษีอยู่ตลอด เพื่อตรวจสอบสถานะว่าถูกขอเอกสารเพิ่มเติมหรือไม่ หากถูกขอเรียกเพิ่มเติม ให้รีบส่งให้กรมสรรพากรโดยเร็วที่สุด
จะเห็นว่าการยื่นภาษีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับเงินที่จ่ายเกินกลับมาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว โดยคุณสามารถตรวจสอบสถานะการคืนภาษีและเลือกช่องทางรับเงินคืนได้ตามความสะดวก และตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุดคือการรับเงินคืนผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน
นอกจากนี้ เมื่อคุณยื่นภาษีประจำปี 2567 เรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมวางแผนลดหย่อนกันต่อสำหรับปี 2568 นี้ โดยให้บัตรเครดิต KTC เป็นตัวช่วยในการวางแผนทางการเงินของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนต่างๆ ในช่วงต้นปีนี้ เพราะเบี้ยประกันส่วนใหญ่จะถูกกว่าช่วงปลายปี ซึ่งจะทำให้เบี้ยประกันเฉลี่ยต่อเดือนถูกลง และสามารถจ่ายได้ด้วยบัตรเครดิต KTC ที่ๆ คุณจะได้พบกับโปรโมชั่นดีๆ ไม่ว่าจะเป็น โปรโมชั่นผ่อน 0% หรือเครดิตเงินคืนสุดคุ้ม ทำให้ทุกการใช้จ่ายของคุณมีแต่ความคุ้มค่า วางแผนการเงินตลอดทั้งปีนี้ให้ง่ายขึ้นด้วยการสมัครบัตรเครดิต KTC กันได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC