เปิดประสบการณ์ใหม่ที่เที่ยวโตเกียวเน้นสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ สัมผัสความเงียบสงบท่ามกลางเมืองใหญ่ ตั้งแต่สวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม สวนสาธารณะเก่าแก่ที่ซ่อนตัวจากความวุ่นวายของเมืองหลวง จนถึงอุทยานแห่งชาติ ทะเลสาบและภูเขา ชมความงามของธรรมชาติที่สวยทุกฤดูตั้งแต่ใบไม้ผลิ ซากุระบาน และใบไม้เปลี่ยนสี ชมทิวทัศน์อันงดงามราวกับภาพวาด ที่สุดของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของธรรมชาติกับมหานคร เพลิดเพลินไปกับที่เที่ยว Unseen ในโตเกียวและรอบๆ แล้วคุณจะประหลาดใจกับที่เที่ยวธรรมชาติที่มีมากมายเหล่านี้
JR PASS (Japan Rail Pass) จองล่วงหน้าได้ไม่น้อยกว่า 7 วัน และสูงสุดไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันเดินทาง
เดินทางง่ายใกล้-ไกลก็คุ้มค่า ด้วยบัตรรถไฟ JR PASS (Japan Rail Pass) ที่มีเส้นทางครอบคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่น ใช้บัตร JR PASS สามารถเดินทางได้ไม่จํากัดตามแพ็กเกจและเส้นทางที่เลือก จองล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 7-90 วัน ก่อนวันเดินทาง และยังสามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ เต็มอิ่มกับการเดินทางด้วยรถไฟแบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยว สามารถขึ้นได้ทั้งชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษ ไม่ต้องต่อแถวยาวๆ รอซื้อบัตรที่เคาท์เตอร์คนแน่นๆ ให้คุณวางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างใจ
เที่ยวญี่ปุ่นทริปนี้ จองตั๋วเครื่องบินแล้ว จองที่พักแล้ว อย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องการเดินทางภายในประเทศญี่ปุ่นด้วยบัตร JR PASS จองง่ายด้วยบัตรเครดิต KTC ที่ KTC WORLD
1. ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji)
ฟูจิเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงกว่า 3,776 เมตร ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าภูเขาไฟฟูจิเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย มนต์เสน่ห์แห่งภูเขาฟูจิที่โดดเด่นและสง่างามสะท้อนภาพความแข็งแกร่งถูกร้อยเรียงผ่านงานศิลปะและวรรณกรรมหลากหลายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
- เที่ยวช่วงไหนดี : โดยทั่วไปสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่หากต้องการปีนเขาจะต้องไปช่วงฤดูร้อนคือ กรกฏาคม-กันยายน
- ที่อยู่ : Kitayama, Fujinomiya, Shizuoka 418-0112, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟ Fuji Excursion limited express จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ไปลงที่สถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงโดยประมาณ
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 8:30-17:00 น.
- ค่าเข้าชม : ฟรี
2. เจดีย์แดงชูเรโตะ (Chureito Pagoda)
เจดีย์ชูเรโตะเป็นเจดีย์ห้าชั้นสีแดงที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพและวีรชน ตั้งอยู่บนเขาในสวนอาราคุระยามะเซนเกน (Arakurayama Sengen Park) ณ เมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) เจดีย์แดงชูเรโตะเป็นหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่งดงามและได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในช่วงซากุระบาน
- เที่ยวช่วงไหนดี : ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนเพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการชมดอกซากุระ
- ที่อยู่ : 2-chome-4-1 Asama, Fujiyoshida, Yamanashi 403-0011, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสาย JR Chuo จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) และเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟฟูจิคิว (Fujikyu) ที่สถานีโอสึกิ (Otsuki)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 09:00-16:00 น.
- ค่าเข้าชม : ฟรี
3. ฮาโกเน่ (Hakone)
ฮาโกเน่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้ๆ โตเกียว ที่นี่เป็นเมืองบนภูเขาที่มีชื่อเสียงจากรีสอร์ทน้ำพุร้อน ออนเซ็น ทะเลสาบอาชิ (Ashinoko) และวิวภูเขาไฟฟูจิ นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าฮาโกเน่ ซึ่งเป็นศาลเจ้าชินโตที่มีประตูโทริอิสีแดงตั้งอยู่ริมทะเลสาบ และพลาดไม่ได้กับหุบเขาโอวาคุดานิ (Owakudani) หรือหุบเขาไข่ดำ (ไข่ต้มในบ่อน้ำแร่กำมะถัน)
- เที่ยวช่วงไหนดี : ที่ฮาโกเน่สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี ด้วยทัศนียภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง
- ที่อยู่ : Ashigarashimo District, Kanagawa, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นชินคันเซ็นสาย Tokaido ไปยังสถานีโอดาวาระ (Odawara) และต่อรถไฟอีกเพียง 15 นาทีไปยังสถานีฮาโกเน่ยุโมโตะ (Hakone Yumoto)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 9:00-17:00 น. (ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว)
- ค่าเข้าชม : ขึ้นอยู่กับสถานที่ท่องเที่ยวที่เยี่ยมชม
4. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)
ที่เที่ยวในโตเกียวที่พลาดไม่ได้กับศาลเจ้าเมจิที่เป็นศาลเจ้าแบบชินโตสร้างอุทิศให้กับดวงวิญญาณของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเกน โดยรอบมีป่าขนาดใหญ่และเงียบสงบด้วยต้นไม้กว่า 120,000 ต้น จาก 365 สายพันธุ์ที่ส่งมาจากทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นเมื่อแรกที่ศาลเจ้าถูกสร้างขึ้น ศาลเจ้าเมจิเป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรโดยเฉพาะในวันปีใหม่และนิยมจัดงานแต่งแบบชินโต
- เที่ยวช่วงไหนดี : เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมในทุกฤดู โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ชาวญี่ปุ่นจะนิยมไปซื้อถุงโชคดี (lucky bag) กัน
- ที่อยู่ : 1-1 Yoyogikamizonocho, Shibuya City, Tokyo 151-8557, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายยามาโนะเตะ (Yamanote) ลงที่สถานีฮาราจูกุ (Harajuku)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 05:20-17:20 น.
- ค่าเข้าชม : ฟรี
5. อุทยานแห่งชาติชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden)
อุทยานแห่งชาติชินจูกุเกียวเอนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่และสวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตชินจูกุและชิบูย่า บริเวณสวนแห่งนี้เคยเป็นคฤหาสน์ของครอบครัว Naito ซึ่งเป็นตระกูลซามูไรในสมัยเอโดะ ปัจจุบันถูกจัดเป็นสวนสาธารณะภายใต้การดูแลของรัฐ ภายในสวนมีพื้นที่กว้างขวางมาก และมีการจัดสวนหลากหลายสไตล์ ทั้งแบบฝรั่งเศส แบบอังกฤษ และสวนแบบญี่ปุ่น อุทยานแห่งชาติชินจูกุเกียวเอนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
- เที่ยวช่วงไหนดี : ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนเพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับชมดอกซากุระ
- ที่อยู่ : 11 Naitomachi, Shinjuku City, Tokyo 160-0014, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟโดยสามารถเลือกลงได้ 3 สถานี คือ ชินจูกุ (Shinjuku) เซนดางายะ (Sendagaya) หรือชินจูกุ-เกียวเอมมาเอะ (Shinjuku-Gyoemmae)
- เวลาทำการ : ตั้งแต่ 09.00-16.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
- ค่าเข้าชม : 500 เยน
6. สวนอุเอโนะ (Ueno Park)
สวนอุเอโนะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในโตเกียว ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีอุเอโนะ สวนนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดคาเนจิ (Kaneiji) ซึ่งเคยเป็นวัดที่ใหญ่และร่ำรวยที่สุดของเมือง และเป็นวัดประจำตระกูลโทคุงาวะ (Tokugawa) ที่เรืองอำนาจในสมัยเอโดะ
ภายในบริเวณยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น สวนสัตว์อุเอโนะ ซึ่งเป็นสวนสัตว์แห่งแรกของญี่ปุ่น หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ อาทิ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว (Tokyo National Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสำหรับศิลปะตะวันตก (National Museum for Western Art) พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองโตเกียว (Tokyo Metropolitan Art Museum) และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Museum) รวมถึงวัดและศาลเจ้าต่างๆ เช่น วัดคาเนจิ วัดคิโยมิซึคันนอน (Kiyomizu Kannon) และบ่อน้ำชินโอบาซุ (Shinobazu) ซึ่งมีศาลเจ้าเบนเทนโด (Bentendo) ตั้งอยู่ตรงกลาง
- เที่ยวช่วงไหนดี : ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนสำหรับการชมดอกซากุระกว่า 1,000 ต้นบานสะพรั่งทั่วทั้งสวน
- ที่อยู่ : Uenokoen, Taito City, Tokyo 110-0007, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายยามาโนะเตะ (Yamanote) ลงที่สถานีอุเอโนะ (Ueno)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 05:00-23:00 น.
- ค่าเข้าชม : ฟรี (สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก)
7. สวนริมทะเลโอไดบะ (Odaiba Seaside Park)
สวนริมทะเลโอไดบะเป็นสวนที่สร้างขึ้นซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งของอ่าวโตเกียว จากที่เที่ยวนี้เราจะมองเห็นความสวยงามของสะพานสายรุ้งและเมืองโตเกียวฝั่งตรงข้าม สวมริมทะเลแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นมักจะมาเดินเล่นยามเย็น รอชมพระอาทิตย์ตกดิน บ้างก็รอชมไฟของสะพานรุ้งยามค่ำคืน ในบริเวณนี้ยังนิยมทำกิจกรรมทางทะเล เช่น การพายเรือ และวินด์เซิร์ฟ ทั้งยังเหมาะกับการนั่งพักผ่อน นำอาหารมาปิกนิกกัน ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้ชมความงามของต้นเมเปิ้ลที่อยู่โดยรอบ
- เที่ยวช่วงไหนดี : สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี โดยช่วงเวลาดีที่สุดของวันคือช่วงเย็น ที่พระอาทิตย์กำลังตกพร้อมทัศนียภาพอันสวยงามของเส้นขอบฟ้าของเมืองโตเกียว
- ที่อยู่ : 1 Chome-4 Daiba, Minato City, Tokyo 135-0091, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายยามาโนเตะไปยังสถานีชิมบาชิ (Shimbashi) จากนั้นต่อรถไฟสายยูริคาโมเมะ (Yurikamome) ไปยังสถานีไดบะ (Daiba)
- เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
- ค่าเข้าชม : ฟรี
8. สวนโคอิชิกาวา-โคระคุเอน (Koishikawa Korakuen Garden)
สวนโคอิชิกาวา-โคระคุเอนเป็นสวนญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว สวนนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะ (1600-1868) ในบริเวณที่เคยเป็นที่พำนักของตระกูลมิโตะ (Mito) ซึ่งเป็นอีกสายตระกูลของโทคุงาวะ (Tokugawa) สวนนี้เป็นสวนที่มีความสวยงามตลอดทั้งปี และสวยเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตั้งแต่สิ้นเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม ต้นเมเปิ้ลที่ถูกปลูกโดยรอบจะเปลี่ยนเป็นสีส้มและแดง ต้นกิงโกะก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง สวยงามแปลกตา
- เที่ยวช่วงไหนดี : ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคือช่วงเวลาที่สวยที่สุดของสวนโคอิชิกาวา-โคระคุเอน
- ที่อยู่ : 1 Chome-6-6 Koraku, Bunkyo City, Tokyo 112-0004, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายชูโอะ (Chuo) ลงที่สถานีอีดาบาชิ (Iidabashi)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.
- ค่าเข้าชม : 300 เยน
9. สวนโชวะ คิเนน (Showa Kinen Park)
สวนโชวะ คิเนนเป็นสวนที่ตั้งอยู่ในเขตอากิชิมะ (Akishima) และทาจิคาวะ (Tachikawa) สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิโชวะ สวนโชวะ คิเนนเป็นสวนที่มีขนาดใหญ่มาก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานปั่นชมสวนได้เป็นที่เหมาะสำหรับการปิกนิก พร้อมชมทิวทัศน์ทุ่งดอกไม้ตามฤดูกาลที่หลากหลาย โดยเฉพาะสวนดอกทิวลิปที่จำลองมาจากสวน Keukenhof ของประเทศเนเธอร์แลนด์ และทุ่งคอสมอสที่จะเปลี่ยนเนินเขาทั้งหมดเป็นสีชมพู ภายในบริเวณยังมีน้ำตก พิพิธภัณฑ์ และสถานที่เล่นกีฬาอีกด้วย
- เที่ยวช่วงไหนดี : ฤดูใบไม้ผลิช่วงต้นเดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสวนโชวะ คิเนน
- ที่อยู่ : 1 Chome-6-6 Koraku, Bunkyo City, Tokyo 112-0004, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายชูโอะ (Chuo) ที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku) แล้วลงที่สถานีนิชิ-ทาชิคาวะ Nishi-Tachikawa
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 09.30 - 17.00 น.
- ค่าเข้าชม : 450 เยน
10. สวนอิโนะคาชิระ (Inokashira Park)
สวนอิโนะคาชิระเป็นสวนที่ตั้งอยู่ในเขตมุซาชิโนะ (Musashino) และมิตากะ (Mitaka) เป็นสวนสวยที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสี กิจกรรมยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นคือการพายเรือ หรือถีบเรือในบึงน้ำขนาดใหญ่ใจกลางสวน เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ นั่งปิกนิกใต้ต้นซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิพร้อมอาหารและเครื่องดื่ม ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli Museum) สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และศาลเจ้าเบนไซเทน (Benzaiten) อีกด้วย สวนอิโนะคาชิระจึงเป็นที่เที่ยวในนโตเกียวแบบมาที่เดียวคุ้ม!
- เที่ยวช่วงไหนดี : ช่วงซากุระบานคือเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของสวนอิโนะคาชิระ
- ที่อยู่ : 1 Chome-18-31 Gotenyama, Musashino, Tokyo 180-0005, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายชูโอะ (Chuo) ที่สถานีชินจูกุ (Shinjuku) แล้วลงที่สถานีคิชิโจจิ (Kichijoji)
- เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ขั่วโมง
- ค่าเข้าชม : ฟรี (สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก)
11. สวนริคุกิเอน (Rikugien Gardens)
สวนริคุกิเอนเป็นสวนญี่ปุ่นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเอโดะราวปี 1702 โดยยานากิซาวะ โยชิยาซึ (Yanagisawa Yoshiyasu) ชื่อ "ริคุกิเอน" มีความหมายว่า “สวนโคลงหกบท” หมายถึงองค์ประกอบหกประการของบทกวีญี่ปุ่นแบบวากะ (Waga) ซึ่งเป็นประเภทของกวีนิพนธ์ในวรรณกรรมญี่ปุ่นคลาสสิก ใจกลางของสวนคือบึงน้ำที่ล้อมรอบด้วยเนินเขา และเส้นทางเดินที่จะพาไปยังส่วนต่างๆ ของสวน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงต้นไม้นับพันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มเหลืองทั่วทั้งสวน ให้ผู้เยี่ยมชมละลานตาไปด้วยความสดใสของธรรมชาติ
- เที่ยวช่วงไหนดี : กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมเพื่อชมสีสันของฤดูใบไม้ร่วงที่สวนริคุกิเอน
- ที่อยู่ : 6 Chome-16-3 Honkomagome, Bunkyo City, Tokyo 113-0021, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายยามาโนะเตะ (Yamanote) แล้วลงที่สถานีโคมะโกเมะ (Komagome)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.
- ค่าเข้าชม : 300 เยน
12. สวนฮามะริคิว (Hamarikyu Gardens)
สวนฮามะริคิวเป็นสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมอ่าวโตเกียว ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของสวนญี่ปุ่นดั้งเดิมตัดกับตึกระฟ้าในย่านชิโอโดเมะ (Shiodome) เดิมทีบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าขุนนางในสมัยเอโดะ ก่อนจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมอย่างในปัจจุบัน สวนฮามะริคิวเป็นจุดชมเทศกาลดอกไม้บานที่นักท่องเที่ยวจะพลุกพล่านน้อยกว่าที่อื่น ทำให้สามารถพักผ่อนหย่อนใจได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีดอกไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ชมทั้งทุ่งดอกโบตั๋นและดอกคาโนล่า
- เที่ยวช่วงไหนดี : ปลายเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นช่วงฤดูที่ดอกบ๊วยกำลังผลิบาน และในช่วงปลายมีนาคมถึงต้นเมษายนสำหรับการชมดอกซากุระ
- ที่อยู่ : 1-1 Hamarikyuteien, Chuo City, Tokyo 104-0046, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายยามาโนะเตะ (Yamanote) แล้วลงที่สถานีชิมบาชิ (Shimbashi)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.
- ค่าเข้าชม : 300 เยน
13. แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River)
แม่น้ำเมกุโระเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองลงไปถึงอ่าวโตเกียว มีความยาว 7.82 กิโลเมตร และเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เส้นทางเดินริมแม่น้ำถูกจัดไว้อย่างสวยงาม เหมาะกับการเดินชมบรรยากาศรอบๆ มีจุดนั่งพักผ่อน และนำอาหารและเครื่องดื่มมานั่งรับประทานบนฝั่งแม่น้ำได้
- เที่ยวช่วงไหนดี : ที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดคือปลายมีนาคมถึงต้นเมษายน
- ที่อยู่ : https://maps.app.goo.gl/wuNL4y8aniyUULJCA
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟ โดยสามารถเลือกลงได้ 2 สถานี คือ เมกุโระ (Meguro) หรือนากะเมกุโระ (Nakameguro)
- เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
- ค่าเข้าชม : ฟรี
14. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchi)
ทะเลสาบคาวากุจิคือความงามอันเงียบสงบใกล้โตเกียว จุดชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาไฟฟูจิ ทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมเพราะอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว เดินทางง่าย พร้อมความสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม ยังเป็นช่วงที่ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในสวนยากิซากิและสวนโออิชิเกำลังบานสะพรั่ง ภายในบริเวณรอบทะเลสาบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรม ทั้งพิพิธภัณฑ์ สวนสนุก จุดชมวิว รวมถึงรีสอร์ทสไตล์เรียวกัง
- เที่ยวช่วงไหนดี : สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่จะสวยเป็นพิเศษช่วงฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนาคมถึงเมษายน และใบไม้ร่วงเดือนพฤศจิกายน
- ที่อยู่ : Fujikawaguchiko, Minamitsuru District, Yamanashi, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟจากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ไปยังสถานีโอตสึกิ (Otsuki) สายชูโอะ (Chuo) จากนั้นเปลี่ยนเป็นสายฟูจิคิวโกะ (Fuji Kyuko) เพื่อไปลงสถานีคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)
- เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 9:00-17:00 น.
- ค่าเข้าชม : ฟรี (สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งอาจมีค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก)
15. สวนโยโยงิ (Yoyogi Park)
สวนโยโยงิพาคุณหลีกหนีความวุ่นวายในโตเกียว มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติ ที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเขตชิบูยะ ที่นี่มีทั้งทะเลสาบ น้ำพุ และพื้นที่สีเขียวมากมาย สวนโยโยงิยังเป็นที่รวมกลุ่มจัดกิจกรรมของวัยรุ่นญี่ปุ่น อาทิ การจัดแสดงดนตรี แต่งชุดคอสเพลย์ และยังเป็นจุดปิกนิกในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นสถานที่ออกกำลังกายของคนในพื้นที่ ภายในสวนยังมีเลนสำหรับขี่จักรยาน และมีบริการรถจักรยานให้เช่า
- เที่ยวช่วงไหนดี : สวนโยโยงิเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของโตเกียวโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลชมดอกไม้คือช่วงเดือนมีนาคนถึงเมษายน
- ที่อยู่ : 2-1 Yoyogikamizonocho, Shibuya City, Tokyo 151-0052, Japan (Google Map)
- วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายยามาโนะเตะ (Yamanote) แล้วลงที่สถานีฮาราจูกุ (Harajuku)
- เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
- ค่าเข้าชม : ฟรี
โปรโมชั่นจองตั๋วเครื่องบินเส้นทางกรุงเทพฯ - ญี่ปุ่น ที่ Global Union Express
เมื่อจองและออกตั๋วเครื่องบิน ที่นั่งชั้นธุรกิจ หรือที่นั่งชั้นประหยัด เส้นทางกรุงเทพฯ - ญี่ปุ่น (ไป-กลับ) ด้วยสายการบิน JAPAN AIRLINES โดยเดินทางพร้อมกันสองท่านขึ้นไป พร้อมชำระด้วยบัตรเครดิต KTC รับส่วนลดสูงสุด 15%
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ม.ค. 68 – 31 มี.ค. 68
ระยะเวลาเดินทาง : 1 ม.ค. 68 – 31 ต.ค. 68
รายละเอียดเพิ่มเติม
โปรโมชั่นพิเศษ รับบัตร Have Fun Pass ฟรี ที่ KTC WORLD กับบัตร KTC JCB
จองตั๋วเครื่องบินเส้นทางโตเกียวหรือโอซาก้า ด้วยบัตรเครดิต KTC JCB ยอดจองขั้นต่ำ 50,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป รับฟรีบัตร Have Fun Pass 1 ใบต่อ 1 ท่าน (จำกัดสิทธิ์ 1 ท่านตลอดรายการ และจำกัดโตเกียว 30 สิทธิ์ และโอซาก้า 20 สิทธิ์ตลอดรายการ)
ระยะเวลาการจอง: 1 เม.ย. 68 - 30 มิ.ย. 68
ระยะเวลาเดินทาง : 2 เม.ย. 68 – 30 มิ.ย. 69
ทำความรู้จัก บัตร Have Fun Pass คืออะไร
Have Fun Pass คือ บัตรที่ใช้เข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือเป็นส่วนลดร้านอาหารในแต่ละภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น (ใช้เข้าสูงสุดได้ไม่เกิน 3 แห่ง) โดยบัตรมีอายุการใช้งาน 1 สัปดาห์ ท่านสามารถเช็คสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมรายการได้ในเขตโตเกียว คลิก เขตคันไซ คลิก
จองตั๋วโตเกียว เริ่ม 10,670 บาท/ท่าน คลิก
จองตั๋วโอซาก้า เริ่ม 13,165 บาท/ท่าน คลิก
รายละเอียดเพิ่มเติม
สัมผัสเสน่ห์ของโตเกียวในมุมใหม่กับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งที่อยู่ในเมืองและรอบๆ โตเกียว มหัศจรรย์ไปกับความงดงามอันเงียบสงบท่ามกลางเมืองใหญ่ และความสวยงามตามฤดูกาล ไม่ว่าจะนั่งเล่นใต้ต้นซากุระบานสะพรั่ง หรือเดินไปตามเส้นทางใบไม้เปลี่ยนสี เที่ยวง่ายทุกเส้นทางด้วยบัตรรถไฟ JR PASS (Japan Rail Pass) ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคญี่ปุ่น เที่ยวโตเกียวบัตร JR PASS คุ้มค่ากับการเดินทางไม่จํากัดจำนวนเที่ยว ไม่ต้องรอซื้อบัตร ไม่ต้องกังวลค่าเดินทางในแต่ละวัน เที่ยวญี่ปุ่นให้สบายใจ อย่าลืมเตรียมบัตรรถไฟ JR PASS สำหรับการเดินทางภายในประเทศญี่ปุ่น จองง่ายด้วยบัตรเครดิต KTC ที่ KTC World Travel Service สอบถามรายละเอียดทุกทริปเที่ยวได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น. โทร. 02 123 5050
เที่ยวญี่ปุ่นคุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC