แนะนำทางออกสำหรับคนที่ติดหนี้บัตรเครดิต
บัตรเครดิตเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อทางการเงินรูปแบบหนึ่งที่ออกโดยธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน บัตรเครดิตใช้ในการรูดซื้อสินค้าและบริการ แล้วค่อยจ่ายคืนในภายหลัง ไม่ว่าเป็นการจ่ายเต็มจำนวน หรือการจ่ายขั้นต่ำ ตามเงื่อนไขและวิธีการที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนดไว้ วงเงินบัตรเครดิตที่สามารถใช้ได้จะขึ้นอยู่กับการประเมินของธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตร ซึ่งอ้างอิงตามคุณสมบัติและรายได้ของผู้สมัครบัตรเครดิต บัตรเครดิตถือเป็นตัวช่วยทางการเงินที่มีประโยชน์มากหากใช้อย่างถูกวิธี แต่บางครั้งผู้ถือบัตรก็ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจนเกินตัว เกิดเป็นหนี้บัตรเครดิตสะสมจนกลายเป็นหนี้เสียได้ในท้ายที่สุด
สาเหตุของการเป็นหนี้บัตรเครดิต
การเกิดหนี้บัตรเครดิตมาจากสาเหตุหลัก คือ ไม่ได้ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา รวมถึงการมีพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ดังนี้
- แบ่งจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ จนดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเพิ่มพูน และมีการรูดซื้อใหม่อย่างต่อเนื่องจนจ่ายไม่ไหว
- ใช้บัตรเครดิตหลายใบในเวลาเดียวกัน เมื่อยอดชำระมาพร้อมกันจึงจ่ายคืนไม่ไหว
- กดเงินสดออกมาจากบัตรเครดิต เพื่อนำไปใช้จ่าย โดยไม่ได้คำนึงถึงดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นตั้งแต่กดเงินสดออกมา
สาเหตุเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้คนติดหนี้บัตรเครดิต ซึ่งการจ่ายค่าบัตรเครดิตไม่ไหว หรือผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือบัตร โดยก่อให้เกิดหนี้ระยะยาวจนนำไปสู่การถูกเจ้าหนี้ใช้สิทธิทางศาลเพื่อเรียกหนี้คืนได้
ผลกระทบของการเป็นหนี้บัตรเครดิต
การเป็นหนี้บัตรเครดิตส่งผลกระทบหลายอย่าง
- สุขภาพกายและใจย่ำแย่
การเป็นหนี้สร้างความเครียดและกดดันเป็นอย่างมาก ทั้งกังวลว่าจะถูกยึดทรัพย์ กังวลเรื่องคดีความ รวมถึงกังวล เรื่องภาพลักษณ์ในสายตาคนนอกที่มองไม่ดี ดังนั้น เมื่อมีหนี้บัตรเครดิตจึงควรหาทางออกโดยเร็ว หนึ่งในวิธีแนะนำ คือ การขอประนอมหนี้กับเจ้าหนี้
- ประวัติทางการเงินไม่ดี
โดยปกติเมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อ ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะส่งข้อมูลสินเชื่อของผู้ขอสินเชื่อรวมถึงประวัติการชำระหนี้ หรือธุรกรรมทางการเงินไปเก็บไว้ที่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เพื่อให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโรสามารถเข้ามาตรวจสอบประวัติสินเชื่อ และข้อมูลการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อได้ ดังนั้น เมื่อมีการสมัครหรือขอสินเชื่อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กับธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน หากปรากฏข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ อาจทำให้การสมัครหรือการขอสินเชื่อให้ผ่านนั้นเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น
- เจ้าหนี้อาจใช้สิทธิทางศาลเพื่อเรียกหนี้คืน
การติดหนี้บัตรเครดิต อาจส่งผลให้ผู้ถือบัตรถูกธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตรใช้สิทธิทางศาลเพื่อเรียกหนี้คืน เพราะในการสมัครบัตรเครดิตมีการทำสัญญาที่ระบุให้ผู้ถือบัตรเครดิตมีหน้าที่ชำระหนี้บัตรเครดิตตามเวลาที่กำหนด เมื่อผู้ถือบัตรผิดนัดชำระหนี้ หรือไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตรย่อมมีสิทธิดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ส่วนติดหนี้บัตรเครดิตมีอายุความกี่ปี(ใส่ลิงก์บทความที่1 เข้าไปใส่บทความหลัง Published) เนื่องจากคดีบัตรเครดิตตามกฎหมายเป็นคดีแพ่ง มีอายุความ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว จะมีขั้นตอนการไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้บัตรเครดิตและธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตร ขอแนะนำให้ลูกหนี้บัตรเครดิตไปตามนัดเพื่อเจรจาประนอมหนี้ เนื่องจากการติดหนี้บัตรเครดิตแล้วไม่มีจ่ายส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด ซึ่งธนาคารหรือสถาบันทางการเงินหลายแห่งก็มีมาตรการที่ช่วยให้เกิดการชำระหนี้ หรือการประนอมหนี้ ที่ช่วยให้ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้สามารถทำความตกลงการชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม
การประนอมหนี้ ทางออกเมื่อเป็นหนี้บัตรเครดิต
การประนอมหนี้ เป็นช่องทางในการใช้หนี้บัตรเครดิต
สำหรับคนที่มองหาทางออกว่าติดหนี้บัตรเครดิต ทำยังไงดี? การประนอมหนี้คือคำตอบ โดยการประนอมหนี้จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
1.) การประนอมหนี้ที่บัตรเครดิตยังไม่ถูกยกเลิก
กรณีแรกเป็นหนี้บัตรเครดิต ที่ลูกหนี้ยังคงเป็นสมาชิกบัตรเครดิตอยู่ การเข้ามาเจรจากับธนาคารหรือสถาบันการเงินจะหาทางออกในการผ่อนชำระของลูกหนี้ตามมาตรการและเงื่อนไขที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินกำหนด ซึ่งข้อดี คือ ผู้ถือบัตรยังคงผ่อนชำระบัตรเครดิตได้โดยไม่มีหนี้เสีย หรือหนี้ NPL (Non-Performing Loan) ซึ่งธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะมีเงื่อนไขแตกต่างกัน
การเจรจาประนอมหนี้เบื้องต้นของ KTC:
เป็นการเจรจาเพื่อหาทางออกกับผู้ถือบัตร โดยมีการกำหนดเงื่อนไขอย่างแน่นอน อาจจะเป็นการจ่ายหนี้บัตรเครดิตในครั้งเดียว หรือแบ่งชำระเป็นงวด ๆ แต่อยู่ภายใต้จำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
2.) การประนอมหนี้ภายหลังจากที่ถูกยกเลิกบัตรเครดิตแล้ว
การเจรจาประนอมหนี้ในขั้นตอนนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากมีการปรับโครงสร้างหนี้ หรือมีการประนอมหนี้แล้ว ลูกหนี้ยังคงเพิกเฉย จนเกิดการฟ้องร้อง การเจรจาครั้งนี้จึงเป็นการเจรจาที่มีเงื่อนไขที่มากขึ้น เช่น การได้ยกเว้นดอกเบี้ยในช่วงที่ทำการผ่อนชำระตามเวลาที่กำหนด การได้ส่วนลดหนี้ การได้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น เงื่อนไขการประนอมหนี้กรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับมาตรการของธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่ละแห่งเช่นกัน
ฉะนั้นหากเป็นหนี้บัตรเครดิต ควรเจรจาประนอมหนี้ตั้งแต่บัตรเครดิตยังไม่ถูกยกเลิกและไม่ควรปล่อยให้เกิดการฟ้องร้อง เพราะหากเพิกเฉยจนถึงขั้นถูกยกเลิกบัตรเครดิตแล้ว จะส่งผลเสียต่อประวัติการชำระหนี้ได้
การเจรจาประนอมหนี้ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง KTC กับหน่วยงานรัฐ:
เป็นการประนอมหนี้ที่มีหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นตัวกลาง เช่น ศาล กรมบังคับคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อหาทางออกร่วมกันที่สอดคล้องกับนโยบาย KTC มีนโยบายเกี่ยวกับการประนอมหนี้ออกมาสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตของ KTC ที่มีหนี้บัตรเครดิตและไม่สามารถจ่ายยอดได้ตามกำหนด เพื่อให้ผู้ถือบัตรมีทางออกในการชำระหนี้บัตรเครดิตได้
วิธีใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยไม่ให้เป็นหนี้
ถึงแม้การเป็นหนี้บัตรเครดิตจะมีทางออก แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยไม่เกิดหนี้จะเป็นผลดียิ่งกว่า ซึ่งบัตรเครดิตนั้นถือเป็นตัวช่วยด้านการเงินที่มีประโยชน์มากหากใช้อย่างเหมาะสม โดยวิธีใช้บัตรเครดิตไม่ให้เป็นหนี้ สามารถทำได้ดังนี้
- รู้ความสามารถในการชำระคืนในแต่ละงวดของตนเอง และไม่ควรรูดใช้จ่ายเกินรายได้ในแต่ละเดือน
- บันทึกรอบตัดบัตรเครดิต เพราะหากชำระล่าช้าจะทำให้เกิดดอกเบี้ยได้
- มองหาโปรโมชั่นผ่อน 0% เมื่อต้องซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง
- ใช้แต้มบัตรเครดิตแลกส่วนลดบ้าง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้ไม่เป็นหนี้สะสม สามารถทำได้ด้วยการมีวินัยในการใช้จ่าย และหากเกิดเหตุสุดวิสัย มีหนี้บัตรเครดิต และหาทางออกไม่ได้ เคทีซีมีทางออกสำหรับการเจรจาเพื่อประนอมหนี้ เพื่อให้สมาชิกบัตร KTC สามารถเข้ามาปรึกษาได้ทาง KTC PHONE 02 123 5000 ได้ 24 ชั่วโมง หรือติดต่อผ่านคู่สายกลาง งานประนอมหนี้ 02-631 3399, 02-631 3600 , 02-631 3666 , 02-631 3700 , 02-631 3555 เวลา 08.00 น.-17.00 น.