ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ทุกคนล้วนใฝ่ฝันอยากซื้อบ้านสักหลัง คอนโดสักห้องเพื่อเป็นที่พักกาย พักใจหลังเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน เมื่อมีโอกาสเลือกดูแบบบ้านในโครงการบ้านจัดสรรที่อยู่บนทำเลซึ่งตอบรับไลฟ์สไตล์ของคุณ การเดินหน้าสานฝันเป็นสิ่งที่หลายคนเลือกทำ แน่นอนว่าใครที่เก็บเงินก้อนไว้พร้อมการซื้อบ้านเป็นของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากมีเงินไม่พอและมั่นใจว่ามีคุณสมบัติและรายได้เป็นตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดสำหรับผู้ขอสินเชื่อบ้าน ถึงอย่างนั้นอาจยังกู้ซื้อบ้านไม่ได้ทันที เพราะยังมีรายจ่ายที่ผู้ซื้อบ้านหลงลืมไปนั่นก็คือ เงินดาวน์ที่ต้องจ่ายให้กับผู้ขาย มาถึงตรงนี้ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า หากไม่มีเงินดาวน์หรือเงินดาวน์ไม่พอ ควรทำอย่างไร ? สามารถยื่นรูดบัตรเครดิตแล้วผ่อนดาวน์บ้านหรือคอนโดได้หรือไม่ มาดูคำตอบกัน
ผ่อนดาวน์บ้านด้วยบัตรเครดิตทำได้จริงไหม?
คำตอบคือ: ทำได้จริง
ปัจจุบันการซื้อบ้านหรือคอนโดไม่ได้จำกัดว่าต้องซื้อจากโครงการที่สร้างเสร็จ คุณสามารถซื้อบ้านหรือคอนโดที่อยู่ในช่วง Pre-sale หรือกำลังก่อสร้างได้เช่นกัน โดยค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนซื้อบ้านก็เหมือนกัน และในส่วนของเงินดาวน์ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดในการซื้อบ้าน เพราะอยู่ที่ประมาณ 5-20% ของมูลค่าบ้าน ดังนั้นถ้าคุณซื้อบ้านราคา 3,000,000 บาท แล้ววางเงินดาวน์ 10% หรือ 300,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มาก เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ซื้อ หลาย ๆ โครงการเปิดให้ชำระเงินดาวน์บ้านผ่านบัตรเครดิตได้ โดยผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนยอดชำระเงินดาวน์บ้านเต็มจำนวนเป็นการผ่อนดาวน์บ้านได้กับธนาคาร/สถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตหลังจากที่รูดชำระเงินดาวน์กับทางโครงการแล้วเรียบร้อย แต่ควรเช็คให้ดีว่ารับบัตรเครดิตของธนาคาร/สถาบันการเงินใดบ้าง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบ้านก็สามารถรูดบัตรเครดิตได้เช่นกัน เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าน้ำประปา ค่าไฟ หรือค่าประกันอัคคีภัย เป็นต้น
เงื่อนไขที่ต้องรู้ก่อนใช้บัตรเครดิตผ่อนดาวน์บ้าน
ก่อนตัดสินใจรูดบัตร ขอให้พิจารณาเงื่อนไขต่อไปนี้ให้ชัดเจน:
- วงเงินต้องเพียงพอ: หากวงเงินไม่พอ อาจต้องจ่ายผสมหลายบัตร หรือใช้เงินสดร่วมด้วย
- โครงการต้องอนุญาต: ไม่ใช่ทุกโครงการให้ใช้บัตรเครดิตในการชำระเงินดาวน์ แนะนำให้สอบถามกับฝ่ายขายให้แน่ชัด
- อาจใช้ได้แค่บางงวด: บางโครงการให้ใช้บัตรเครดิตได้เฉพาะงวดแรก หรือจำกัดยอดขั้นต่ำ/สูงสุดในการใช้บัตร
ข้อดีของการใช้บัตรเครดิตผ่อนดาวน์บ้าน
ถ้าคุณใช้บัตรเครดิตได้อย่างเหมาะสมและอยู่ในโปรโมชั่นที่ร่วมรายการ คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น:
- ผ่อน 0% หากโครงการที่คุณซื้อเข้าร่วมโปรผ่อน 0% กับธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าของบัตร
- รับคะแนนสะสม เช่น คะแนน KTC FOREVER ที่สะสมได้ไม่จำกัด ไม่มีวันหมดอายุ สามารถใช้คะแนนแทนเงินสด หรือแลกคะแนนรับส่วนลด แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน แลกคะแนนรับสิทธิพิเศษอื่นได้
- รับเครดิตเงินคืนจากโปรโมชั่นเฉพาะบัตรเครดิตหรือโครงการ
- หมุนเงินได้ทันที ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในช่วงเริ่มต้น ช่วยลดภาระรายเดือนช่วงต้น ๆ ได้
- เหมาะกับคนที่ไม่มีเงินก้อนสำหรับดาวน์บ้าน หรือต้องการเก็บเงินก้อนนี้ไว้เพื่อนำไปตกแต่งบ้าน
เรื่องควรรู้ ก่อนซื้อบ้านต้องเสียค่าอะไรบ้าง
หากไม่อยากในห้การซื้อบ้านหรือคอนโดมากระทบกับเงินในกระเป๋าและความสุขในภายภาคหน้า ก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อบ้านจัดสรร บ้านเดี่ยว หรือคอนโดเป็นของตัวเอง มาดูกันว่าต้องเตรียมเงินค่าอะไรบ้าง หรือมีค่าใช้จ่ายแฝงอะไรที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อจะได้ไม่เสียเงินจองฟรี ๆ หรือเป็นภาระเพราะผ่อนไม่ไหวทีหลัง
1. ค่าจองและทำสัญญา
นี่เป็นค่าใช้จ่ายแรกที่ต้องเตรียมให้พร้อมหากคุณกำลังวางแผนซื้อบ้านหรือคอนโด เนื่องจากผู้ขายจะให้ผู้ซื้อจ่ายค่าจองเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการรับประกันว่าคุณต้องการซื้อบ้านหลังนั้นจริง โดยค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของทางโครงการในช่วงเวลานั้น ซึ่งหลังจ่ายค่าจองทางผู้ขายจะนัดคุณให้เข้ามาทำสัญญาซื้อบ้านพร้อมจ่ายเงินค่าทำสัญญาอีกครั้ง แต่บางโครงการอาจให้ผู้ซื้อจ่ายค่าจองและค่าทำสัญญาภายในครั้งเดียว ทั้งนี้ถ้าผู้ซื้อผิดสัญญาส่วนใหญ่จะไม่สามารถขอคืนค่าจองได้ แต่บางกรณีก็สามารถขอคืนได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้ขาย ดังนั้นควรสอบถามรายละเอียดตรงส่วนนี้ไว้ด้วย
2. ค่าดาวน์
เงินดาวน์ เป็นส่วนของเงินต้นที่ผู้ซื้อต้องจ่ายให้กับผู้ขาย โดยปกติแล้วเงินดาวน์อยู่ที่ประมาณ 5-20% ของราคาบ้าน เช่น ซื้อบ้านราคา 1,250,000 บาท ต้องวางเงินดาวน์ 10% เท่ากับว่าคุณต้องมีเงินดาวน์ 125,000 บาท นับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ทีเดียว ด้วยเหตุนี้หลายโครงการจึงเปิดช่องให้ผู้ซื้อแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ในจำนวนเงินที่เท่ากัน เรียกว่า "ผ่อนดาวน์น์บ้าน" หรือ หลายๆโครงการเปิดให้ชำระเงินดาวน์บ้านผ่านบัตรเครดิตได้เพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ซื้ออีกทางหนึ่ง โดยผู้ซื้อสามารถเปลี่ยนยอดชำระเงินดาวน์บ้านเต็มจำนวนเป็นการผ่อนดาวน์บ้านได้กับธนาคาร/สถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตหลังจากที่รูดชำระเงินดาวน์กับทางโครงการแล้วเรียบร้อย
3. ค่าใช้จ่ายขอสินเชื่อ
ในการยื่นขอสินเชื่อทางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะเข้ามาประเมินมูลค่าบ้านก่อนพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยขั้นตอนนี้มีค่าจ่ายที่ผู้ซื้อต้องเตรียมเพิ่ม คือ ค่าธรรมเนียมยื่นกู้ ส่วนใหญ่ธนาคารจะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้หรือเก็บไม่เกิน 1% วงเงินกู้ และค่าประเมินราคาหลักประกัน อยู่ที่ประมาณ 1,000-3,000 บาท แต่บางกรณีคุณอาจได้รับการยกเว้นค่าประเมินราคาขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร
4. ค่าจดจำนองและค่าโอนกรรมสิทธิ์
ค่าจดจำนอง เป็นค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนกับกรมที่ดิน คิดเป็น 1% ของเงินกู้ แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท และมีค่าอากรแสตมป์ราคา 0.50% ของราคาซื้อขาย ดังนั้นก่อนทำสัญญาควรเจรจากับผู้ขาย พร้อมระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบค่าโอนส่วนนี้ นอกจากนี้ค่าจดจำนองยังมีค่าธรรมเนียมการโอนที่ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดิน อยู่ที่ 2% จากราคาประเมิน บางแห่งอาจให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายแบ่งกันรับผิดชอบฝ่ายละ 1%
อัพเดทมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568
กำหนดให้ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเหลือเพียง 0.01% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่หรือบ้านมือสอง โดยราคาซื้อขาย วงเงินจำนอง และราคาประเมินจากกรมที่ดิน ต้องไม่เกิน 7 ล้านบาททุกกรณี เงื่อนไขของมาตรการนี้ครอบคลุมถึงการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหรือห้องชุด ซึ่งรวมถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม โดยต้องเป็นการโอนและจดจำนองพร้อมกัน ผู้ซื้อจะต้องเป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยเท่านั้น และการใช้สิทธินี้สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 หากมีเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งไม่เป็นไปตามเกณฑ์ จะไม่สามารถใช้สิทธิตามมาตรการนี้ได้
ในส่วนของผู้ขาย โดยทั่วไปหากเป็นการขายบ้านจากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งหวังผลกำไร หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่ขายบ้านภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่ได้ทรัพย์สินมา หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังที่ขายเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 1 ปี จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หากผู้ขายครอบครองบ้านหลังดังกล่าวเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมาแล้วเกิน 1 ปี จะไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่จะต้องชำระค่าอากรแสตมป์แทน
5. ค่าส่วนกลาง
ตามปกติแล้วโครงการบ้านจัดสรรมีการเรียกเก็บค่าส่วนกลางตามขนาดพื้นที่ เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปบริหาร ปรับปรุง หรือพัฒนาโครงการให้น่าอยู่มากขึ้น เช่น ค่าระบบรักษาความปลอดภัย หรือค่าบำรุงรักษาสินทรัพย์ในโครงการให้พร้อมใช้งานเสมอ เป็นต้น แต่ในช่วงปีแรกบางโครงการอาจมีโปรโมชั่นฟรีค่าส่วนกลาง ทำให้ผู้ซื้อมีเวลาเตรียมค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่
6. ค่าผ่อนบ้าน
เมื่อทำสัญญาต่าง ๆ เรียบร้อย สิ่งที่ผู้ซื้อต้องวางแผนให้ดีคือ ค่าผ่อนบ้านในแต่ละเดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะมากหรือน้อยคิดอยู่กับราคาบ้าน ระยะเวลาผ่อนชำระ และอัตราดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้การซื้อบ้านเป็นภาระหนักในระยะยาว ก่อนซื้อบ้านคุณควรวางแผนการเงินเอาไว้ให้ดี
การผ่อนดาวน์บ้านด้วยบัตรเครดิตเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ซื้อบริหารการเงินได้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีโปรโมชั่นผ่อน 0% หรือได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอย่างเครดิตเงินคืน หรือได้รับคะแนนสะสมพิเศษเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบก่อนใช้ และหากคุณกำลังมองหาบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องวงเงิน โปรโมชั่นกับโครงการอสังหาฯ และสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า แนะนำสมัครบัตรเครดิต KTC ที่มีโปรโมชั่นกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมาย พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER ทุกยอดใช้จ่าย ช่วยให้คุณผ่อนดาวน์บ้านได้อย่างสบายใจและได้ความคุ้มค่าไปพร้อมกัน
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC