เทคนิคต้องรู้วางแผนการเงิน มนุษย์เงินเดือน
เรื่องเงินถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สำคัญ โดยเฉพาะในยุคข้าวยากหมากแพงการวางแผนการเงินการใช้จ่ายสามารถเพิ่มความมั่นคงทางการเงินได้ เพื่อให้สามารถมีเงินใช้ในอนาคตได้แบบไม่สะดุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์เงินเดือน ที่ยอดเงินเข้าส่วนใหญ่จะเป็นยอดเงินเดือนในช่วงปลายเดือนหรือต้นเดือนในทุก ๆ เดือน ทำให้ต้องมีการวางแผนการเงินจากรายรับที่ได้ เพื่อให้สามารถมีเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินสำหรับเก็บออมไว้ใช้ในอนาคต รวมถึงเงินฉุกเฉินสำหรับใช้จ่ายในยามจำเป็น แต่จะมีการวางแผนทางการเงินแบบไหนที่เหมาะหับมนุษย์เงินเดือนบ้างนั้น KTC ได้รวบรวมเทคนิคดี ๆ มาฝากกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วางแผนการเงินมือใหม่ ตัวช่วยให้ค่าใช้จ่ายไม่มีสะดุด
การวางแผนการเงินเป็นเครื่องมือที่ช่วยเตรียมความพร้อมในการดำเนินชีวิตและนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งควรเริ่มต้นจากการปลูกฝังนิสัยการออมและการเลือกใช้จ่ายเงินอย่างสมเหตุสมผล แนวเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเตรียมความพร้อมในการเก็บออมและนําไปสู่การวางแผนการใช้จ่ายที่ครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น ส่งผลถึงความมั่นคงทางการเงินในอนาคตไม่หวั่นแม้ยุคเงินเฟ้อ
การวางแผนการเงินแบบพื้นฐาน
สำหรับคนที่ต้องการวางแผนการเงินแบบพื้นฐานสามารถเริ่มต้นที่พีระมิดทางการเงิน (Financial Pyramid) ก่อนเสมอ
ตามหลักการที่ถูกต้องแล้ว เราจะวางแผนการเงินจากด้านล่างขึ้นข้างบนเสมอ โดยเริ่มจากฐานด้านล่างของสามเหลี่ยมทางการเงินที่ใช้สำหรับวางแผนการเงินกันก่อน
1. ความต้องการพื้นฐาน และการบริหารความเสี่ยง
เริ่มต้นที่ความต้องการพื้นฐาน (Basic Needs) และการบริหารความเสี่ยง ควรเริ่มที่เงินสำรองฉุกเฉินอยู่ที่ 3-6 เดือน ก่อนเสมอ ซึ่งเป็นส่วนของเงินที่ต้องเก็บไว้ใช้ในยามใช้จ่ายฉุกเฉินที่ควรเพียงพอต่อการใช้จ่ายหากเกิดเหตุการฉุกเฉินทางด้านการเงิน เช่น เกิดประสบอุบัติเหตุ ปัญหาเรื่องสุขภาพที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่และเผื่อในกรณีที่รายได้สะดุด อย่างการโดนไล่ออกจากงาน ตกงาน ยอดขายไม่ดี หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อรายรับ
เมื่อเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินเรียบร้อยสิ่งต่อไปคือการเลือกทำประกันที่จะคอยช่วยแบ่งเบาในเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งในเรื่องของปัญหาสุขภาพและการเกิดอุบัติเหตุ ที่หากมีประกันที่เพียงพอจะสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายในยามต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินได้ โดยควรมองถึงค่ารักษาพยาบาลให้เพียงพอและคำนึงถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด เช่น ค่ารักษาในระดับหลักแสนถึงหลักล้านบาท
2. การออมเงินหรือการเก็บสะสมความมั่งคั่ง
วางเเผนการเงินในขั้นที่ 2 คือการจัดการเรื่องความต้องการพื้นฐาน จากนั้นให้เริ่มต้นในเรื่องของการออมเงินเพื่อต่อยอดเงินที่มี รวมถึงเป็นการวางแผนการเก็บออมเงินเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น การวางแผนเกษียณ (Retirement Planning) การวางแผนเพื่อมีบุตร การวางแผนเที่ยวรอบโลก การวางแผนในยามที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เป็นต้น
การวางแผนเกษียณอายุเป็นการวางแผนระยะยาวที่คนส่วนใหญ่นิยมคำนึงถึง และเป็นการเก็บออมเพื่อความสบายทางด้านการเงินในระยะยาว โดยมีหลากหลาบรูปแบบการเลือกเก็บออมเงิน อาทิ การลงทุน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมตราสารทุน (หุ้น) ซึ่งเป็นการออมเงินที่จะได้รับดอกเบี้ยและเงินปันผลที่งอกเงยขึ้น โดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้
ต้องการเกษียณอายุเมื่อไหร่?
หากต้องการเกษียณอายุเร็ว ก็ต้องวางแผนการออมเงินให้เยอะขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ เดือนละเท่าไหร่?
หากเป็นคนที่มีค่าใช้จ่ายเยอะ ก็ต้องยิ่งต้องเก็บออมเงินสำรองให้เยอะขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งยิ่งเริ่มต้นวางแผนเร็วเท่าไหร่จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น เพราะจะเป็นการวางแผนเพื่อให้สบายต่อค่าใช้จ่ายและเงินในอนาคต ดังคติ การปลูกต้นไม้ที่ดีที่สุด คือ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และเวลาที่ดีรองลงมา คือ วันนี้, ความร่ำรวย คือ การมีเงิน ความมั่งคั่ง คือ การมีเวลาและเงิน, ถ้าคุณกำลัง "ออม" แสดงว่าคุณกำลังร่ำรวย, เมื่อความคิดของคุณเปลี่ยน การเงินของคุณก็เปลี่ยนเช่นกัน
3. การลงทุน (Investment)
การวางเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญเรียบร้อยแล้ว ต่อมาคือในเรื่องของการลงทุน (Investment) ซึ่งปัจจุบันการลงทุนมีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการถนัดของแต่ละบุคคล เช่น การลงทุนสามารถลงทุนได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมตราสารทุน หุ้นกู้ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการลงทุนทั้งดอกเบี้ยหรือเงินปันผลต่าง ๆ ที่ทำให้การลงทุนนั้นไม่ศูนย์เปล่า
ขั้นตอนการวางแผนทางการเงิน เริ่มต้นได้ง่าย ๆ
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นวางแผนทางการเงินไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพราะสามารถเริ่มได้เลยทันทีในตอนนี้ เพียงรู้จักรายรับและค่าใช้จ่ายของตนเองก็สามารถต่อยอดการวางแผนการเงินที่ดีได้ด้วย การวางแผนการเงิน มีอะไรบ้าง
1. ประเมินฐานะการเงิน
อันดับแรกควรประเมินฐานะทางการเงินของตนเองว่ามีฐานะอยู่ที่ประมาณไหน โดยวัดจากความมั่งคั่งสุทธิ ที่เป็นการนำทรัพย์สิน มาหักลบกับหนี้สินจะทำให้สามารถเห็นความมั่งคั่งสุทธิของตนเอง จากนั้นทำความเข้าใจในส่วนของรายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน เพื่อให้รู้ว่ามีรายรับเข้ามาเท่าไหร่และรายจ่ายเท่าไหร่ เพื่อวางแผนการเก็บออมที่เหมาะสม จากนั้นควรเริ่มทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายเพื่อรู้พฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง จากนั้นจัดการรายรับรายจ่ายให้มีความสมดุลกันมากยิ่งขึ้นลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
2. แบ่งเงินสำหรับจ่ายหนี้สิน
หากต้องการวางแผนการเก็บเงินแบบจริงจังหนี้สินต่าง ๆ ถือเป็นอุปสรรคขนาดใหญ่ในการเก็บเงินคือเรื่องหนี้สิน เพราะต้องแบ่งเงินที่เหลือจากรายจ่ายปกติมาจ่ายหนี้ ทำให้หลายคนหมดกำลังใจในการเก็บเงิน แต่วางแผนการใช้จ่ายช่วยให้สามารถวางแผนการจัดการเงินได้มากขึ้น แม้จะเป็นหนี้ก็สามารถจัดการวางแผนได้ไม่ยากหากมีการวางแผนและปฎิบัติตามอย่างมีระเบียบวินัยด้วยเทคนิคดังนี้
- แบ่งรายรับ 50% ไปใช้หนี้ หากไม่มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือนหรือไม่มีภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบ
- แบ่งรายรับ 30% ไปใช้หนี้ หากมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็นบ้างแต่ไม่มาก
- แบ่งรายรับ 20% ไปใช้หนี้ หากมีค่าใช้จ่ายจำเป็นเยอะควรแบ่งเงินออกมาสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นและยอดหนี้
3. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
ตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินรวมถึงกำหนดเวลาที่ต้องการให้ชัดเจนทั้งนี้ต้องไม่ลืมจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายให้สอดคล้องกับความสามารถทางการเงิน เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันตัวเองในการเก็บเงินมากเกินไป รวมถึงวางแผนให้สามารถยืดหยุ่นในระหว่างการเก็บเงินได้ เนื่องจากในแต่ละเดือนอาจมีค่าใช้จ่ายจำเป็นที่แทรกเข้ามาเพิ่มเติม ด้วยการวางแผนการเงินตามหลัก SMART สูตรการตั้งเป้าหมายทางการเงิน ดังนี้
วางแผนการเงินตามหลัก SMART
Specific : เป้าหมายที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ให้รู้เลยว่าเป้าหมายที่ต้องการคืออะไร และควรมีความเฉพาะเจาะจงว่าต้องการทำอะไร เพื่ออะไร ผลลัพธ์ในรูปแบบใด เช่น ต้องการเงินออมในบัญชีธนาคารเท่าไหร่ ต้องการนำเงินไปลงทุนเท่าไหร่
Measurable : การวัดผลเป็นตัวเลขหรือตัวเงินได้ชัดเจน เพื่อให้รู้ถึงความก้าวหน้าของการเก็บออมว่าใกล้ถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้วหรือไม่
Achievable : การรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ เมื่อกำหนดเป้าหมายแล้วเห็นความคืบหน้าเป้าหมายแล้วต่อไปคือวิธีการที่ควรต้องรู้ว่าจะทำอย่างไร ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
Realistic : เป้าหมายที่สอดคล้องกับความเป็นจริงสามารถทำได้จริง เพื่อให้สามารถบรรลุไปถึงเป้าหมายได้ตามต้องการโดยไม่หยุดพับเก็บเป้าหมายที่ต้องการไปเสียก่อน โดยอ้างอิงจากความเป็นไปได้อยู่พื้นหลักความเป็นจริง เช่น รายรับที่ได้หักลบรายจ่ายและหนี้สินภายในเวลาที่กำหนดจะสามารถเก็บออมเงินตามยอดที่ต้องการได้หรือไม่
Time Bound : การกำหนดเวลาที่แน่ชัดว่าจะเริ่มเมื่อใดและสิ้นสุดเมื่อไหร่ให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ถือเป็นการชาเลนจ์ตนเองในรูปแบบหนึ่ง เพราะหากไม่กำหนดเวลาก็จะเป็นเหมือนการเก็บไปเรื่อย ๆ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ
บัตรเครดิต KTC ใช้จ่ายสะดวกตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือน
4. ทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ
วางแผนการเงินฉบับมนุษย์เงินเดือน
ทบทวนและปรับปรุงแผนอย่างสม่ำเสมอ หลายคนมักลงมือทำหรือตั้งเป้าหมายแล้วไม่สามารถดำเนินการไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้ เนื่องจากการเปลี่ยนใจหรือการพบว่ามีเป้าหมายอื่นที่น่าสนใจมากกว่าเป้าหมายเดิมในเรื่องการเงินก็เช่นกัน ดังนั้นควรกลับมาทบทวนแผนการเงินทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี เนื่องจากคนเราอาจมีเป้าหมายชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปรวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ไม่อาจควบคุม ทำให้ต้องหมั่นทบทวนและปรับปรุงแผนให้สอดคล้องต่อการดำเนินชีวิตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
5. รู้จักเก็บเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
เรื่องไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมถึงค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ในบางครั้งมาแบบไม่ทันตั้งตัว ในส่วนของการวางแผนทางการเงินสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการเก็บเงินสำรองสำหรับการใข้จ่ายในยามฉุกเฉิน เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นสามารถหยิบเงินก้อนนั้นมาใช้ได้เลย อาทิ ค่ารักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วยหรือยามเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน เพราะเรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งนี้ควรมีเงินสำรองอยู่ที่ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่มี เพื่อให้สภาพคล่องยังดำเนินต่อไปแม้ต้องมีรายจ่ายฉุกเฉินเข้ามาก็ตาม
6. รู้จักเริ่มต้นลงทุน
การลงทุนถือเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถนำเงินที่มีอยู่มาทำให้สามารถงอกเงยเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงสามารถวางแผนกำไรในระยะยาว การวางแผนทางการเงินด้วยการลงทุนถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเพราะมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการเก็บเงินไว้ในบัญชีเฉย ๆ ซึ่งอย่างไรก็ตามจะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ลงทุนและระดับความเสี่ยงที่รับได้ ปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนมากมายอาทิ กองทุนรวม หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ หรือลงทุนกับสินทรัพย์ อาทิ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ มีให้เลือกทั้งการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนเพราะทุกการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง
7. มีบัตรเครดิตไว้สำรองค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
บัตรเครดิตถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มคนยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจความคุ้มค่าในการใช้จ่าย เพราะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะได้รับในส่วนของสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายทั้งโปรโมชั่นส่วนลดกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำที่ตอบไลฟ์สไตล์ได้ทุกรูปแบบ อาทิ การเติมน้ำมัน การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค การเก็บคะแนนสะสมเพื่อแลกของสมนาคุณ โปรโมชั่นผ่อนชำระ ทั้งยังสามารถเลือกสมัครบัตรเครดิตได้ไม่ยาก ให้ทุกการใช้จ่ายกลายเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
เมื่อวางแผนทางการเงินเรียบร้อยแล้วอย่างไรก็ตามควรปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเก็บออมเงิน และเพื่อให้การใช้จ่ายไม่มีสะดุด รวมถึงวางแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสมด้วยการเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ช่วยทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากการใช้จ่ายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น KTC มีบัตรเครดิตหลากหลายรูปแบบที่เหมาะทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้จ่าย ไม่ว่าจะยุคเงินเฟ้อหรือยุคไหน ๆ ก็สามารถจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างดีเยี่ยมตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์เงินเดือนอย่างแน่นอน
บัตรเครดิต KTC ตอบทุกไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของมนุษย์เงินเดือน
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี