“Nothing is certain except for death and taxes.ไม่มีอะไรที่แน่นอนเท่าความตาย และการจ่ายภาษี” วลีดังของ Benjamin Franklin ที่เป็นเรื่องจริงตั้งแต่ในอดีตและใช้ได้ต่อไปในอนาคต ในโลกของภาษีที่มีการเปลี่ยนแปลงและรายละเอียดที่ซับซ้อน การทำความเข้าใจเรื่องการยื่นภาษีและรูปแบบต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้าของกิจการหรือบุคคลที่มีรายได้ที่ต้องเสียภาษี แน่นอนว่า “ภ.ง.ด.94” ก็เป็นหนึ่งในคำที่อาจจะพบเจอบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องยื่นภาษีครึ่งปี ครั้งนี้ KTC รวบรวมข้อมูล ภ.ง.ด.94 ภาษีครึ่งปี คืออะไร ใครต้องยื่นบ้าง ต้องยื่นเมื่อไหร่ ? มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน
ภ.ง.ด.94 คืออะไร?
ภ.ง.ด.94 คือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี หรือที่เรามักเรียกว่า “ภาษีเงินได้ครึ่งปี” เป็นแบบฟอร์มที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีครึ่งปีของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล (ในบางกรณี) ซึ่งจะทำการยื่นเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีปฏิทิน หรือตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน
การยื่น ภ.ง.ด.94 เป็นการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาระหว่างปี เพื่อให้สำนักงานสรรพากรตรวจสอบและเก็บภาษีในระหว่างปีโดยไม่ต้องรอจนถึงปลายปี และเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้ผู้มีเงินได้หากไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการภ.ง.ด.94จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและชำระภาษีเป็นเงินจำนวนมากกว่า
ภ.ง.ด.94 จะคำนวณจากรายได้เฉพาะครึ่งปีแรก คือเดือน มกราคม - มิถุนายน
ใครต้องยื่น ภ.ง.ด.94 บ้าง?
1.บุคคลธรรมดา ที่มีรายได้จากการทำธุรกิจส่วนตัว ค่าจ้าง หรือการรับค่าบริการต่างๆ ตามกฎหมายภาษีมาตรา 40(5) – (8) ได้แก่
- เงินได้ประเภทที่ 5 เงินหรือประโยชน์ที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน รถยนต์
- เงินได้ประเภทที่ 6 เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น กฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอิสระ
- เงินได้ประเภทที่ 7 เงินได้จากการรับเหมาที่ต้องจัดหาสัมภาระที่สำคัญนอกเหนือจากเครื่องมือ
- เงินได้ประเภทที่ 8 เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในเงินได้ประเภทที่ 1-7 แล้ว รวมถึงเงินได้จากการ “ขายของออนไลน์” ด้วย
2.เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการ
ผู้ที่ประกอบธุรกิจและได้รับรายได้จากการค้าขาย การให้บริการต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศจะต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 หากรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
3.นิติบุคคลบางประเภท
นิติบุคคลที่มีการเสียภาษีแบบรายเดือนหรือแบบอื่นๆ อาจจะต้องยื่น ภ.ง.ด.94 เพื่อแจ้งภาษีระหว่างปี
4.ผู้ที่มีรายได้จากเงินลงทุน
คนที่มีรายได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือกำไรจากการขายหุ้น หากมีรายได้เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94
ยกเว้น บุคคลที่มีรายได้จากการจ้างงานที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว เช่น พนักงานบริษัท และไม่มีกิจกรรมทางธุรกิจพิเศษ หรือรายได้จากแหล่งอื่นๆ ที่ต้องยื่นภาษีเองจะไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.94 แต่จะยื่น ภ.ง.ด.90 เมื่อสิ้นปี
ภ.ง.ด.94 คือ ภาษีบุคคลที่ยื่นภาษีครึ่งปีแรก ซึ่งจะยื่นภายในวันที่ 30 กันยายนของปี
ภ.ง.ด.90 กับ ภ.ง.ด.94 ต่างกันอย่างไร?
ภ.ง.ด.90 กับ ภ.ง.ด.94 แตกต่างกัน คือ ภ.ง.ด.90 เป็นแบบที่ใช้ยื่นภาษีประจำปีหลังจากสิ้นสุดปีภาษี และจะยื่นภายใน 31 มีนาคมของปีถัดไป ส่วน ภ.ง.ด.94 เป็นแบบที่ใช้ยื่นภาษีครึ่งปีแรก (มกราคม - มิถุนายน)
ความแตกต่างระหว่าง ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.94
ลักษณะ |
ภ.ง.ด.90 |
ภ.ง.ด.94 |
วัตถุประสงค์ |
ใช้สำหรับการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (หลังจากปีสิ้นสุด) |
ใช้สำหรับการยื่นภาษีเงินได้ครึ่งปี (ช่วงครึ่งปีแรกของปี) |
ระยะเวลาการยื่น |
ยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป |
ยื่นภายในวันที่ 30 กันยายนของปีเดียวกัน |
การคำนวณภาษี |
คำนวณจากรายได้รวมทั้งปี (ทั้งปีปฏิทิน) |
คำนวณจากรายได้เฉพาะครึ่งปีแรก (มกราคม - มิถุนายน) |
ผู้ยื่น |
บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ในปีนั้นๆ และต้องการชำระภาษีหลังจากสิ้นสุดปี |
บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนั้น |
การชำระภาษี |
ชำระภาษีทั้งหมดที่คำนวณได้จากรายได้ทั้งปี |
ชำระภาษีเฉพาะส่วนที่คำนวณได้จากรายได้ครึ่งปีแรก |
ภ.ง.ด.94 ต้องยื่นเมื่อไหร่ ?
การยื่นภาษีครึ่งปียื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน หรือสามารถยื่นออนไลน์ได้ถึงวันที่10ตุลาคม
ยื่นภาษีครึ่งปีคำนวณยังไง?
การคำนวณภาษีครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.94 ขั้นตอนการคำนวณมีดังนี้
1.คำนวณรายได้รวม รวมรายได้ที่ได้รับจากแหล่งต่างๆ ทั้งจากการประกอบอาชีพหรือธุรกิจ
2.หักค่าใช้จ่าย หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจหรืออาชีพนั้นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ การซื้ออุปกรณ์
3.คำนวณภาษี ใช้เกณฑ์ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีการหักค่าลดหย่อนต่างๆ เพื่อคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย
4.จ่ายภาษี ภาษีที่คำนวณได้จะต้องชำระให้เรียบร้อยภายในวันที่ยื่นแบบ
ภ.ง.ด.94 ภาษีครึ่งปี ลดหย่อนอะไรได้บ้าง?
เราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ใน ภ.ง.ด.94 ได้เช่นเดียวกับการยื่นภาษี ภ.ง.ด.90 โดยจะสามารถลดหย่อนได้ตามรายการต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว ลดหย่อน 30,000 บาทต่อปี (เต็มปี 60,000 บาท)
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส ลดหย่อน 30,000 บาท ถ้าคู่สมรสไม่มีรายได้ (เต็มปี 60,000 บาท)
- ค่าลดหย่อนบุตร ลดหย่อน ได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)
- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา ได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)
- ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ ได้คนละ 15,000 บาท (เต็มปี 30,000 บาท)
- ค่าเลี้ยงดูผู้พิการหรือทุพพลภาพ ได้คนละ 30,000 บาท (เต็มปี 60,000 บาท)
- ค่าเบี้ยประกันชีวิต และดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย โดยทั้งสองส่วนสามารถใช้สิทธิ์ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 95,000 บาท
- กองทุนรวม SSF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีที่ได้รับ และไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุน RMF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนรวม SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ รวมใแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15,000 บาท
- ประกันสังคมสามารถหักลดหย่อนได้เพียง 6 เดือน (ตามที่จ่ายจริง) ซึ่งไม่เท่ากับจำนวนที่จ่ายแบบเต็มปีจึงแนะนำให้ตัดออก
ภ.ง.ด.94 ภาษีครึ่งปีไม่ยื่นได้ไหม? ยื่นปลายปีทีเดียวได้ไหม?
การยื่น ภ.ง.ด.94 หรือภาษีครึ่งปี เราต้องยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน หากไม่ยื่นภาษีจะมีค่าปรับไม่ยื่นแบบ 2,000 บาท และเงินเพิ่ม หรือดอกเบี้ยจากภาษีที่ต้องจ่ายในอัตรา 1.5% ต่อเดือน โดยนับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนเป็นต้นไป ทั้งนี้ เราก็สามารถยื่นปลายปีทีเดียวได้ แต่ภาษีที่ต้องชำระในภาษีประจำปีจะมากขึ้น เนื่องจากไม่มีการชำระภาษีล่วงหน้าในครึ่งปี การยื่นภาษีครึ่งปีจึงช่วยกระจายภาระการชำระภาษีให้เท่าๆ กันตลอดปี
เอกสารยื่นภาษีมีอะไรบ้าง?
การยื่นภาษีครึ่งปี ภ.ง.ด.94 จะต้องใช้เอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ช่วยในการคำนวณและยื่นภาษีอย่างถูกต้อง โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
1.เอกสารรายได้ เช่น ใบสลิปเงินเดือน เอกสารเกี่ยวกับรายได้จากธุรกิจ หรือเอกสารการรับเงินจากการลงทุน
2.เอกสารหักลดหย่อน เช่น ใบเสร็จประกันชีวิต หรือกรมธรรม์ประกันชีวิต ใบเสร็จบริจาค เอกสารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ใบเสร็จการลงทุนในกองทุน LTF/RMF ใบเสร็จดอกเบี้ยบ้าน
3.เอกสารทั่วไป ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีที่มีคู่สมรส) สำเนาทะเบียนบ้านของบุตร (กรณีมีการหักลดหย่อนบุตร)
4.เอกสารการหักภาษีที่จ่ายแล้ว เช่น ใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (กรณีที่มีการหักภาษีจากรายได้ในครึ่งปีแรก)
ช่องทางการจ่ายภาษี
1.จ่ายภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ซึ่งรองรับการชำระภาษีทั้งแบบเงินสดบัตรเครดิต บัตรเดบิต Tax Smart Card รวมถึง Internet Banking Mobile Banking และ Phone Banking
2.จ่ายภาษีผ่านระบบ E-Payment สามารถเลือกจ่ายภาษีผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต จากระบบของสรรพากรที่เชื่อมต่อกับธนาคารได้ด้วยตัวเอง
3.จ่ายภาษีผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (Counter Service) ณ จุดชำระเงิน เช่น ไปรษณีย์ไทย, 7-Eleven, Tesco Lotus, Big C, TrueMoney, CenPay
4.จ่ายภาษีผ่านช่องทางอื่น เพียงนำข้อมูลจาก Pay In Slip ที่ระบุเลขประจำตัวประชาชน พร้อมกับจำนวนภาษีที่ต้องเสีย ไปจ่ายผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Internet Banking Mobile Banking Phone Banking หรือชำระที่ตู้ ATM
นอกจากนี้ กรมสรรพกรได้เปิดช่องทางอำนวยความสะดวกให้ผู้จ่ายภาษีสามารถผ่อนชำระภาษีได้ หากเราเป็นผู้ที่มีรายได้และมียอดชำระภาษีรวมตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ก็มีสิทธิ์ผ่อนจ่ายภาษี โดยแบ่งชำระ 3 งวด แบบไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าปรับ
ข้อดีของการผ่อนชำระภาษีด้วยบัตรเครดิต
- สะดวกสบาย ชำระภาษีได้ทุกที่ทุกเวลา
- แบ่งรายจ่ายก้อนโตเป็น 3 งวด ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการความยืดหยุ่นทางการเงิน หรือคนที่ไม่ได้เตรียมเงินก้อนใหญ่ไว้สำหรับจ่ายค่าภาษี
- มีระยะเวลาปลอดหนี้ เพราะการผ่อนชำระภาษีด้วยบัตรเครดิตจะทำให้ได้มีช่วงเวลาในการบริหารจัดการเงิน ด้วยระยะเวลาปลอดหนี้ 30 วัน ซึ่งหากชำระหนี้ได้ตรงเวลา ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม หรือดอกเบี้ยเพิ่มเติม
- วางแผนจัดการค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจ การเลือกผ่อนชำระค่าภาษีด้วยบัตรเครดิต KTC จะช่วยให้สามารถวางแผนจัดการค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องใช้กระแสเงินสด หรือผู้ประกอบการรายย่อย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
ไขข้อสงสัยกันไปแล้วสำหรับเรื่อง ภ.ง.ด.94 ภาษีครึ่งปี คืออะไร ใครต้องยื่นบ้าง ต้องยื่นเมื่อไหร่ ? จะเห็นได้ว่าการยื่นภาษีครึ่งปีไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการเตรียมเอกสารให้พร้อม และยื่นภายในเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น การวางแผนทางการเงิน การออม รวมถึงการใช้เงินอย่างชาญฉลาด เช่น การมีบัตรเครดิต เพื่อสิทธิประโยชน์ด้านการเงินจึงเป็นเรื่องที่เราควรมีไว้
อย่างบัตรเครดิต KTC ใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า เพราะมีสิทธิพิเศษ สำหรับสมาชิก อีกทั้งยังสะสมคะแนน KTC FOREVER ได้ง่ายๆ ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC ทุก 25 บาท รับ 1 คะแนน KTC FOREVER
สามารถนำไปแลกส่วนลดและสิทธิพิเศษอื่นๆ ได้ สมัครบัตรเครดิต KTC สมัครได้เลย สมัครออนไลน์ได้ง่ายๆ สะดวก ไม่ต้องไปหน้าสาขา
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC