การสมัครงานไม่ใช่แค่การส่งเอกสารหรือบอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาแต่คือการนำเสนอตัวเองให้โดดเด่นและน่าสนใจที่สุดในสายตาของ HR ซึ่ง "CV" (Curriculum Vitae) และ "Resume" คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้เปรียบในการแข่งขันกับผู้สมัครคนอื่นๆ เพราะเป็นเอกสารสำคัญที่แสดงถึงประวัติการศึกษา ประสบการณ์ และทักษะการทำงานที่คุณมี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า Resume/CV คืออะไร ต่างกันอย่างไร
พร้อมเคล็ดลับการเขียน CV ด้วย เพราะไม่ใช่แค่มี CV คือ สมัครงานไหนก็ได้หมด แต่เราต้องทำให้ถูกหลักด้วย เพื่อที่จะช่วยให้ HR ประทับใจจนอยากเรียกคุณไปสัมภาษณ์งาน ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย!
CV คืออะไร
CV คือ เอกสารสำคัญที่ใช้ในการแสดงข้อมูลส่วนตัว โดยคำว่า CV ย่อมาจาก Curriculum Vitae ในภาษาละติน ซึ่งหมายถึง "ประวัติชีวิต" เพราะฉะนั้นใน CV จะประกอบไปด้วยข้อมูลเชิงลึก ตั้งแต่ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เส้นทางประวัติการศึกษา ตั้งแต่ปีที่เข้าเรียน ไล่เรียงไปจนถึงวุฒิการศึกษาล่าสุด ประวัติการทำงานตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนทักษะทางด้านภาษา ความสามารถพิเศษ คุณสมบัติพิเศษของผู้สมัคร ความสำเร็จต่างๆ หรือผลงานวิจัยที่เคยทำ ที่สามารถช่วยให้ HR สามารถประเมินความเหมาะสมของคุณกับตำแหน่งงานที่เปิดรับ โดยทั่วไปแล้ว CV จะมีความยาวตั้งแต่ 2 หน้าเป็นต้นไป และควรเขียนอย่างกระชับแต่ครบถ้วน เพื่อให้ HR สามารถเข้าใจประวัติ ทักษะ และคุณสมบัติของคุณได้ง่ายที่สุด
ทั้งนี้การเขียน CV จะไม่ค่อยปรับเปลี่ยนข้อมูลใดๆ บ่อยมากนัก เพราะข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลพื้นฐาน อาจจะมีการเพิ่มรายละเอียดของประสบการณ์การทำงานที่มากขึ้น ความสำเร็จต่างๆ ที่ได้รับเมื่อเวลาผ่านไปนั่นเอง
CV ต้องมีอะไรบ้าง
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลที่สามารถติดต่อได้
- ประวัติการศึกษา ได้แก่ ชื่อสถาบันการศึกษา ระดับการศึกษา สาขาวิชา และปีที่สำเร็จการศึกษา (เรียงลำดับจากปัจจุบันไปอดีต)
- ประสบการณ์การทำงาน โดยระบุตำแหน่งงานที่เคยทำ ชื่อบริษัท ระยะเวลา และหน้าที่หลักที่รับผิดชอบ (เรียงลำดับจากปัจจุบันไปอดีต)
- ทักษะและความสามารถพิเศษ เช่น ทักษะทางภาษา ทักษะการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทักษะการทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหา การบริหารจัดการ หรือทักษะเฉพาะทางที่สามารถนำไปใช้ได้กับงานที่สมัคร
- การฝึกอบรมหรือใบรับรองต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร แนะนำให้ใส่ไว้ด้วย
- รางวัลที่ได้รับ ประกาศนียบัตรจากหลักสูตร หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เคยเข้าร่วม
- ผลงานทางวิชาการและรางวัล (หากมี) เช่น งานวิจัยที่เคยทำ บทความทางวิชาการที่ได้รับการตีพิมพ์ เกียรติบัตรหรือรางวัลที่เกี่ยวข้องกับสายงาน
- งานอดิเรก กิจกรรมยามว่าง เช่น อ่านหนังสือ วาดรูป
- วัตถุประสงค์ในการสมัครงานของเรา โดยอธิบายให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร
CV กับ Resume ต่างกันยังไง
สำหรับใครที่สงสัยว่า CV และ Resume แตกต่างกันอย่างไร แม้ว่าทั้งสองจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในแง่ของรูปแบบและเนื้อหาที่ใช้
- CV จะละเอียดมากกว่า Resume เพราะเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึก มีข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ทักษะ ความสามารถ การฝึกอบรม ผลงานวิจัย รางวัลที่เคยได้รับทั้งหมด มีความยาวตั้งแต่ 2 หน้าขึ้นไป นิยมใช้ในการสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและวิชาการ หรือขอทุนการศึกษา การสมัครเรียน
- Resume จะมีความกระชับมากกว่า CV เนื้อหากระชับและอ่านง่าย เพื่อให้ HR เห็นว่าเราเหมาะสมกับตำแหน่งนั้น โดยใน Resume จะเป็นการสรุปประวัติการศึกษาและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่การบอกทักษะ ความรู้ และคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละงานที่สมัครได้ ทั้งนี้ Resume ควรมีความยาวไม่เกิน 1-2 หน้า นิยมใช้ในการสมัครงานทั่วไป
cv ใช้ในการสมัครงาน จะมีความละเอียดและครอบคลุมมากกว่าเรซูเม่ และจะวิชาการมากกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก
เทคนิคการเขียน CV ให้ถูกใจ HR
การเขียน CV ที่ดีไม่ใช่แค่การใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนเท่านั้น แต่ต้องนำเสนอ คุณค่าและจุดเด่นของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ HR เห็นถึงความเหมาะสมของคุณกับตำแหน่งงานที่สมัคร โดยเทคนิคที่จะช่วยให้ CV ของคุณโดดเด่นและสร้างความประทับใจให้กับ HR มีดังนี้
จัดระเบียบหน้ากระดาษให้อ่านง่าย
HR ต้องอ่าน CV จำนวนมากในแต่ละวัน โดย CV ของคุณจะต้องอ่านง่ายและ ดึงดูดความสนใจตั้งแต่แรก โดยแบ่งข้อมูลสำคัญออกเป็นส่วนต่างๆ เพื่อให้เนื้อหาดูเป็นระเบียบ ใช้ Bullet Points เพื่อให้อ่านง่าย
เน้นการบอกคุณค่าของตัวเอง
CV ควรสะท้อนให้เห็นว่า คุณมีจุดแข็งอะไร และ อะไรที่ทำให้คุณแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น
ใช้ข้อความที่เน้นถึง ความสามารถและประสบการณ์เฉพาะตัว เช่น มีประสบการณ์ด้านการจัดการโปรเจกต์กว่า 5 ปี ดูแลทีมขนาด 10 คน และส่งมอบงานตามกำหนด เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล สามารถใช้ Power BI ในการสร้างรายงานเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจได้ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ประโยคที่คลุมเครือ ไม่สามารถวัดผลได้ เช่น มีประสบการณ์เยอะ หรือ ทำงานเก่ง
ใช้คำที่กระชับ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น
ภาษาที่ใช้ใน CV ต้องเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย มีความเป็นมืออาชีพ แสดงถึง การกระทำและผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น มีประสบกาณ์ด้านการพัฒนาแผนการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอดขายขึ้น 20% ภายใน 6 เดือน
อย่าลืมบอกผลงานและความสำเร็จที่ได้รับ
HR จะดูว่าคุณเคยสร้างผลลัพธ์อะไรให้กับบริษัทก่อนหน้านี้มาบ้าง และจะสร้างผลลัพธ์อะไรให้กับบริษัทที่คุณกำลังสมัครงานอยู่ได้บ้าง โดยใน CV ควรระบุใช้ตัวเลขและข้อมูลที่วัดผลได้ เช่น เคยจัดแคมเปญการตลาดออนไลน์ที่ช่วยให้บริษัทมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 30% โดยหลีกเลี่ยงการใส่แค่หน้าที่ความรับผิดชอบโดยไม่มีผลลัพธ์ เช่น เคยมีประสบการณ์ด้านทำงานด้านการตลาด
ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ
ไม่ว่าจะเป็นเช็กตัวสะกด ไวยากรณ์ เพื่อให้ CV ดูเป็นมืออาชีพ โดยลองส่งให้เพื่อนหรือคนรู้จักช่วยอ่านเพื่อดูว่า CV ที่คุณทำอ่านแล้วเข้าใจง่ายหรือไม่ จากนั้นแปลงไฟล์เป็น PDF ก่อนส่ง เพื่อป้องกันการจัดรูปหน้ากระดาษผิดพลาด
การเขียน CV ให้โดดเด่นและถูกใจ HR ไม่ใช่แค่การนำเสนอข้อมูลทั่วไป แต่ต้อง นำเสนอจุดแข็งของตัวเอง ใช้คำที่กระชับ ชัดเจน และตรงประเด็น พร้อมเน้นผลงานที่จับต้องได้ ที่สำคัญคือ ต้องอ่านง่ายและไม่มีข้อผิดพลาด เพราะ CV ที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณได้สัมภาษณ์งานและก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ต้องการได้สำเร็จ
และนอกจากการเตรียมตัวสมัครงานให้ดีแล้ว เรื่องการเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทางไปสัมภาษณ์ ค่าคอร์สพัฒนาทักษะเพิ่มเติม หรือค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มงาน การมีตัวช่วยทางการเงินที่ดีอย่างบัตรเครดิต KTC จะช่วยให้คุณบริหารค่าใช้จ่ายได้คล่องตัวมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องในช่วงว่างงานหรือช่วงหางานใหม่ สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC