ธุรกิจขายของออนไลน์แบบไม่ต้องสต๊อกสินค้า หรือ Dropship เป็นธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนลงทุนซื้อของเหมือนธุรกิจซื้อขายทั่วไป แต่กลับสามารถขายของสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากขายของแต่ไม่อยากลงทุนเยอะ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นก่อนตัดสินใจทำ Dropship มาดูกันว่าการทำ Dropshipping คืออะไร มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ เพื่อทำธุรกิจประสบความสำเร็จ
Dropship คืออะไร?
Dropship คือ ธุรกิจขายของรูปแบบหนึ่ง ซึ่งผู้ขายจะมีหน้าที่เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซัพพลายเออร์และลูกค้า โดยผู้ค้าจะต้องสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากับซัพพลายเออร์ที่เปิดให้บริการ Dropship ก่อน แล้วโพสต์ขายสินค้าตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ผู้ขายจะต้องส่งต่อข้อมูลการสั่งซื้อให้กับซัพพลายเออร์เพื่อจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า โดยชื่อที่ใช้ในการจัดส่งสินค้าอาจเป็นผู้ขายหรือซัพพลายเออร์ขึ้นอยู่กับการตกลง โดยธุรกิจการขายแบบ Dropship นับว่าเป็นการหาเงินออนไลน์ ถูกกฎหมาย และเป็นที่นิยมในการทำเป็นอาชีพเสริม
ขั้นตอนการเริ่มทำ Dropship เป็นอย่างไร?
ก่อนเริ่มขายของออนไลน์แบบไม่สต๊อกสินค้า หรือ Dropship มาดูกันว่ามีขั้นตอนการทำธุรกิจอย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้ที่สนใจขายสินค้า Dropship เข้าใจหลักการทำธุรกิจ และสามารถทำธุรกิจได้ราบรื่น จนอาจกลายเป็นอาชีพเงินเดือนหลักแสนให้ได้ ดังนี้
ตามหาสินค้าที่ต้องการขาย
ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ Dropship ถ้ากำหนดสินค้าที่ต้องการขายก่อนก็จะช่วยให้ค้นหาสินค้า Dropship ง่ายขึ้น โดยอาจเลือกขายสินค้าที่ตัวเองชื่นชอบ เพราะจะรู้ว่าสินค้าแบบไหนที่เป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้ที่มีความชอบเหมือนกัน หรืออาจจะเลือกขายสินค้าที่กำลังเป็นกระแสอยู่เพื่อเพิ่มโอกาสขายสินค้า แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขายอะไรดีก็สามารถเลือกขายสินค้าที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วได้ด้วยเช่นกัน
ตามหาร้านค้าหรือธุรกิจที่รองรับระบบดรอปชิป
หลังจากเลือกประเภทสินค้าที่ต้องการขายแล้ว ก็จะต้องมีแหล่งธุรกิจหรือซัพพลายเออร์ที่รองรับบริการ Dropship ขายของแบบไม่ต้องสต๊อกสินค้า โดยอาจจะเริ่มต้นจากการค้นหาสินค้าขายดรอปชิปจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น AliExpress, Worldwide brands, Alibaba หรือติดต่อกับบริษัทที่ให้บริการดรอปชิปโดยตรง เพื่อสมัครสมาชิกและนำข้อมูลสินค้ามาใช้ทำธุรกิจ
ค้นหารายละเอียดสินค้าที่ต้องการขายเพิ่มเติม
หลังจากสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์หรือซัพพลายเออร์ที่รองรับบริการ Dropship แล้ว ก็จะสามารถเข้าถึงรายละเอียดข้อมูลและภาพสินค้ามากขึ้น และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปโพสต์ขายสินค้าในแพลตฟอร์มที่ต้องการ เช่น Facebook, Tiktok, X, Instargram รวมถึงการลงขายในแหล่ง E-commerce อื่น ๆ เช่น Shopee, Lazada เป็นต้น
วางแผนทำการตลาด
ถึงแม้ว่าจะโพสต์สินค้าขายตามแพลตฟอร์มที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่ถ้าเป็นสินค้าที่สามารถซื้อจากแหล่งไหนก็ได้ ลูกค้าก็อาจจะเลือกซื้อกับร้านค้าอื่น ๆ ที่สะดวกหรือชื่นชอบมากกว่าแทน ดังนั้นการวางแผนทำการตลาดจึงจำเป็นต่อการทำ Dropship ในที่นี้อาจจะเลือกขายสินค้าหลายประเภท ทำโฆษณาโปรโมทสินค้า ให้บริการลูกค้ารวดเร็ว และอื่น ๆ เพื่อให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง
การชำระเงินและจัดส่งสินค้า
เมื่อลูกค้าซื้อของที่โพสต์ขายตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เงินที่ลูกค้าจ่ายจะโอนเข้าบัญชีของผู้ขาย และผู้ขายจะต้องโอนเงินและส่งที่อยู่จัดส่งให้กับซัพพลายเออร์หรือเว็บไซต์ที่สมัครสมาชิกบริการ Dropship เพื่อส่งสินค้าตามที่อยู่ที่ได้รับ
เรียนรู้เรื่องความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน : Passive Income คืออะไร รู้จักรายได้ที่เพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิต
Dropship มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?
หากต้องการทำให้ Dropship กลายเป็นธุรกิจอาชีพในฝัน ก็ควรศึกษาหลักการทำธุรกิจ รวมถึงเรียนรู้ข้อดีและข้อเสียเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจ โดย Dropship มีข้อดี ข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
- ไม่ต้องกลัวหมุนเงินไม่ทัน และมีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำ เพราะเป็นการขายของออนไลน์ ไม่ต้องสต๊อกสินค้า
- ไม่จำเป็นต้องผลิตสินค้าเองเพราะซัพพลายเออร์หรือเว็บไซต์ที่มีบริการ Dropship มีสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกขายตามความต้องการ
- ไม่จำเป็นต้องศึกษาและเตรียมข้อมูลสินค้าที่ต้องการขายเอง เพราะซัพพลายเออร์ที่ให้บริการ จะเป็นผู้เตรียมการให้ทั้งหมด
- ช่วยลดกระบวนการที่ใช้ในการทำธุรกิจ เช่น การออกแบบสินค้าใหม่ ๆ การผลิตสินค้าเพื่อวางจำหน่าย หรือการแพ็คและจัดส่งสินค้า เป็นต้น
- สามารถทำคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วย จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคน และยังสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา จึงเหมาะกับการทำเป็นอาชีพฟรีแลนซ์ เป็นธุรกิจรวยเงียบควบคู่งานประจำ
สำหรับผู้ที่สงสัยเกี่ยวกับอาชีพฟรีแลนซ์ สามารถเช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฟรีแลนซ์คือ
ข้อเสีย
- ไม่สามารถควบคุมมาตรฐานสินค้าและระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าเองได้
- สินค้าที่นำมาขายอาจมาจากแหล่งเดียวกันกับผู้ขายรายอื่น ทำให้สินค้าไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าจากคู่แข่งได้
- สินค้าบางประเภทไม่เหมาะกับการทำ Dropship เช่น สินค้าราคาสูง สินค้าแตกหักง่าย สินค้าน้ำหนักเยอะหรือขนาดใหญ่ สินค้าที่มีข้อกำหนดทางกฎหมาย เป็นต้น
สินค้าแบบไหนบ้างที่เหมาะกับการขายแบบ Dropship
แม้ว่า Dropshipping Business จะเป็นธุรกิจที่มีสินค้ามากมายให้เลือกขายตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่ไม่ใช่ว่าสินค้าทุกอย่างเหมาะกับการทำ Dropship เพราะการเลือกสินค้าที่ไม่เหมาะสมกับธุรกิจอาจจะส่งผลต่อการให้บริการโดยรวมได้ ในที่นี้ก็จะมาแนะนำประเภทสินค้า Dropship ขายดีไว้เป็นตัวเลือก ดังนี้
สินค้าสำหรับประกอบธุรกิจ
สินค้าสำหรับใช้ประกอบธุรกิจอาจดูเหมือนเป็นสินค้าขายยาก แต่เป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการเริ่มทำ Dropship เพราะถ้าจับความต้องการลูกค้าได้ ก็สามารถทำเงินจำนวนมากได้
ตัวอย่างสินค้า : อุปกรณ์สำหรับใช้ในออฟฟิศ, โต๊ะ, เก้าอี้, ตู้เก็บของ
สินค้าที่ต้องซื้อซ้ำ
สินค้าที่ใช้แล้วหมดไปเป็นสินค้าที่มีลูกค้าต้องการซื้อแน่นอน เพราะเมื่อใช้ของนั้น ๆ หมด ลูกค้าก็จะกลับมาซื้อสินค้านั้นซ้ำ ๆ ถ้าทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในบริการ ก็จะมีโอกาสที่ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีก
ตัวอย่างสินค้า : เสื้อผ้า, อาหาร, ของใช้ภายในบ้าน, อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง
สินค้าจำพวกงานอดิเรก
สินค้า Dropship ที่เจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น สินค้าที่เกี่ยวข้องกับงานอดิเรก มักสามารถสร้างกำไรให้กับผู้ขายได้สูง และอาจมีโอกาสขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ตัวอย่างสินค้า : ของเล่น, อุปกรณ์คอสเพลย์, สินค้าการ์ตูน, สินค้าสำหรับสะสม
สินค้าที่หาซื้อไม่ได้จากร้านค้าทั่วไป
การขายสินค้าที่วางจำหน่ายตามตลาด ร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไปน้อย จะช่วยทำให้มีโอกาสขายสินค้า Dropship เพิ่มขึ้นได้ เพราะลูกค้าก็จะต้องซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อนำมาใช้งานแทน
ตัวอย่างสินค้า : อุปกรณ์ตกแต่งของ DIY, อุปกรณ์ตกแต่งใช้งานภายในรถยนต์, อุปกรณ์ไอที, ของชำร่วย
Dropship ศึกษาข้อมูลให้พร้อม สร้างรายได้สม่ำเสมอ ไม่ติดขัด
Dropship เป็นธุรกิจขายสินค้าที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ เพราะไม่ต้องลงทุนสต๊อกสินค้าก็สามารถขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้ ไม่ต้องเตรียมสินค้าจัดส่งเองเพราะมีซัพพลายเออร์หรือเว็บขาย Dropship เป็นผู้จัดส่งให้ลูกค้าถึงมือ และยังมีความเสี่ยงในการลงทุนต่ำ ทำให้ Dropship เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมสูง
อย่างไรก็ตามการทำ Dropship ก็มีข้อควรระวัง เช่น ประเภทสินค้า คู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ถ้าทำให้ร้านค้าเป็นที่รู้จักก็จะมีโอกาสได้ลูกค้าเพิ่ม โดยอาจจะเริ่มจากการโฆษณา รีวิวสินค้า แจกสินค้าทดลอง และอื่น ๆ แต่การทำการตลาดก็จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน ซึ่งบัตรกดเงินสด KTC PROUD เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่อยากเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ให้มีเงินก้อนลงทุนโปรโมทสินค้าได้อย่างไม่ติดขัด
บัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวเลือกฉุกเฉินด้านการเงิน ใช้งานง่าย ไม่สะดุดทุกยอดการใช้จ่าย
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
วางแผนใช้เงินโปรโมทธุรกิจ Dropship ด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี