หลังจากที่มีอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น วันนี้ KTC จะพาทุกคนมาอัปเดตเรื่องการเป่าแอลกอฮอล์ และบทลงโทษตามกฎหมายใหม่ปี 2567 กันว่า ระดับแอลกอฮอล์ที่กฎหมายกำหนดอยู่ที่เท่าไหร่ และมีวิธีตรวจอะไรบ้างนอกจากเป่าแอลกอฮอล์
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เป่าแอลกอฮอล์ไม่เกินเท่าไหร่ที่ไม่เข้าข่าย "เมาแล้วขับ"
ปัจจุบันกฎหมายได้แบ่งระดับแอลกอฮอล์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. ผู้ขับขี่ทั่วไปที่มีอายุเกิน 20 ปีและมีใบขับขี่ถาวร ต้องมีระดับแอลกอฮอล์ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
2. กลุ่มพิเศษ ต้องมีระดับแอลกอฮอล์ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ได้แก่
- ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
- ผู้ถือใบขับขี่ชั่วคราว
- ผู้ไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่ไม่ตรงประเภท
- ผู้ที่อยู่ระหว่างพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
เมาแล้วขับมีโทษปรับอะไรบ้าง
การขับขี่ขณะเมาสุราถือเป็นความผิดร้ายแรง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของผู้อื่น กฎหมายจึงกำหนดบทลงโทษไว้หลายระดับ
กรณีระดับแอลกอฮอล์เกินที่กำหนด
ผู้ที่เป่าแอลกอฮอล์แล้วพบว่ามีระดับแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรืออาจถูกเพิกถอนใบขับขี่
กรณีปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์
หากผู้ขับขี่ปฏิเสธการตรวจวัดแอลกอฮอล์ กฎหมายจะถือว่าเป็นผู้เมาสุราทันที มีโทษเช่นเดียวกับกรณีเป่าแล้วเกิน คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
กรณีทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
ถ้าเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายต่อกายหรือจิตใจ จะมีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
กรณีทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
กรณีที่ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท และพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
กรณีทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
หากเมาแล้วขับจนทำให้มีผู้เสียชีวิต จะมีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบขับขี่ทันที
กรณีทำผิดซ้ำภายในระยะเวลา 2 ปี
กรณีกระทำผิดซ้ำภายใน 2 ปี จะมีโทษหนักขึ้น คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 50,000-100,000 บาท พักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
หากเมาแล้วขับ ประกันภัยที่ทำไว้จะคุ้มครองหรือไม่
ในกรณีเมาแล้วขับ ประกันภัยที่ทำไว้ทั้งภาคสมัครใจ และภาคบังคับ จะมีเงื่อนไขการคุ้มครองที่ต่างกัน ดังนี้
พ.ร.บ. (ภาคบังคับ)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณี โดยไม่คำนึงถึงความผิด
- ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินและรถยนต์
ประกันภาคสมัครใจ
- กรณีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ : คุ้มครองทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณี
- กรณีแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ : คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ไม่คุ้มครองผู้เอาประกัน
หากไม่สะดวกเป่าแอลกอฮอล์ ต้องทำอย่างไร
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สะดวกเป่าแอลกอฮอล์ สามารถขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยวิธีอื่นได้ โดยต้องดำเนินการภายใน 2 ชั่วโมงหลังถูกเรียกตรวจ มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นการปฏิเสธการตรวจและมีความผิดตามกฎหมายเมาแล้วขับทันที ซึ่งวิธีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ มีดังนี้
การเป่าลมหายใจ (Breath Alcohol Test)
- เป็นวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดเนื่องจากรู้ผลเร็วและไม่รุกล้ำร่างกาย
- ใช้เครื่องตรวจวัดแบบพกพา (Breathalyzer) ที่ได้มาตรฐานสากล
- ค่าที่วัดได้มีความคลาดเคลื่อนไม่เกิน ±0.01%
- ต้องเป่าต่อเนื่องอย่างน้อย 6 วินาที
- ห้ามดื่มน้ำ สูบบุหรี่ หรือใช้สเปรย์ดับกลิ่นปากก่อนเป่า 15 นาที
การตรวจเลือด (Blood Alcohol Test)
- เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการวัดระดับแอลกอฮอล์
- ต้องดำเนินการที่โรงพยาบาลโดยบุคลากรทางการแพทย์
- ใช้เวลารอผล 30-60 นาที
- สามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ดีที่สุด
การตรวจปัสสาวะ (Urine Alcohol Test)
- เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพไม่สามารถเป่าหรือเจาะเลือดได้
- ความแม่นยำต่ำกว่าการตรวจเลือด
- ระดับแอลกอฮอล์ในปัสสาวะอาจสูงกว่าในเลือด 1.3-1.5 เท่า
- ใช้เวลารอผล 15-30 นาที
ขั้นตอนการตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยเจ้าหน้าที่
1. แจ้งเหตุผลในการตรวจและขอดูใบอนุญาตขับขี่
2. สังเกตอาการมึนเมาเบื้องต้น เช่น กลิ่นแอลกอฮอล์ การทรงตัว การพูดจา
3. แจ้งสิทธิในการเลือกวิธีตรวจวัด
4. ใช้เครื่องตรวจที่ได้มาตรฐานและผ่านการสอบเทียบ
5. แสดงผลการตรวจให้ผู้ถูกตรวจเห็นชัดเจน
6. บันทึกผลและให้ผู้ถูกตรวจลงนามรับทราบ
7. หากเกินกำหนด ดำเนินการตามกฎหมายทันที
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการตรวจวัดแอลกอฮอล์
- ระดับแอลกอฮอล์จะสูงสุดหลังดื่ม 30-60 นาที
- ร่างกายกำจัดแอลกอฮอล์ได้ประมาณ 15 mg% ต่อชั่วโมง
- การดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ช่วยลดระดับแอลกอฮอล์
- อาหาร คาเฟอีน และการออกกำลังกายไม่ช่วยให้สร่างเร็วขึ้น
- ความแม่นยำของผลตรวจขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องมือ และวิธีการตรวจ
สรุปบทความ กฎหมายเมาแล้วขับ 2567 ต้องเป่าแอลกอฮอล์ไม่เกินเท่าไหร่
การเมาแล้วขับเป็นความผิดร้ายแรงที่มีบทลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ผู้ขับขี่ต้องระวังไม่ให้ระดับแอลกอฮอล์เกินกำหนด และควรทราบว่าต้องเป่าแอลกอฮอล์ไม่เกินเท่าไหร่จึงจะปลอดภัย ปัจจุบันมีวิธีการเป่าแอลกอฮอล์ และตรวจวัดที่หลากหลาย แต่ทางที่ดีที่สุดคือไม่ดื่มเลยถ้าต้องขับรถ เพราะนอกจากเสี่ยงต่อชีวิต และทรัพย์สินแล้ว ยังต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเอง หากระดับแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ส่วนคนที่กำลังเครียด และประสบปัญหาด้านการเงิน หากคุณมีรถใช้งาน KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน คือทางออกที่ช่วยคุณได้ ด้วยวงเงินสินเชื่อก้อนใหญ่ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery ไปประเมินสภาพรถถึงหน้าบ้าน ที่สำคัญยังอนุมัติไวใน 1 ชม. รับเงินก้อนได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน โดยสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้อย่างอุ่นใจ หากไม่มีการกดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ยแต่อย่างใด
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*
*กรณีที่รถยังผ่อนไม่หมด สามารถนำมาประเมินวงเงินเบื้องต้นได้*