เครื่องมือ AB Testing ช่วยแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการตลาดออนไลน์ เข้ามามีบทบาทกับผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจยุคใหม่มากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจหลายรายมองหากลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยสิ่งหนึ่งที่นักการตลาดยุค Digital Marketing กำลังให้ความสนใจ คือ A/B Testing เครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจว่าโฆษณาหรือแคมเปญตัวไหนที่ลูกค้าสนใจมากที่สุด ทั้งยังเป็นหนทางที่ดีที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ หากคุณสงสัยว่า A/B Testing คืออะไร สำคัญอย่างไร และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับธุรกิจได้อย่างไร บทความนี้มี MAAI BY KTC มีคำตอบ
AB Testing คืออะไร ทำไมเจ้าของธุรกิจควรรู้
รู้จัก A/B Testing เครื่องมือสำคัญการทำธุรกิจออนไลน์
A/B Testing หรือที่เรียกว่า Split Testing เป็นกระบวนการทดสอบของการทำ Digital ต่าง ๆ โดยใช้วิธีการสร้างชิ้นงานขึ้นมา 2 แบบ ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เหมือนกันได้มองเห็น แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปทำ Data Analytic เพื่อดูว่ารูปแบบไหนที่มีผลลัพธ์ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนปุ่มสมัครสมาชิกจากสีแดงเป็นสีเขียว หรือเปลี่ยนตัวหนังสือคำโปรยจากประโยคหนึ่งเป็นอีกประโยคหนึ่ง จากนั้นเก็บสถิติมาวิเคราะห์เปรียบเทียบหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด เพื่อนำมาพัฒนาต่อไป
นอกจากนี้ A/B Testing มักถูกนำมาทดลองใช้สำหรับการพัฒนาหน้าเว็บไซต์ หรือ UXUI ให้สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เริ่มจากการกำหนดปัญหาเว็บไซต์ที่ต้องการแก้ไข เช่น เจ้าของเว็บไซต์สังเกตว่าผู้เยี่ยมชมใช้เวลาอยู่ภายในเว็บไซต์ค่อนข้างน้อย หรือเข้ามาแล้วกดออกไปเลย ปัญหาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบ การจัดวางปุ่ม หรือคลิกต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมอยู่ในหน้าเว็บไซต์ได้นานขึ้น ที่สำคัญ A/B Testing ยังช่วยให้การทำ Content Marketing บนเว็บไซต์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยทำให้หรือธุรกิจสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ดี สร้างความไว้วางใจ ทำให้กลุ่มเป้าหมายประทับใจและจดจำสินค้าหรือแบรนด์ได้ดี
เพิ่มเติม : การทดสอบ A/B Testing ไม่ได้กำหนดว่าต้องมีตัวแปรเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น สามารถนำตัวแปรหลายตัวมาทดสอบใช้งานพร้อมกันได้ แต่เบื้องต้นมักเป็นการทดลองใช้งาน 2 ตัวแปร เพื่อตัดตัวเลือกก่อนนำเอาผลลัพธ์ที่ได้ไปพัฒนาต่อยอดต่อไป
ขั้นตอนการทำ A/B Testing บนหน้าเว็บไซต์
- กำหนดเป้าหมายของธุรกิจ เจ้าของธุรกิจหรือแบรนด์ จำเป็นต้องรู้ว่าเป้าหมายของการทำการตลาดคืออะไร อาทิ ต้องการให้คนกดสมัครบัตรเครดิต ต้องการคนกรอกแบบฟอร์มกู้สินเชื่อออนไลน์ คนกดติดตามแบรนด์ หรือคนกดซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ เป็นต้น
- ระบุปัญหาจากข้อมูลบนเว็บไซต์ ก่อนกำหนด Element ที่ต้องการทดสอบ เจ้าของธุรกิจหรือแบรนด์ ต้องตรวจสอบเว็บไซต์ก่อนว่ามีปัญหาตรงไหนบ้าง โดยสามารถเช็กข้อมูลของเว็บไซต์ได้จาก Google Analytics ข้อมูลวิเคราะห์การใช้งานของเว็บไซต์ Heat Map ยกตัวอย่าง เครื่องมือ Hotjar เพื่อดูพฤติกรรมการอ่านและการคลิกของผู้ใช้งาน หรือ Usability Test เปิดให้คนมาทดลองใช้เว็บไซต์แล้วเล่าประสบการณ์การใช้งาน
- การสร้างสมมุติฐานที่ต้องการทดสอบ เมื่อแบรนด์สามารถระบุปัญหาได้แล้ว เช่น คนเข้ามาสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์แค่ 10% จากจำนวนคนเข้าทั้งหมด ขั้นตอนต่อไปคือการตั้งสมมติฐาน โดยทางแบรนด์อาจเปลี่ยน Messaging ให้น่าสนใจหรือดึงดูดมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนคนกดซื้อสินค้า วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนกดซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถระบุลึกถึงการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทั้งหมดของแบรนด์ หรือกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจงที่ต้องการทดสอบ
- วาง KPI ในการทดสอบแต่ละครั้ง โดย KPI หรือ Key Performance Indicator เป็นตัวประเมินผลและชี้วัดประสิทธิภาพของงาน ว่าสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่ เช่น การกำหนด KPI คือยอดคนสมัครสมาชิก ยอดคนกดสั่งซื้อสินค้า หรือยอดคนเข้ามาดูเว็บไซต์ จากนั้นพิจารณาผลลัพธ์สุดท้ายว่าเป็นไปตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ KPI ยังมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันประเมินผลลัพธ์โดยรวมทั้งหมด
- ลงมือทำการทดสอบจริง เมื่อถึงขั้นตอนการลงมือทำ การทดสอบจริงมักมีคำถามที่เกิดขึ้นว่าจะต้องทำการทดสอบเป็นเวลานานเท่าไหร่? ในส่วนระยะเวลาเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากมาก แนะนำว่าควรให้ความสำคัญกับ Sample Size หรือจำนวนของกลุ่มเป้าหมายที่จะทำการทดสอบว่ามีจำนวนเท่าไรถึงจะเหมาะสม โดยเครื่องมือการทำ A/B testing จะช่วยคำนวนในส่วนต่าง ๆ ทั้งเรื่องของจำนวนและเวลาการทดสอบ ที่สำคัญควรทำการทดสอบขั้นต่ำประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อผลที่แม่นยำที่สุด
- วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ A/B Testing เมื่อทำการทดสอบจริงกระทั่งได้ข้อมูลที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นให้นำข้อมูลใน Google Optimize มาวิเคราะห์ควบคู่กับ Google Analytics เพื่อดูว่าองค์ประกอบแบบไหนที่ช่วยสร้าง Conversion ได้มากที่สุด
- ปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น เจ้าของธุรกิจหรือแบรนด์ต้องเข้าใจก่อนว่า พฤติกรรมการซื้อของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบองค์ประกอบต่าง ๆ ในการทำธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี และเพิ่ม Conversion Rate ได้อย่างยั่งยืน
MAAI BY KTC แพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
จากข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้น เห็นได้ชัดว่าการทำ A/B Testing ช่วยให้การทำ Content Marketing บนเว็บไซต์ มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และยังช่วยทดสอบว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการผลลัพธ์แบบไหนมากที่สุด เพื่อให้ธุรกิจหรือแบรนด์ทำการตลาดได้อย่างถูกต้องและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญการทำการตลาดไม่ควรคาดเดาอะไรขึ้นมาเอง เพราะทุกอย่างต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่สามารถนำมาปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง A/B Testing เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่มาเป็นตัวแปรให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
การทดสอบรูปแบบขององค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ เพื่อหารูปแบบที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จำเป็นต้องอาศัยการทำ A/B Testing เพื่อให้แบรนด์หรือธุรกิจประสบความสำเร็จ นอกจากการทำ A/B Testing จะช่วยให้คุณเข้าใจและนำเสนอสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ที่ตรงใจลูกค้าแล้วการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ามีสำคัญมากเช่นกัน KTC มี Solution บริการอย่าง MAAI BY KTC มาในรูปแบบแพลตฟอร์มสำเร็จรูป โดยที่เจ้าของธุรกิจไม่ต้องลงทุนออกแบบระบบสะสมคะแนนให้ยุ่งยาก ไม่ต้องขยายทีมเพิ่ม พร้อมอำนวยความสะดวกสบายด้วย Solution ที่เข้าใจมุมมองของการทำธุรกิจ ซึ่งถูกออกแบบมาในรูปแบบของ Plug & Play สามารถเชื่อมต่อระบบสะสมคะแนน เข้ากับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าได้โดยตรง
ที่สำคัญ MAAI BY KTC ยังมี Data Security ที่ได้มาตรฐาน ช่วยเก็บฐานข้อมูลของลูกค้าได้อย่างปลอดภัย พร้อมรักษาฐานลูกค้าเก่าและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรของ MAAI ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน โรงภาพยนตร์ และอื่น ๆ มีระบบสะสมแต้ม จัดการข้อมูลสมาชิก พร้อมเก็บข้อมูลพื้นฐานและแบ่งกลุ่มลูกค้าในแบบที่คุณต้องการ ที่สำคัญยังมอบความสะดวกสบายให้ธุรกิจของคุณมากยิ่งขึ้น ด้วยระบบจัดการคะแนน ใช้คะแนน แลกคะแนน โอนคะแนน และสะสมคะแนนที่แม่นยำ อีกทั้งยังสามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้คะแนน จัดการระบบหลังบ้าน และเลือกสิทธิประโยชน์ดี ๆ ให้กับลูกค้าได้ด้วยตัวเอง สนใจติดต่อ 02-123-5678
กระตุ้นยอดขาย ธุรกิจประสบความสำเร็จ ด้วยระบบสะสมคะแนน MAAI BY KTC...ที่นี่