หากเคยขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน จะพบกับวิธีคิดดอกเบี้ยแบบต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) หรืออัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าดอกเบี้ย Flat Rate คืออะไร? แตกต่างจาก Effective Rate อย่างไร ทำไมถึงต้องแบ่งวิธีคิดดอกเบี้ยให้ยุ่งยาก ในบทความนี้เราจะพามาหาคำตอบกันว่าอัตราดอกเบี้ย Flat Rate กับ Effective Rate แปลว่าอะไรกันแน่ เพื่อให้คุณเข้าใจวิธีการคิดดอกเบี้ยเงินกู้ได้อย่างถูกต้อง
ดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) คืออะไร?
ดอกเบี้ยคงที่ หรือ Flat Interest Rate คืออัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายที่สถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยคงที่ตลอดสัญญา และกำหนดจำนวนงวดในการชำระคืนอย่างแน่นอน โดยมีทั้งสินเชื่อระยะสั้นและสินเชื่อระยะยาวที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบ Flat Rate
ตัวอย่างเช่น ดอกเบี้ยบ้านที่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ในช่วง 1-3 ปีแรก และจะเริ่มการคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอกในระยะเวลาถัดไป หรือสินเชื่อรถยนต์ ก็นิยมคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดระยะเวลาสัญญาด้วยเช่นเดียวกัน
ข้อดีและข้อจำกัดของดอกเบี้ย Flat Rate คืออะไร?
ดอกเบี้ยคงที่ หรือ Flat Rate คือวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้รูปแบบหนึ่งที่มีผลต่อดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อเดือน ด้วยเหตุนี้ ก่อนขอสินเชื่อจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดีและข้อจำกัดของดอกเบี้ยคงที่ เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าควรขอสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแบบคงที่หรือไม่
ข้อดีของดอกเบี้ยคงที่ Flat Rate
- ผ่อนชำระต่องวดต่ำ ดอกเบี้ยแบบ Flat Rate คือสินเชื่อที่ยอดดอกเบี้ยรายเดือนต่ำกว่าสินเชื่อลดต้นลดดอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เยอะมาก แต่ระยะเวลาผ่อนชำระก็นานกว่าด้วยเช่นเดียวกัน
- วางแผนชำระเงินคืนได้ง่าย วิธีคิดดอกเบี้ยคงที่ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเท่ากันทุกงวด จึงช่วยให้คุณวางแผนได้ว่าต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถึงจะเพียงพอสำหรับชำระเงินคืนในงวดถัดไป โดยไม่ต้องกังวลดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นตามสภาวะทางเศรษฐกิจ
ข้อจำกัดของดอกเบี้ยคงที่ Flat Rate
- ไม่เหมาะกับการโปะเพื่อลดดอกเบี้ย สินเชื่อที่คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ ทางธนาคารได้นำดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดถูกนำไปคิดรวมกับเงินต้นที่ต้องจ่ายต่องวดแล้ว การโปะหนี้จึงไม่ได้มีส่วนช่วยในการลดอัตราดอกเบี้ยลงนั่นเอง
- ระยะเวลาผ่อนชำระนานกว่า เมื่อขอสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแบบคงที่ สถาบันการเงินจะคำนวณระยะเวลาการผ่อนชำระออกมาว่าต้องผ่อนกี่งวดถึงจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยได้ทั้งหมด ซึ่งผู้กู้ต้องผ่อนชำระตามจำนวนงวดที่สถาบันการเงินกำหนดให้เท่านั้น เว้นแต่จะชำระคืนด้วยเงินต้นและดอกเบี้ยในครั้งเดียว
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate) คืออะไร?
นอกจากทำความเข้าใจว่าวิธีคิดดอกเบี้ยแบบ Flat Rate คืออะไรแล้ว ควรศึกษาวิธีคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate) ด้วยเช่นกัน เพราะสินเชื่อบางประเภทคิดคำนวณทั้ง Flat Rate และ Effective Rate โดย Effective Interest Rate คือการนำเงินต้นหรือยอดคงเหลือในงวดที่แล้ว มาคำนวณดอกเบี้ยในงวดถัดไป หมายความว่าดอกเบี้ยที่จ่ายจะไม่เท่ากันทุกงวด และดอกเบี้ยจะลดลงเมื่อผู้กู้จ่ายเงินต้นมากขึ้น
ดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลดต้นลดดอกแตกต่างกันอย่างไร?
ข้อแตกต่างอื่น ๆ ระหว่างดอกเบี้ยแบบ Effective Rate กับ Flat Rate คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนขอสินเชื่อเช่นกัน เพราะช่วยให้รู้ว่าสินเชื่อแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
- ยอดผ่อนชำระ ยอดผ่อนชำระรายงวดของดอกเบี้ยคงที่จะต่ำกว่าดอกเบี้ยลดต้นลดดอก และจะมียอดผ่อนเท่ากันทุกงวด ต่างจากดอกเบี้ยลดต้นลดดอกที่มียอดผ่อนชำระสูงในช่วงแรก และค่อย ๆ ลดลงตามเงินต้นคงเหลือ
- จำนวนดอกเบี้ยทบต้น ดอกเบี้ยทบต้น คือดอกเบี้ยที่คิดรวมกับดอกเบี้ยสะสมในงวดก่อนหน้า โดยหากค้างชำระสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ดอกเบี้ยที่ต้องชำระในงวดถัดไปจะมากกว่าสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแบบคงที่ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากเงินต้นคงค้าง จะถูกนำไปคิดทบรวมกับเงินต้นและดอกเบี้ยในงวดถัดไป
- สินเชื่อที่ใช้คำนวณ สินเชื่อที่คำนวณแบบลดต้นลดดอก คือ สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อบ้านในช่วงหมดโปรโมชัน แต่สินเชื่อที่นิยมคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ คือ สินเชื่อแบบเช่าซื้อ เช่น สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ หรือ สินเชื่อรถยนต์ นิยมคำนวณแบบอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่
ดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) มีการคิดอัตราดอกเบี้ยอย่างไร?
หลักการคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ หรือ Flat Rate คือการคิดจากดอกเบี้ยเงินต้นครั้งแรกตลอดอายุสัญญา แม้ว่าผู้กู้จะมีการชำระเงินต้นไปบางส่วนแล้วก็ตาม โดยสามารถแบ่งวิธีคำนวณเป็นดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องชำระ และจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด ตามสูตรดังนี้
ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องชำระ = เงินต้น X อัตราดอกเบี้ยต่อปี X จำนวนปี
จำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด = (เงินต้น + ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องชำระ) / จำนวนงวด
ยกตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยคงที่เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น เช่น นาย A ซื้อมอเตอร์ไซค์ในราคา 70,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 9.90% ต่อปี ผ่อนชำระ 72 งวด (6 ปี)
ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องชำระ = 70,000 X 9.90% X 6 = 41,580 บาท
จำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด = (70,000 + 41,580) / 12 = 9,298.33 บาท
Flat Rate คืออัตราดอกเบี้ยคงที่ คำนวณง่าย ชำระเท่าเดิมตลอดสัญญา
Flat Rate คืออัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ มักใช้คำนวณกับสินเชื่อเช่าซื้อ เช่น สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งมีลักษณะการคิดดอกเบี้ยแบบรายงวด และยอดชำระเท่าเดิมตลอดสัญญา ส่วนการคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate) มักพบในสินเชื่อส่วนบุคคล เช่น บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด เป็นต้น ด้วยความแตกต่างในการคำนวณดอกเบี้ย ทำให้ต้องศึกษาว่าสินเชื่อที่คุณต้องการคิดดอกเบี้ยแบบใด เพื่อวางแผนทางการเงินได้ตรงตามเป้าหมายมากที่สุด
หากกำลังต้องการแหล่งเงินด่วน ที่ให้คุณวางแผนทางการเงินได้อย่างอิสระ ต้องไม่พลาดกับบัตรกดเงินสด KTC PROUD ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่คิดดอกเบี้ยแบบ Effective Rate ยิ่งจ่ายมาก ดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดยิ่งลดลง พร้อมโปะหนี้ปิดยอดได้ทันทีที่ต้องการ บัตรกดเงินสด KTC PROUD พกไว้ไม่สะดุด สะดวกทุกการใช้จ่าย
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
บัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวช่วยจัดการเงินด่วน ได้อย่างอิสระ
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี