เมื่อพูดถึงสิ่งสำคัญในการขอสินเชื่อ หลายคนอาจนึกถึงเอกสารแสดงรายได้ที่ต้องเตรียมให้พร้อม แต่รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่ออย่างมากก็คือ "เครดิตสกอริ่ง" (Credit Scoring) โดยคะแนนนี้เปรียบเสมือนดัชนีชี้วัดความน่าเชื่อถือทางการเงินที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือยังไม่เข้าใจดีนัก เพราะฉะนั้นเราจะพาคุณไปทำความรู้จักว่า เครดิตสกอริ่ง คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ และคุณจะเพิ่มคะแนนนี้ให้โดดเด่นได้อย่างไร เพื่อเตรียมพร้อมรับทุกโอกาสทางการเงินในอนาคต
เครดิตสกอริ่ง คืออะไร ?
เครดิตสกอริ่ง คือ คะแนนที่บ่งบอกถึงความสามารถและความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ของบุคคล ซึ่งถูกประมวลผลจากประวัติการเงินและการชำระหนี้ในอดีต โดยสถาบันข้อมูลเครดิต เช่น บริษัทเครดิตบูโร จะรวบรวมข้อมูลและคำนวณออกมาเป็นตัวเลข คะแนนนี้ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินว่าผู้ขอสินเชื่อมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้มากน้อยเพียงใด
คะแนนเครดิตสกอริ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง ?
- ยอดหนี้คงเหลือ/ยอดหนี้ที่ใช้ เมื่อเปรียบเทียบกับวงเงินสินเชื่อ
เปอร์เซ็นต์การใช้วงเงินสินเชื่อ (Credit Utilization Ratio) เป็นตัวชี้วัดว่าสินเชื่อที่คุณใช้เปรียบเทียบกับวงเงินที่ได้รับทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ การใช้วงเงินต่ำแสดงถึงการจัดการหนี้ที่ดีและช่วยเพิ่มคะแนน - ยอดหนี้คงเหลือ/ยอดหนี้ที่ใช้ รวมแต่ละประเภทสินเชื่อ
การคำนวณนี้รวมยอดหนี้จากสินเชื่อหลายประเภท เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรถยนต์ เพื่อดูว่าหนี้สินรวมทั้งหมดอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้หรือไม่ - จำนวนบัญชีที่เพิ่งเปิด แต่ละประเภทสินเชื่อ
การเปิดบัญชีใหม่ในช่วงเวลาสั้นๆ บ่อยครั้งอาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงทางการเงิน คะแนนอาจลดลงในกรณีที่มีบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - จำนวนเงินคงค้างล่าสุด
แสดงถึงหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระในรอบล่าสุด หากมียอดค้างชำระสูง คะแนนอาจลดลงเนื่องจากสะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ต่ำลง - ความยาวของประวัติสินเชื่อตามแต่ละประเภทสินเชื่อ
ระยะเวลาที่คุณใช้งานสินเชื่อประเภทต่างๆ มีผลต่อคะแนน ยิ่งประวัติการใช้งานยาวนานและมีความน่าเชื่อถือ คะแนนยิ่งดีขึ้น - จำนวนบัญชีที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี
บัญชีที่มีการชำระเงินตรงเวลาช่วยเพิ่มคะแนนเครดิต เพราะสะท้อนถึงวินัยและความรับผิดชอบทางการเงิน - ความยาวของบัญชีสินเชื่อที่มี
อายุของบัญชีสินเชื่อที่เปิดใช้งานยาวนานและยังคงมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ คะแนนจึงเพิ่มขึ้นตาม - ความถี่การสมัครสินเชื่อใหม่
การสมัครสินเชื่อใหม่หลายครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ อาจส่งผลลบต่อคะแนน เพราะถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงทางการเงิน
เครดิตสกอริ่ง คือ ระบบการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคล ยิ่งคะแนนสูง โอกาสได้สินเชื่อดียิ่งขึ้น
คะแนนเครดิตบูโร ระดับไหนดี ?
คะแนนเครดิตบูโรเป็นตัวเลขที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือทางการเงิน โดยมักอยู่ในช่วง 300-850 คะแนน ยิ่งคะแนนสูง ยิ่งสะท้อนถึงความสามารถในการจัดการหนี้ได้ดี ซึ่งสถาบันการเงินใช้เกณฑ์นี้ในการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อและเงื่อนไขต่างๆ โดยทั่วไป
หากคุณต้องการขอสินเชื่อด้วยเงื่อนไขที่ดีที่สุด ควรมีคะแนนเครดิตบูโรอยู่ในช่วง 700 คะแนนขึ้นไป เพื่อแสดงถึงความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ หากมีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์นี้ ควรปรับปรุงการจัดการหนี้ เช่น ชำระเงินตรงเวลา ลดการใช้วงเงินเกินจำเป็น และหลีกเลี่ยงการสมัครสินเชื่อใหม่บ่อยครั้ง เพื่อยกระดับคะแนนของคุณให้ดีขึ้นในระยะยาว
เครดิตสกอริ่งสำคัญต่อการขอสินเชื่อยังไง?
เครดิตสกอริ่งเป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือทางการเงินที่สถาบันการเงินใช้ประเมินผู้ขอสินเชื่อ คะแนนสูงช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ พร้อมเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น ได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้รับวงเงินสูง ในขณะที่คะแนนต่ำอาจทำให้ถูกปฏิเสธหรือได้รับเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น
ขอเครดิตสกอริ่งตัวเองได้ที่ไหน?
- สำนักงานเครดิตบูโร (ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาสำนักใหญ่) สามารถไปขอตรวจสอบเครดิตบูโรที่สำนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาสำนักใหญ่ หรือที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ โดยใช้บัตรประชาชนและมีค่าธรรมเนียมประมาณ 100-150 บาท
- แอปพลิเคชันธนาคาร หลายธนาคารให้บริการตรวจสอบเครดิตสกอริ่งผ่านแอปพลิเคชัน เช่น SCB EASY, Krungthai NEXT, หรือ KMA
- เคาน์เตอร์ธนาคารพันธมิตร ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ก็มีบริการตรวจสอบเครดิตบูโรที่เคาน์เตอร์
- บริการออนไลน์ ตรวจเครดิตสกอริ่ง ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของเครดิตบูโร (National Credit Bureau)
- ไปรษณีย์ไทย กรอกแบบฟอร์มและส่งเอกสารเพื่อขอรายงานเครดิตบูโร
เพิ่มเครดิตสกอริ่งทำอย่างไร?
- ชำระหนี้ตรงเวลา การชำระหนี้ทุกประเภท (เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล) ให้ตรงตามกำหนดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คะแนนเครดิตดีขึ้น เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความรับผิดชอบทางการเงิน
- ลดการใช้วงเงินสินเชื่อ การรักษาอัตราการใช้วงเงินสินเชื่อ (Credit Utilization Ratio) ให้อยู่ในระดับต่ำจะช่วยเพิ่มคะแนนเครดิต โดยปกติแล้ว ควรใช้วงเงินไม่เกิน 30% ของวงเงินที่ได้รับ
- เพิ่มประวัติสินเชื่อ การเปิดบัญชีใหม่และใช้งานสินเชื่ออย่างต่อเนื่องสามารถช่วยเพิ่มประวัติการชำระเงินที่ดี แต่การเปิดบัญชีใหม่บ่อยๆ อาจลดคะแนนเครดิตได้
- หลีกเลี่ยงการยืดเวลาชำระหนี้ การเลื่อนการชำระหนี้หรือการขอสินเชื่อใหม่หลายครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกันจะส่งผลลบต่อคะแนนเครดิต
- ใช้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ หากสามารถทำได้ ควรใช้สินเชื่อในปริมาณที่เหมาะสมกับรายได้และการชำระหนี้ที่สามารถทำได้ตามกำหนด
การมีเครดิตสกอริ่งที่ดีไม่เพียงแต่จะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น แต่ยังเพิ่มโอกาสได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม เพราะฉะนั้นการจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต
สมัครบัตรเครดิต KTC วันนี้ เพื่อให้การบริหารค่าใช้จ่ายและการจัดการการเงินของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น พร้อมรับสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ามากมาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณ หากสนใจ สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านออนไลน์ได้แล้วทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC