เที่ยวฟินแถมได้มูกับ 9 พิกัดไหว้พระ ขอพร เสริมสิริมงคลทั่วเอเชีย พร้อมเจาะลึกเทคนิคเคล็ด(ไม่)ลับการขอพรให้สมปรารถนา ทั้งด้านการเงิน การงาน และความรัก
ประเทศไหนที่ควรไปมู?
หากพูดถึงประเทศที่ สายมู ต้องไปเยือนเพื่อเสริมโชคลาภ การเงิน การงาน และความรัก มีหลายแห่งในเอเชียที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และพลังแห่งศรัทธา อาทิ ฮ่องกง ที่มีวัดหวังต้าเซียนและเทพเจ้าแชกงสำหรับเสริมดวงธุรกิจและโชคลาภ, ญี่ปุ่น กับวัดเซนโซจิและศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริที่โด่งดังเรื่องความสำเร็จ, ไต้หวัน กับวัดหลงซานที่ผู้คนนิยมขอพรด้านความรักและเงินทอง, สิงคโปร์ กับวัดพระเขี้ยวแก้วและศาลเจ้าเทพทันใจสำหรับดึงดูดทรัพย์ และ ไทย ที่มีวัดพระแก้ว ศาลหลักเมือง และพระตรีมูรติที่สายมูนิยมไปขอพรด้านความรัก การเดินทางไปมูในประเทศเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมดวง แต่ยังเป็นโอกาสดีในการท่องเที่ยวและสัมผัสวัฒนธรรมความเชื่อที่หลากหลายทั่วเอเชียอีกด้วย
วันนี้ KTC ขอแนะนำ 9 ประเทศที่สายมูต้องไปเยือนสักครั้ง! นอกจากจุดหมายปลายทางยอดฮิตอย่าง ฮ่องกง, ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการไหว้พระขอพรแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าเป็น พิกัดมูเตลูสุดปัง
1. เทพทันใจนัตโบโบยี เจดีย์โบตาทาวน์ (Botahtaung Pagoda) - ย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนิยมเดินทางไปไหว้ขอพรในพม่า ก็คือองค์เทพทันใจนัตโบโบยี ที่ประทับอยู่ในวัดเจดีย์โบตาทาวน์ อดีตสถานที่ประดิษฐานชั่วคราวของพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ในระหว่างที่รอการนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ชเวดากองหลังการก่อสร้างเสร็จ ชาวพม่าเชื่อว่าเทพนัตโบโบยี เป็นเทพที่คอยปกปักรักษาพระเกศธาตุในเจดีย์โบตาทาวน์มาอย่างช้านาน ใครก็ตามที่มาขอพรกับท่านก็มักจะสมหวังกันทุกราย โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง และบารมีที่จะช่วยเสริมดวงให้ชีวิตราบรื่นในทุก ๆ ด้านทันตาเห็น สมชื่อเทพทันใจ การขอพรเทพทันใจ ต้องสักการะด้วยดอกไม้และผลไม้ มีขั้นตอนการขอพรคือ ให้ถือธนบัตรจำนวน 2 ใบ จากนั้นไหว้อธิษฐานขอพรเพียงข้อเดียว ห้ามเปลี่ยนใจ อธิษฐานเสร็จแล้วดึงธนบัตรคืนมาเก็บไว้ 1 ใบ แล้วยื่นหน้าผากไปแตะที่ปลายนิ้วขององค์เทพ เสร็จแล้วให้เดินวนรอบองค์อีก 3 รอบ เพื่อให้พรสัมฤทธิ์ทันใจ
2. ห้องลับใต้ดิน วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) - ฮ่องกง
ห้องลับที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินวัดหวังต้าเซียน หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดด้ายแดง หนึ่งในวัดเต๋าชื่อดังของฮ่องกง โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และเป็นจุดหมายหลักของคนไทยสายมู ในการมาไหว้พระขอพรกับเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ ไม่ว่าจะเป็น เทพเจ้าหวังต้าเซียน เจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าหยุคโหลว (เทพเจ้าแห่งความรัก) และขงจื๊อ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไม่ค่อยรู้อย่างเทพไท้ส่วยเอี้ยทั้ง 60 องค์ ที่ตั้งอยู่ในโถงห้องลับใต้ดิน (Tai Sui Yuenchen Hall) เรียงตัวกันเป็นวงกลมล้อมรอบยันต์หยินหยาง 8 ทิศ ที่ศักดิ์สิทธิ์มากในเรื่องของโชคลาภ ให้มาสักการะอย่างพิเศษกว่าใคร พร้อมชมความงามภายในที่ตกแต่งด้วยเครื่องปั้นดินเผาโบราณ เสามงคลยักษ์ และไฟเพดานสุดอลังการราวกับท้องฟ้าจักรวาลตามความเชื่อของลัทธิเต๋า การสักการะเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยที่ถูกต้องคือ การบูชาด้วยธูป 3 ดอก พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุล และวันเดือนปีเกิด ลงบนกระดาษแล้วถือไว้ระหว่างสักการะ เริ่มด้วยการไหว้เทพคุ้มดวงประจำปี ต่อด้วยเทพคุ้มครองประจำตัว แล้วมายืนอธิษฐานบริเวณวงกลมหยินหยางในยันต์ 8 ทิศ โดยการแนะนำตัวและขอพรต่อหน้าองค์เทพไท้ส่วยเอี้ยทั้ง 60 องค์ เสร็จแล้วนำกระดาษมาปัดตัวตั้งแต่หัวลงมาทั้งหมด 13 ครั้ง ก่อนหย่อนลงในตู้ที่ทางวัดเตรียมไว้ เพื่อนำไปทำพิธีเสริมสิริมงคลต่อไป
3. บัลลังก์ 3 เทพฮินดู ปุราเบซากิห์ (Pura Besakih) - บาหลี อินโดนีเซีย
วัดฮินดูขนาดใหญ่จากศตวรรษที่ 8 ที่มีความสำคัญที่สุดในเกาะบาหลี จนถูกยกให้เป็นวัดหลวง (Mother Temple) ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เหนือวัดทั้งปวง ในอาณาเขตประกอบไปด้วย 23 วัด และเจดีย์โบราณที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามไหล่เขาที่เรียงตัวเป็นขั้นบันไดทั้ง 7 ชั้น โดยมีวัดที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุด 1,058 ม. เหนือระดับน้ำทะเล คือวัดปุราเบซากิห์ หรือวัดเบซากิห์ มีจุดถ่ายมุมมหาชนคือ ประตูสวรรค์ Pura Lempuyang บันไดทางขึ้นสู่ประตูหินขนาดใหญ่ที่มีภูเขาไฟอากุงที่สูงที่สุดในบาหลีเป็นฉากหลัง สามารถเดินเที่ยวชื่นชมความงามที่สะท้อนศิลปะวัฒนธรรมของชาวบาหลีตามคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูได้อย่างเต็มอิ่ม แล้วปิดท้ายด้วยการไปสักการะต่อหน้าบัลลังก์แห่ง 3 เทพฮินดู (ตรีมูรติ) โดยเฉพาะบัลลังก์ของเทพเจ้าสูงสุดอย่างพระศิวะที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา ซึ่งเลื่องลือมากในด้านความศักดิ์สิทธิ์ ขออะไรก็ได้สมหวังแทบทุกประการ สิ่งสำคัญในการขอพรกับองค์พระศิวะคือ การเตรียมเครื่องไหว้ เช่น น้ำดื่มสะอาด นมสด ดอกไม้ เครื่องหอม ผลไม้ ขนมหวานและธัญพืช โดยห้ามถวายอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ จากนั้นให้จุดธูปจำนวน 9 ดอก ก่อนสวดคาถาบูชา แล้วจึงอธิษฐานขอพรทีหลังสุด
4. หินแต่งงาน (Meoto Iwa) - มิเอะ ญี่ปุ่น
พิกัดสายมูด้านความรักที่ว่าที่คู่บ่าวสาวชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอพรผูกข้อมือกันก่อนเข้าพิธีวิวาห์ ต่อหน้าหินแต่งงานในบริเวณศาลเจ้าฟุตามิโอคิทามะ (Futami Okitama Shrine) ในเมืองอิเสะชิมะ จังหวัดมิเอะ โดยชื่อ “หินแต่งงาน” ถูกเรียกตามลักษณะของโขดหินกลางทะเล 2 ก้อนที่ผุดขึ้นมาคู่กัน และถูกผูกชะตาเข้าด้วยกันโดยเชือกมงคล “ชิเมนาวะ” (Shimenawa Rope) ที่ใช้คล้องศีรษะคู่บ่าวสาวในพิธีแต่งงาน ซึ่งตามตำนานเชื่อว่าเป็นตัวแทนของคู่สามีภรรยาอย่าง เทพอซานาวิ (Izanagi no Okami) และเทพอิซานามิ (Izanami no Okami) ผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลกและให้กำเนิดเทพต่าง ๆ อีกมากมาย ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมของคู่รักคู่แต่งงานในการมาขอพร เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้คำอธิษฐานด้านความรักเป็นจริง ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่รักอยู่แล้วก็ตาม และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ก็คือ รูปปั้นกบบริเวณรอบศาลเจ้า ซึ่งคำว่ากบในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงคล้ายคำว่าการกลับมา ถ้าได้มาสักการะก็จะทำให้คนที่พลัดพรากจากกันได้กลับมาอยู่ด้วยกันนั่นเอง การขอพรกับหินแต่งงานต้องไปที่ศาลเจ้าฟุตามิโอคิทามะ โดยการเขียนชื่อตัวเอง ชื่อคนรัก หรือคนที่หลงรักลงไปบนแผ่นป้ายขอพร แล้วนำไปผูกเชือกแขวนไว้คู่กันบนกระดานขอพร เชื่อกันว่าจะช่วยให้สมหวังด้านความรักและครองคู่รักกันไปนานแสนนาน ใครที่อยากขอเนื้อคู่แนะนำให้มาขอพร ในช่วงวันที่ 5 พ.ค. วันที่ 5 ก.ย. และวันที่ 15 ธ.ค. ของทุกปี เพราะจะมีพิธีเปลี่ยนเชือกมงคลชิเมนาวะ ซึ่งว่ากันว่าเป็นช่วงที่มาขอแล้วจะสมหวังกันถ้วนหน้า
5. องค์เทพเยว่เหล่า วัดเสียไห่เฉิงหวง (Taipei Xia-Hai City God Temple) - ไทเป ไต้หวัน
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1859 ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ ภายในมีเทพประดิษฐานหลายองค์ที่โจษจันกันในเรื่องขอพรด้านความรัก แต่องค์ที่ได้ชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดคือ องค์พระประธานเทพเฉิงหวง เทพผู้ปกปักษ์รักษาเมืองที่ถูกเคลื่อนย้ายมาจากมลทลฟูเจี้ยน (Fujian) ของจีนในยุคราชวงศ์ฉิง และอยู่คู่เมืองไทเปมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก แต่ละวันจะมีชาวไทเปและนักท่องเที่ยวเดินทางมาขอพรกันไม่ขาดสาย ทั้งวัยรุ่นที่มาขอพรเรื่องความรัก ไปจนถึงคู่รักที่มาขอพรให้ชีวิตคู่ที่ราบรื่นไปตลอด เริ่มต้นการสักการะต่อหน้าเทพเทียนกง (The Sky God) โดยจุดธูป 3 ดอก และบอกชื่อนามสกุล อายุ แล้วกราบ 3 ครั้ง จากนั้นให้เดินเข้าทางประตูขวา แล้วขอพรกับเทพเฉิงหวง (The City God) เทพเย่วเหล่า (The Match Maker) และเทพเฉิงหวงฝูเหยิน (Wife of the City God) ตามลำดับ เมื่อไหว้เสร็จแล้วให้ซื้อรองเท้านำโชค ถือเดินวนกระถางธูป 3 รอบ แล้วนำไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน หันหัวรองเท้าเข้าหาตู้ เชื่อว่าจะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นไม่มีสะดุด
6. พระธาตุศรีสองรัก - จังหวัดเลย ไทย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2103 ณ จุดกึ่งกลางระหว่างแม่น้ำโขงกับแม่น้ำน่านบนโคกไม้ เพื่อเป็นสักขีพยานในการสมานฉันท์ปรองดองระหว่างพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา (ไทย) และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง (ลาว) เพื่อสร้างความมั่นคงและป้องกันการรุกรานของพม่า ดังนั้นพระธาตุศรีสองรักจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งสัจจะไมตรีของทั้งสองแผ่นดิน และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ด้านการให้พรเรื่องความรักที่ได้รับความเคารพนับถือกันเป็นอย่างมาก และในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของปีจะมีการจัดพิธีฉลองสมโภชพระธาตุ ให้ผู้ที่ศรัทธาได้มาสักการะร่วมขอพรเสริมสิริมงคลให้ชีวิต ความเชื่อต้องห้ามเพียงข้อเดียวในการมาขอพรกับพระธาตุศรีสองรักคือ ห้ามใส่เสื้อผ้าสีแดง หรือพกพาสิ่งของที่มีสีแดงเข้าไป เพราะเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นจากเหตุสงคราม และสีแดงเปรียบได้ดั่งเลือด ซึ่งไม่ควรจะนำเข้าไปใกล้องค์พระธาตุฯ
วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Temple) - มาเก๊า จีน
หนึ่งในสามวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า มรดกแห่งราชวงศ์หยวนที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1627 เพื่อถวายแด่พระโพธิสัตว์กวนอิม ภายในประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดเจ้าสาวของจีนที่ได้รับการตัดเย็บด้วยผ้าไหมอย่างดี และจะมีการเปลี่ยนชุดใหม่ทุกปี นอกจากนี้บริเวณรอบข้างยังรายล้อมไปด้วยรูปหล่อของเหล่า 18 อรหันต์ รวมถึงตำหนักองค์ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ และตำหนักพระไวโรจนพุทธะที่ผู้คนนิยมมาขอพรในเรื่องสุขภาพให้แข็งแรงอีกด้วย โดยการมาขอพรควรเริ่มจากตำหนักที่อยู่ด้านในสุด แล้วไล่ออกมาจนถึงตำหนักหน้าที่อยู่ใกล้ประตูทางออกมากที่สุด ใครที่กำลังจะเริ่มทำธุรกิจหรืออยากให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ แนะนำว่าต้องมาไหว้ขอพรและเช่าสัตว์มงคลปี่เซี๊ยะ กลับไปบูชาเป็นเครื่องรางเรียกทรัพย์ วิธีขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ พิธีขอยืมเงินจากเจ้าแม่ โดยแลกเปลี่ยนกับชุดเครื่องเซ่นไหว้ที่ประกอบด้วยธูปเทียน ดอกไม้ และปึกกระดาษเงิน กระดาษทอง จากนั้นบูชาด้วยการจุดเทียน 1 คู่ ปักลงบนกระถางซ้าย-ขวา จุดธูปแท่งใหญ่ปักลงในกระถางกลาง แล้วจุดธูปเล็กอีก 1 กำมือ นำไปปักในกระถางที่ตั้งเรียงรายจากบริเวณหน้าองค์เจ้าแม่กวนอิมออกไปจนถึงหน้าวัด กระถางละ 3 ดอก เป็นอันเสร็จพิธี
7. เจดีย์หกเหลี่ยมและต้นศรีมหาโพธิ์ วัดเฉินก๊วก (Chua Tran Quoc) - ฮานอย เวียดนาม
วัดโบราณวิวสวย ริมทะเลสาบใจกลางเมืองหลวงของเวียดนาม ภายในมีองค์เจดีย์ที่สำคัญและเก่าแก่จากศตวรรษที่ 6 สร้างโดยจักรพรรดิ Le Huy Tong ในรูปแบบจีนผสมเวียดนาม มีลักษณะเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม แต่ละด้านจะมีช่องหน้าต่างเรียงตัวกันเป็นชั้น ๆ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายสิบองค์ ด้านหลังเป็นที่ตั้งของ “ต้นมหาโพธิ์ใหญ่” ซึ่งได้รับมอบมาจากนายกรัฐมนตรีอินเดีย และมีความเชื่อกันว่าเป็นต้นมหาโพธิ์ที่มีจุดกำเนิดสืบต่อมาจากต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าชายสิทธัตถะประทับนั่งตรัสรู้ เป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา เทคนิคการขอพรกับต้นมหาโพธิ์คือ ก่อนขอพรให้หยิบใบโพธิ์ที่ร่วงมาถือไว้ขณะที่กำลังอธิษฐาน เมื่อขอพรเสร็จให้นำใบโพธิ์กลับไปวางไว้ใต้ต้นมหาโพธิ์อีกครั้ง เชื่อว่าเป็นการส่งข้อความไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
8. องค์พระทันตธาตุ วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) - สิงคโปร์
วัดศักดิ์สิทธิ์ของสิงคโปร์ สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 2007 นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมแบบวัดพุทธจีนสมัยราชวงศ์ถังที่สวยงามโดดเด่นแล้ว ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนไว้มากมายภายใต้อารามหลังใหญ่ที่มีทั้งหมด 9 ชั้น ไฮไลท์อย่างแรกคือ ห้องพระทันตธาตุชั้น 4 ที่ประดิษฐานพระทันตธาตุซ้ายหรือ ฟันเขี้ยวด้านซ้ายของพระพุทธเจ้า ทำจากทองคำแท้หนัก 320 กม. และมีน้ำหนักรวมกันถึง 3,500 กม. ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดและทำให้มีผู้ศรัทธาหลั่งไหลมาขอพรในเรื่องสุขภาพและความสำเร็จในหน้าที่การงานกันเป็นจำนวนมาก บริเวณชั้นดาดฟ้าที่มีเจดีย์แบบซุ้มตำหนักจีนขนาดใหญ่ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวนมากตั้งรายล้อม จนได้ฉายาว่า “เจดีย์หมื่นองค์” (Ten Thousand Buddhas Pagoda) และมีระฆังหมุนขนาดยักษ์ตั้งอยู่ โดยได้รับอิทธิพลมาจากกงล้ออธิษฐานของธิเบตที่เชื่อกันว่าถ้าได้มาเดินสักการะรอบระฆัง จะช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง ชั้นอื่น ๆ ก็ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใสอีกมากมาย เช่น ห้องโถงพุทธิปัญญาสากลที่มีองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ประทับอยู่ โซนพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมทางพุทธศาสนา และสวนกล้วยไม้ตกแต่งแบบเซนโบราณ เป็นต้น ขั้นตอนขอพรให้เริ่มสักการะองค์พระทันตธาตุที่ชั้น 4 ก่อน จากนั้นค่อยขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าเพื่อขอพรต่อหน้าองค์เจดีย์ โดยหลังจากอธิษฐานเสร็จ จะต้องเดินสักการะรอบเจดีย์ตามเข็มนาฬิกาให้ครบ 3 รอบ ถือเป็นการทำพิธีสะเดาะเคราะห์และช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง
ไม่ว่าจะเดินทางไป มูไหว้พระขอพร ที่ประเทศไหน อย่าลืมใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC เพื่อให้ทุกทริปคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่าเดินทาง หรือช้อปปิ้งเครื่องรางมงคล ทุกยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะได้รับ คะแนน KTC FOREVER ที่สามารถนำไปแลกรับ ส่วนลดพิเศษ เครดิตเงินคืน หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้คุณได้ประหยัดและเพลิดเพลินกับการเดินทางสายมูได้อย่างเต็มที่ เลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ แล้วสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ได้ง่ายๆ พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายเป็นเรื่องสบายๆ!
ทุกทริปเที่ยว คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC