"สาเก" เป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของญี่ปุ่น ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "นิฮงชู" นอกจากจะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมแล้ว สาเกยังเป็นของฝากญี่ปุ่นยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัยอีกด้วย บทความนี้ KTC จะพาไปดูว่าสาเกญี่ปุ่นมีกี่แบบ มีวิธีการเลือกสาเกอย่างไร พร้อมแนะนำยี่ห้อสาเกที่น่าสนใจสำหรับซื้อเป็นของฝากในปี 2025
สาเก ทำจากการหมักส่วนผสมหลักสามอย่าง ได้แก่ ข้าว น้ำ และโคจิ
ประเภทของสาเกญี่ปุ่น
"สาเก" ผลิตจากการหมักส่วนผสมหลักสามอย่าง ได้แก่ ข้าว น้ำ และโคจิ (ข้าวมอลต์) โดยโคจิทำหน้าที่เปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล จากนั้นจึงหมักกับยีสต์จนได้เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 10-20% แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นมีกรรมวิธีการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้สาเกญี่ปุ่นมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีรสชาติและคุณลักษณะที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- เซชุ (Seishu)
สาเกทั่วไปที่ผ่านการกรองจนใส เป็นพื้นฐานสำหรับสาเกประเภทอื่นๆ
- จุนไม (Junmai)
สาเกบริสุทธิ์ที่ทำจากข้าว น้ำ และโคจิ มีรสชาติเข้มข้น ไม่หวาน และมีความเป็นกรดสูง
- กินโจ (Ginjo)
สาเกคุณภาพสูงที่ผ่านการขัดสีข้าวมากกว่า 60% มีกลิ่นหอมของผลไม้และรสชาตินุ่มนวล
- ไดกินโจ (Daiginjo)
สาเกระดับพรีเมียมที่ผ่านการขัดสีข้าวมากกว่า 50% มีกลิ่นหอม รสชาติละมุน มีความละเอียดและซับซ้อนมากที่สุด
- ฮงโจโซ (Honjozo)
สาเกที่เติมแอลกอฮอล์เล็กน้อยระหว่างการผลิต ทำให้มีรสชาตินุ่มนวลและดื่มง่าย
- นามะซาเกะ (Namazake)
สาเกที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ มีรสชาติผลไม้สดชื่น ดื่มง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มดื่มสาเก ต้องเก็บในตู้เย็นและมีอายุการเก็บรักษาสั้น
- นิโกริ (Nigori)
สาเกที่ไม่ผ่านการกรอง มีลักษณะขุ่นและมีรสชาติหวานกว่าสาเกทั่วไป
สาเก มีทั้งหมด 7 ประเภท ขึ้นอยู่กับการหมักและรสชาติ
วิธีเลือกสาเก
การเลือกสาเกที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สามารถพิจารณาได้จากข้อมูลบนฉลาก ซึ่งจะระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น ประเภทของสาเก ระดับการขัดสีข้าว และลักษณะรสชาติ โดยปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึง มีดังนี้
- ระดับการขัดสีข้าว ยิ่งข้าวถูกขัดสีมาก สาเกจะยิ่งมีคุณภาพสูงและราคาแพงขึ้น โดยอัตราการขัดสีข้าวที่นิยม ได้แก่ 50% 60% และ 70%
- วันที่ผลิต สาเกที่ผลิตใหม่มักจะมีรสชาติดีกว่า ควรเลือกสาเกที่ผลิตมาไม่เกิน 1 ปี
- ระดับแอลกอฮอล์ สาเกทั่วไปมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 15-16% แต่บางยี่ห้ออาจมีสูงถึง 20%
- ราคา แม้ว่าราคามักจะสะท้อนคุณภาพของสาเก แต่ไม่จำเป็นว่าสาเกที่แพงที่สุดจะเหมาะกับทุกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล
- ค่าของสาเก (Sake Meter Value : SMV) คือ ค่าที่บ่งบอกถึงระดับความหวานของสาเก หากค่าวัดของสาเกนั้นเป็นลบก็จะยิ่งมีรสชาติหวาน หากค่าเป็นบวกก็จะมีความเผ็ดในคอมากขึ้น โดยปกติแล้วค่าวัดสาเกจะอยู่ประมาณ -5 ถึง +5
1.Hakutsuru – Standard Jyosen
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
เฮียวโงะ (Hyogo) |
+3 |
จุนไม |
ขนาด 720 มล. |
สาเกที่ผลิตตามวิถีดั้งเดิมของญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 250 ปี มาพร้อมรสชาติกลมกล่อมและดื่มง่าย ทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นดื่มสาเก สามารถเพลิดเพลินได้ทั้งแบบร้อน เย็น หรือที่อุณหภูมิห้อง นอกจากนี้ยังเข้ากันได้ดีเมื่อรับประทานคู่กับเต้าหู้และของทอดต่างๆ เช่น เทมปุระ
2.Asahi Shuzo – Kubota
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
นีงาตะ (Niigata) |
±0 |
จุนไม ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกระดับพรีเมียมมีรสชาติที่ละเอียดลึก มีกลิ่นหอมของลูกแพร์และเมล่อนเบาๆ เหมาะสำหรับการดื่มในโอกาสพิเศษ ด้วยความที่ดื่มง่ายและมีความสมดุลระหว่างความหวานและขม
3.Hakkaisan – Awa
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
นีงาตะ (Niigata) |
-5 |
สปาร์กลิง ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกสปาร์คลิงระดับพรีเมียมที่ใช้กระบวนการหมักในขวดตามธรรมชาติ ทำให้ได้สาเกที่มีความใสและประกายแวววาว รสชาติกลมกล่อมและหอมแบบอ่อนโยน เหมาะสำหรับการทานคู่กับมื้อค่ำที่ให้ประสบการณ์การดื่มที่แตกต่างจากสาเกทั่วไป
4.Suishin – Kyukyoku no Suishin
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
ฮิโรชิมะ (Hiroshima) |
+2.5 |
ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกที่ผลิตโดยใช้น้ำจากภูเขาทาคาโนะ เป็นสาเกที่มีความนุ่มนวลเป็นพิเศษ มาพร้อมรสชาติหอมหวานและละมุนลิ้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสาเกชั้นเลิศของญี่ปุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทานคู่กับอาหารประเภทซูชิและซาชิมิ
5.Ozeki – Karatamba
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
เฮียวโงะ (Hyogo) |
+7 |
โฮโจโซ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกที่มีรสชาติกลมกล่อมและเข้มข้น ผลิตจากน้ำแร่ในเมืองทัมบะซึ่งมีสภาพภูมิอากาศบริสุทธิ์และปราศจากมลพิษ ได้รับการรับรองคุณภาพด้วยรางวัลระดับโลก 8 ปีติดต่อกัน เหมาะสำหรับการดื่มคู่กับอาหารรสจัด รสเผ็ด หรือของทอด
6.Hakutsuru – Daikinjo
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
เฮียวโงะ (Hyogo) |
+5 |
ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกพรีเมียมผลิตจากข้าวยามาดานิชิกิ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นข้าวที่ดีที่สุดสำหรับการผลิตสาเก มีกลิ่นหอมของผลไม้ รสเผ็ดปานกลาง และสัมผัสนุ่มนวล เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารรสอ่อน เช่น ซูชิ ซาชิมิ และเทมปุระ
7.Hakutsuru – Tojikan
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
เฮียวโงะ (Hyogo) |
+2 |
จุนไม ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกคุณภาพเยี่ยมผลิตโดยมาซาโอะ ทากาซาวะ โทจิ (ผู้เชี่ยวชาญการผลิตสาเก) ด้วยรสชาติเข้มข้น เผ็ดปานกลางของ Tojikan ทำให้เข้ากันได้ดีกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ชาบูชาบู ยากิโทริ และยากินิกุ สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
8.Zaku – Miyabi-no-Tomo Nakadori
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
มิเอะ (Mie) |
+3 |
จุนไม ไดกินโจ |
ขนาด 750 มล. |
สาเกระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงจากจังหวัดมิเอะ ได้รับการคัดสรรส่วนที่ดีที่สุดจากการบ่มสาเก ทำให้ได้รสชาติละมุนละไม หอมหวานสดชื่นและซับซ้อน เหมาะสำหรับการดื่มในโอกาสพิเศษ สามารถดื่มได้ดีทั้งแบบเย็นและที่อุณหภูมิห้อง
9.Asahi Shuzo – Senshin
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
นีงาตะ (Niigata) |
+2 |
จุนไม ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
Asahi Shuzo Senshin เป็นสาเกจุนไม ไดกินโจที่ขึ้นชื่อในด้านคุณภาพระดับสูง ผลิตจากโรงบ่มสาเกชื่อดังในจังหวัดนีงาตะ ข้าวที่ใช้ผ่านการขัดละเอียดถึง 28% ทำให้ได้รสชาติดี สดชื่นและมีความละเอียดอ่อน เหมาะสำหรับการดื่มในโอกาสพิเศษ
10.Asahi Shuzo – Kubota Manjyu
แหล่งผลิต |
ค่าของสาเก (SMV) |
ประเภทสาเก |
ราคา (เยน - บาท) |
นีงาตะ (Niigata) |
+2 |
จุนไม ไดกินโจ |
ขนาด 720 มล. |
สาเกที่มีรสชาติซับซ้อน โดดเด่นด้วยความสมดุลที่ลงตัวระหว่างรสอูมามิ ความหวาน และความเปรี้ยว มีกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ พร้อมทั้งโน้ตของสตรอว์เบอร์รีแห้งและถั่วที่เสริมความพิเศษให้กับรสชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์สาเกที่แตกต่างออกไป
สำหรับใครที่สงสัยว่าสาเกญี่ปุ่น กินยังไงและควรเลือกอย่างไร บทความนี้คงช่วยให้คุณได้ไอเดียในการเลือกสาเกเป็นของฝากไปได้บ้างแล้ว
หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่นในปี 2025 และเป็นสมาชิกบัตรเครดิต KTC JCB สามารถรับส่วนลดสูงสุด 15% ได้ง่ายๆ เมื่อจองบัตรโดยสารเที่ยวเดียว ไป-กลับ หรือการเดินทางหลายเมืองกับ Japan Airlines เฉพาะเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่ปลายทางในญี่ปุ่น ได้แก่ โตเกียว (นาริตะ, ฮาเนดะ) และโอซากา (คันไซ) โดยต้องจองผ่าน JAL Business on WEB (BOW) หรือเว็บไซต์ และชำระเงินด้วยบัตรเครดิต KTC JCB ทุกประเภท
- รายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติม คลิกเลย
- ระยะเวลาสำรองที่นั่งและเดินทาง : 15 ส.ค. 67 - 31 มี.ค. 68
ขั้นตอนการรับสิทธิ์
- เลือกค้นหาเที่ยวบิน
- ระบุรหัสบริษัท : TH992471
- ระบุหมายเลขลูกค้า : 607339
- ดำเนินการจองเที่ยวบิน
หมายเหตุ : ส่วนลดสามารถใช้ได้สำหรับการจองบัตรโดยสารในที่นั่งชั้นประหยัด, ชั้นประหยัดแบบพรีเมียม และชั้นธุรกิจ
สนใจรับสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นมากมาย สมัครบัตรเครดิตผ่านออนไลน์ได้ง่ายๆ ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC