ทริปในฝันจากฝรั่งเศสสู่อิตาลี บนรถไฟสายหรู Venice Simplon Orient Express หรือที่รู้จักในชื่อเดิมคือ The Orient Express ขบวนรถไฟเก่าแก่อายุ 140 ปี ครั้งหนึ่งถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเดินทางของโลก ซึ่งเชื่อมต่อยุโรปตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน มอบความหรูหราระดับตำนานที่เดินทางผ่านช่วงเวลาสำคัญของโลกทั้ง ยุคฟื้นฟูศิลปะ ยุคแห่งการค้า สงคราม และการปฏิวัติ จนโด่งดังสุดขีดเมื่อถูกจรดน้ำหมึกลงบนนวนิยายฆาตกรรมชื่อดังอย่าง “Murder on the Orient Express” จนผู้คนทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมานั่งขบวนรถไฟสายนี้กันสักครั้งในชีวิต เส้นทางใหม่ของ The Orient Express จะเริ่มต้นที่ปารีส ลัดเลาะผ่านทิวทัศน์งดงามของเมืองชนบทในฝรั่งเศส แวะพักเมืองสวยตามแนวชายฝั่งริเวียร่า (French Riviera) ชมเมืองน่ารักในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) อิตาลี และไปสิ้นสุดปลายทางที่ปอร์โตฟิโน (Portofino) หมู่บ้านตากอากาศริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อิ่มเอมเปรมใจไปกับประสบการณ์ล้ำค่า
ประวัติความเป็นมา Venice Simplon Orient Express
The Orient Express ก่อตั้งขึ้นในปี 1883 โดยบริษัท Compagnie Internationale des Wagons-Lits ก่อนจะยุติการให้บริการในปี 1977 และถูกชุบชีวิตขึ้นใหม่โดยบริษัท Belmond ในปี 1982 ซึ่งออกเดินทางตามหารถไฟ The Orient Express ที่ถูกทิ้งร้างทั้งหมด 35 ขบวนทั่วยุโรป นำมาฟื้นฟูสภาพให้กลับมามีชีวิตโลดแล่นบนรางอีกครั้งภายใต้ชื่อใหม่ Venice Simplon Orient Express
เส้นทางการเดินทางของ Venice Simplon Orient Express
ออกเดินทางจากชานชาลา Paris Gare de l'Est Station มุ่งหน้าสู่ดินแดนทางตะวันออกของฝรั่งเศส ด้วยขบวนรถไฟ Venice Simplon Orient Express เจ้าหน้าที่จะพาชมขบวนรถไฟที่ออกแบบสไตล์ Art Deco มีกลิ่นอายย้อนยุคไปในช่วงปี 90’s เพลิดเพลินวิวนอกหน้าต่างที่รถไฟวิ่งผ่านเมืองสำคัญริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่าง ดิฌอง ลียง อาวีญง และตูลง พักผ่อนในห้องพักแบบโรงแรม 5 ดาว ตกแต่งด้วยเบาะกำมะหยี่หรูหรา ลวดลายไม้ประดับเงาวับ
1. Dijon
จุดหมายแรกที่รถไฟวิ่งผ่านคือ ดิฌอง เมืองหลวงแห่งแคว้นเบอร์กันดี (Burgandy) อันเก่าแก่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ชมบรรยากาศเมืองโบราณ โอบล้อมด้วยทัศนียภาพภูเขาและแปลงเกษตรอันกว้างใหญ่ไพศาล ส่วนใหญ่นิยมทำไร่องุ่นและแปลงเมล็ดมัสตาร์ด ทำให้ดิฌองมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งผลิตไวน์และมัสตาร์ดดั้งเดิมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส กิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยมคือ การตามรอยเส้นทางนกฮูกนำโชค The Owl's Trail เตร็ดเตร่ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจทั่วเมือง เช่น Darcy Garden สวนสาธารณะสีเขียวกลางเมือง Place du Bareuzai ประตูเมืองโบราณ Place de la Liberation จัตุรัสประจำเมือง ร้านมัสตาร์ดเจ้าดัง Moutarde Maille และโบสถ์ Notre Dame ที่จะได้พบกับหินแกะสลัก The Owl of Dijon สัญลักษณ์ประจำเมืองที่เชื่อกันว่าหากได้ลูบด้วยมือซ้ายจะทำให้โชคดี
2. Lyon
จุดหมายต่อมาคือลียง มหานครขนาดใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส รองจากปารีสและมาร์กเซย เป็นเมืองหลวงของแคว้นโรน - แอลป์ (Rhone-Alpes) ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศส มีชื่อเสียงในฐานะเมืองแห่งภาพยนตร์ งานเทศกาล และสถาปัตยกรรมโกธิคเก่าแก่หลายศตวรรษ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Vieux Lyon เขตเมืองเก่ายุคกลาง Lumiere Institute พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ Rue Saint-Jean มหาวิหารสุดวิจิตรตระการตา และวิหารรอง Basilica of Notre-Dame de Fourvière ด้านธรรมชาติก็ไม่น้อยหน้า ด้วยทำเลที่ตั้ง ณ จุดบรรจบของแม่น้ำ Saone และ Rhone ก่อนไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันร่มรื่น มีฉากหลังเป็นภูเขา La Croix-Rousse และ Fourviere ที่เชื่อมต่อไปเทือกเขาเฟรนช์แอลป์ และเทือกเขาแอลป์ในอิตาลีหรือสวิตเซอร์แลนด์ได้อีกด้วย
3. Avignon
มาต่อกันที่อาวีญง เมืองเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ 539 ปีก่อนคริสตศักราช ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Rhone ในอดีตเคยถูกใช้เป็นเมืองที่ประทับของพระสันตะปาปาภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมัน จึงได้สร้างกำแพงหินยาวโอบล้อมเมืองไว้ เพื่อป้องกันการถูกบุกรุกจากข้าศึก ภายในเมืองเป็นที่ตั้งของ Le Palais des Papes พระราชวังมรดกโลกที่เคยใช้เป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระสันตประปามากถึง 9 พระองค์ รายล้อมไปด้วยบรรยากาศเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอิตาลีย้อนยุค
4. Toulon
เมืองสวยบนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในอดีตเคยถูกกล่าวขานว่าเป็นฐานกองทัพเรือสมัยโรมันอันเกรียงไกร เพราะมีทั้งอู่ต่อเรือ คลังแสง โรงผลิตเหล้า รวมถึงอาวุธยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ แต่ในปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนเป็นเมืองท่าเรือท่องเที่ยว เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสวย คาเฟ่ริมทะเล ร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติก
5. French Riviera’s Beauty Spots
อิ่มเอมยามเช้าไปกับความงดงามริมชายหาด French Riviera พื้นที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อระหว่างฝรั่งเศสตอนใต้และอิตาลี อาณาเขตกว้างขวางราว 400 กม. ประกอบไปด้วยเมืองสวยชื่อคุ้นหูอย่าง คานส์ (Canes) นีซ (Nice) และโมนาโก (Monaco) 3 เมืองที่ร่ำรวยทั้งด้านศิลปะวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมศิลปะบารอกและรอกโกโก โอบล้อมด้วยทิวทัศน์เทือกเขาแอลป์และน้ำทะเลเสีเทอร์ควอยซ์แสนโรแมนติก
6. Santa Margherita Ligure
ก้าวเท้าลงจากรถไฟกันที่ ซานตา มาร์เกริต้า ลิกูเร (Santa Margherita Ligure) ชุมชนที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของเจนัว (Genoa) ในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) อิตาลี สัมผัสความงดงามของอาคารบ้านเรือนสีลูกกวาดริมปากอ่าว Gulf of Tigullio มีแลนด์มาร์คสำคัญคือ Castello di Santa Margherita Ligure หอคอยโบราณจากศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นจุดชมวิวอ่าว Gulf of Tigullio ที่สวยงามที่สุด
7.Portofino
จากนั้นเดินทางมาต่อกันที่ปอร์โตฟิโน่ เจ้าของฉายา “อิตาเลียนริเวียร่า” ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเจนัว เป็นหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กที่มีลักษณะเด่นอยู่ที่อาคารสไตล์โรมาเนสก์สีสันสดใสริมชายฝั่งลิกูเรียน (Ligurian Bay) บรรยากาศเงียบสงบ มีทะเลสีฟ้าเข้มและชายหาดทรายขาวละเอียดอยู่ด้านหน้า ฉากหลังเป็นเนินเขาอุดมสมบูรณ์ ทำให้ได้รับความนิยมจากชนชั้นสูงตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นจุดจอดเรือยอชท์และที่ตั้งของรีสอร์ตหรู ซึ่งมีเซเลบริตี้และศิลปินระดับโลกแวะเวียนมาเยือนกันไม่ขาดสาย สามารถไปเดินทอดน่องไปตามอาคารบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมหลายร้อยร้าน เดินเที่ยวเล่นสบาย ๆ ใช้เวลาเพียง 2 – 3 ชม.
8. Splendido, A Belmond Hotel
พักผ่อนเหนือระดับไปกับความอลังการในการออกแบบ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของอ่าวลิกูเรียน ผนังห้องประดับภาพปูนปลาสเตอร์เปียก (Fresco) งานจิตรกรรมล้ำค่าที่มีมาแต่โบราณ สะดวกสบายกับการบริการระดับพรีเมี่ยม สระว่ายน้ำที่มองเห็นทิวทัศน์ของอ่าวลิกูเรียน สปาบ่อน้ำเกลือ อร่อยกับห้องอาหารหลากหลาย พร้อมบริการเรือนำเที่ยวและรถรับ - ส่งไปเดินช้อปที่ย่านจัตุรัสกลางเมือง Piazzetta เก็บเกี่ยวความสุขในการพักผ่อนได้เต็มอิ่ม
9. Piazzetta
ย่านเมืองเก่าที่รายล้อมไปด้วยบ้านเรือนสีสันสดใส ตั้งอยู่ติดชายหาดและท่าเรือหลัก เป็นหนึ่งในภาพจำ ซึ่งปรากฏอยู่ในโปสการ์ดและภาพยนตร์หลายเรื่อง เหมาะสำหรับมาเดินเที่ยวเล่นหรือช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้อาคารเก่ามากมาย มีคาเฟ่ ร้านอาหารริมทะเล และร้านของฝากน่ารัก ๆ ให้เลือกซื้อตามใจชอบ
10. Al Faro di Portofino
cliff above the water AI-generated content may be incorrect." />
นั่งเรือยอชท์มาผ่อนคลายริมทะเลที่ ร้านอาหารอิตาเลียนและคาเฟ่ วิวหลักล้านที่ตั้งอยู่ในประภาคารสีขาวบนโขดหิน อีกหนึ่งโมเม้นท์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนปอร์โตฟิโน่
11. Castello Brown
หมู่บ้านปอร์โตฟิโน่ เป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองตากอากาศของชนชั้นสูงในศตวรรษที่ 18 จึงทำให้มีวิลล่าและปราสาทโรมันเก่าแก่ตั้งอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือปราสาท Castle Brown ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการ แต่ภายหลังถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นที่พักอาศัยของขุนนาง บริเวณทางเข้าตกแต่งด้วยสวนดอกไม้บานฉ่ำ ภายในประดับด้วยผลงานศิลปะหลากหลาย ทั้งรูปถ่ายศิลปินคนดังในอดีต หรือผลงานเด่นอย่าง The Large Polyptych จิตรกรรมขนาดใหญ่ที่เกิดจากการนำภาพวาดหลายชิ้นมาประกอบกัน และ The Adoration of the Magi รูปปั้นแกะสลักเกี่ยวกับพระเยซู เป็นต้น
12. Church of San Giorgio
แม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่ก็มีโบสถ์สวยขนาดใหญ่สไตล์โรมาเนสก์ตั้งอยู่บนเชิงเขา สามารถเข้าไปชมความงามภายใน พร้อมทอดสายตาชมวิวอ่าวลิกูเรียเบื้องล่างได้แบบพาโนรามา
13. Paraggi Beach
หาดทรายขาวละเอียดที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในปอร์โตฟิโน่ เหมาะสำหรับการมาเล่นน้ำ นอนอาบแดด ชมวิวน้ำทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ มีกิจกรรมยอดนิยมคือ การดำน้ำและล่องเรือไปชมโลกใต้ทะเลที่ Area Marina Protetta di Portofino พื้นที่ทะเลทางทิศตะวันตก ตั้งอยู่ระหว่างปอร์โตฟิโน่ และหมู่บ้านชาวประมงคาโมกลี (Camogli) มีไฮไลท์คือ อนุสาวรีย์พระเยซูคริสต์ Christ of the Abyss สร้างขึ้นในปี 1954 และถูกนำไปตั้งไว้ใต้ทะเล เพื่ออุทิศให้ Dario Gonzatti นักดำน้ำแบบ Scuba คนแรกของอิตาลี
14. Splendido Grill
อิ่มอร่อยมื้อค่ำสุดพิเศษที่ห้องอาหารในโรงแรม Splendido, A Belmond Hotel ที่รังสรรค์เมนูโดยเชฟ Jean Imbert เสิร์ฟพร้อมแชมเปญ เครื่องดื่ม และวิวพระอาทิตย์ตกริมอ่าวลิกูเรียสุดโรแมนติก
สัมผัสประสบการณ์สุดหรูในทริปในฝันบน Venice Simplon Orient Express รถไฟสายโรแมนติกระดับตำนาน ที่พาคุณเดินทางจากฝรั่งเศสสู่ปลายทางแสนงดงามในอิตาลี ขบวนรถไฟอายุ 140 ปี ที่เคยเชื่อมโลกตะวันตกและตะวันออก ผ่านเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความคลาสสิกและหรูหรา โด่งดังจากนวนิยาย “Murder on the Orient Express” ที่ทำให้ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากสัมผัสบรรยากาศนี้สักครั้ง หากคุณพร้อมออกเดินทางไปกับ Venice Simplon Orient Express ให้ทุกค่าใช้จ่ายตลอดทริปสุดพิเศษของคุณคุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยบัตรเครดิต KTC และหากยังไม่มีบัตร อย่าลืมเลือกสมัครบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ก่อนออกเดินทาง เพื่อให้ทุกโมเมนต์บนรถไฟสายหรูนี้สมบูรณ์แบบที่สุด
ทุกทริปเที่ยวคุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC