เงินดาวน์ คืออะไร ทำไมคนถึงมาพูดถึงอยู่เสมอ? เชื่อว่ามือใหม่ทางการเงินหลายคนคงสงสัยไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นเพราะว่าเงินดาวน์และเงินผ่อนคือด่านแรกที่หลายคนต้องเจอเมื่ออยากมีบ้านเป็นของตัวเองหรืออยากเปลี่ยนรถคันใหม่ คล้ายกับค่ามัดจำที่เราต้องจ่ายก่อนจะได้ของที่อยากได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ หรือแม้แต่สินค้าชิ้นใหญ่ มูลค่าสูง แต่ทำไมถึงต้องจ่ายเงินดาวน์ แล้วส่งผลต่อดอกเบี้ยหรือการผ่อนชำระอย่างไร? ในบทความนี้จะพาทุกคนมาเจาะลึกให้เข้าใจอย่างละเอียดกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- เงินดาวน์ คืออะไร ทำความเข้าใจการดาวน์ก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน
- การผ่อนดาวน์ คืออะไร เราสามารถผ่อนตั้งแต่การดาวน์เลยได้หรือไม่
- เคลียร์ชัด เงินดาวน์ในกรณีต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างไร
- ข้อควรระวังในการเตรียมเงินดาวน์ กับดักอันตรายที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
- กู้สินเชื่อไม่ผ่าน ขอเงินดาวน์คืนได้ไหม? หรือต้องเสียเงินไปฟรีๆ
- สรุป เงินดาวน์ คือกุญแจสู่สิ่งที่คุณต้องการ ให้การผ่อนสบายขึ้นกว่าเดิม
เงินดาวน์คืออะไร? ทำความเข้าใจการดาวน์ก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน
เงินดาวน์ คือ เงินก้อนหนึ่งที่ผู้ซื้อต้องจ่ายให้กับผู้ขายเมื่อต้องการซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้าน รถยนต์ หรือคอนโดมิเนียม เป็นต้น โดยเงินดาวน์นี้จะถูกหักออกจากราคาซื้อขายทั้งหมด และส่วนที่เหลือผู้ซื้อจะทำการผ่อนชำระตามระยะเวลาที่ตกลงกับสถาบันการเงิน เช่น จำนวณเงินจากการกู้ซื้อที่ดิน
ดังนั้น คำถามที่ว่าเงินดาวน์คืออะไร คำตอบก็คือ เงินที่เราจ่ายไปก่อนส่วนหนึ่งเพื่อซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูง เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขายว่าเรามีความตั้งใจที่จะซื้อสินทรัพย์นั้นจริง ๆ ผู้ขายก็จะรู้สึกมั่นใจว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้ และสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ได้ด้วย
ที่สำคัญ ยิ่งเราจ่ายดาวน์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ยอดเงินกู้หรือเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มในภายหลังน้อยลงกว่าเดิม ช่วยให้เราผ่อนสบาย สามารถลดดอกเบี้ยได้มากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วอัตราส่วนจะอยู่ที่ประมาณ 10% ถึง 30% จากราคาซื้อขาย ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับประเภทของสินทรัพย์และนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน โดยปัจจัยในการกำหนดจำนวนเงินมีดังนี้
- ความสามารถทางการเงิน : หากสถาบันการเงินหรือผู้ขายพิจารณาว่าเรามีความสามารถทางการเงินระดับหนึ่ง การวางดาวน์ก็อาจจะมีอัตราที่ต่ำ แต่หากพิจารณาแล้วว่าความสามารถทางการเงินของเรายังไม่มั่นคงมากนัก สถาบันการเงินหรือผู้ขายอาจพิจารณาให้เราวางดาวน์สูงขึ้นกว่าเดิม
- อัตราดอกเบี้ย : การวางดาวน์สูงก็ทำให้ยอดหนี้ต่ำลง ส่งผลให้ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายน้อยลงไปด้วย แต่ถ้าเราวางดาวน์ต่ำ ยอดหนี้ก็จะสูงแม้ว่าจะใช้อัตราดอกเบี้ยเดียวกัน แต่เมื่อต้องจ่ายเป็นระยะเวลายาวนานกว่า ก็ทำให้เราต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
- ระยะเวลาการผ่อนชำระ : ยิ่งสินทรัพย์มีมูลค่าสูงเท่าไหร่ ระยะเวลาในการผ่อนชำระก็อาจจะยาวนานมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระของเราในแต่ละเดือนด้วยเช่นกัน
- นโยบายของสถาบันการเงิน : สถาบันการเงินแต่ละแห่งมีเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่ต้องเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลาย ๆ แห่ง เพื่อให้เราได้กู้กับสถาบันการเงินที่มีเงื่อนไขคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการที่สุด
เมื่อเราต้องการจะกู้ซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ แน่นอนว่าเราอาจจะไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น เราจึงอยากจะแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณสามารถวางดาวน์ได้สบายขึ้นกว่าเดิม นั่นก็คือบัตรกดเงินสด KTC PROUD
บัตรกดเงินสดที่สามารถเบิกเงินออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย สามารถกดกับเครื่อง ATM ของธนาคารได้ทั่วทั้งประเทศ สามารถถอนได้สูงสุดกว่า 1 แสนบาทต่อวัน โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการกดเงิน ยอดผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,000 บาทขึ้นไปเท่านั้น สามารถเลือกผ่อนชำระได้นานตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 6 เดือนเลยทีเดียว
การผ่อนดาวน์คืออะไร เราสามารถผ่อนตั้งแต่การดาวน์เลยได้หรือไม่?
ก่อนที่จะผ่อนบ้านกับธนาคาร ผู้ขายบางเจ้าอาจกำหนดให้เราวางเงินเอาไว้ก้อนหนึ่งก่อนเพื่อเป็นหลักประกันการซื้อขาย ดังนั้น สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้มีเงินก้อนจึงจำเป็นที่จะต้องผ่อนดาวน์ โดยบ้านที่สามารถผ่อนดาวน์ได้จะเป็นบ้านของโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่ โดยเราจะผ่อนดาวน์เป็นงวด ๆ โดยเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่โครงการ เมื่อผ่อนจนครบกำหนดก็จะพอดีกับระยะเวลาที่บ้านโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อย เมื่อนั้นเราก็สามารถยื่นกู้กับธนาคารต่อได้เลย
นอกเหนือจากนี้ ผู้ขายบางคนหรือบางโครงการบ้านอาจมอบส่วนลดเงินดาวน์ คือจำนวนเงินที่ต้องจ่ายก้อนแรกจะลดน้อยลงกว่าเดิม อย่างเช่น เดิมทีต้องดาวน์ 20% จากราคาเต็ม อาจเหลือเพียง 18% จากราคาเต็มเท่านั้น แต่ในกรณีที่เป็นส่วนลดดาวน์สำหรับการซื้อรถยนต์ จะมีการบวกซับดาวน์ คือการบวกราคาเพิ่มขึ้นจากราคาปกติ จากนั้นนำเอาส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นมาเป็นส่วนลดดาวน์เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขการดาวน์ที่ไฟแนนซ์กำหนด
พูดให้เข้าใจได้ง่ายก็คือเป็นการผ่อนเงินมัดจำหรือส่วนหนึ่งของราคาสินทรัพย์ราคาสูงที่เราจะซื้อนั่นเอง ช่วยให้เราได้สินทรัพย์ราคาแพงมาครอบครองโดยที่ไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่แรกเริ่ม สามารถแบ่งเบาภาระทางการเงินได้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นหลักประกันสำหรับผู้ขายหรือสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ นอกจากนี้ หากจำนวนเงินที่เราวางดาวน์ไปมากพอ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร และทำให้ดอกเบี้ยต่ำลงอีกด้วย โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
- ผ่อนจำนวนเท่ากันทุกงวด เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดนั่นก็คือการแบ่งชำระเงินเป็นงวด ๆ โดยในแต่ละงวดเป็นจำนวนเงินเท่ากันตลอดระยะเวลาที่กำหนด
- ผ่อนแบบบอลลูน เป็นการแบ่งชำระออกเป็นงวด ๆ โดยจะมีอยู่ 1 งวดที่เงินจะก้อนใหญ่กว่างวดอื่น ๆ
- ผ่อนแบบขั้นบันได เป็นการแบ่งชำระที่ค่างวดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อยในแต่ละงวด ตามหลักการที่ว่ารายได้ของผู้ซื้อจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป
เคลียร์ชัด เงินดาวน์ในกรณีต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างไร
ตอนนี้หลายคนน่าจะพอมองภาพออกแล้วว่าขั้นตอนการซื้อบ้านต้องเตรียมพร้อมด้านการเงินอย่างไรบ้าง แต่สำหรับใครที่ยังเห็นภาพไม่ชัดว่าแล้วเราต้องวางเงินดาวน์เมื่อต้องการจะซื้ออะไรบาง อย่างเช่น เงินดาวน์รถคืออะไร การดาวน์บ้านเป็นอย่างไร หัวข้อนี้จึงขอพาทุกคนไปดูเงินที่เราต้องวางดาวน์ในกรณีต่าง ๆ กันว่ามีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
ดาวน์ยานพาหนะ มีรถขับ ทำธุรกิจก็ได้
รู้หรือไม่ว่าธุรกิจรวยเงียบในปัจจุบันคือธุรกิจปล่อยเช่ารถ เพราะประเทศไทยเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว หรือหากคุณอาศัยอยู่ต่างจังหวัด การไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนลำบาก แต่เพราะรถยนต์เป็นสินทรัพย์มูลค่าสูง ดังนั้นจึงควรวางเงินเพื่อดาวน์รถเอาไว้ เพราะสามารถช่วยลดดอกเบี้ยและผ่อนสบายขึ้นกว่าเดิม โดยทั่วไป อัตราเงินที่เราต้องจ่ายส่วนแรกจะอยู่ที่ประมาณ 20-40% จากราคาเต็มของรถ บางกรณีอาจมีโปรโมชันดาวน์ต่ำ แต่ในบางกรณีก็อาจต้องวางเงินสูงกว่า 50% เช่นกัน
ดาวน์บ้าน กุญแจสู่บ้านหลังแรกอย่างยั่งยืน
หากคุณต้องการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ราคาสูงอย่าง “บ้าน” แน่นอนว่าต้องเจอการวางเงินดาวน์อย่างแน่นอน โดยทั่วไปแล้วจะมีการกำหนดการวางเงินก้อนแรกอยู่ที่ประมาณ 10-20% จากราคาเต็มของบ้าน แต่ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเภทบ้าน สถานะการเงินของผู้กู้ รวมถึงนโยบายของแต่ละธนาคาร เราจึงควรศึกษาเงื่อนไขของแต่ละโครงการให้ดี และปรึกษาธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ควรรู้
ดาวน์คอนโด หนทางสู่อสังหาริมทรัพย์สำหรับคุณ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมสำหรับพักอาศัยและอยากจะผ่อนคอนโดสักหลังหนึ่ง ด่านแรกที่คุณต้องเจอก็คือการวางเงินดาวน์ เป็นเงินก้อนแรกที่เราต้องชำระให้กับโครงการคอนโดเพื่อจองสิทธิ์ในการซื้อห้องชุดนั้น ๆ และเงินที่เหลือนอกเหนือจากการดาวน์ เราสามารถกู้ยืมสถาบันการเงินมาจ่ายให้กับเจ้าของโครงการได้ จากนั้นจึงผ่อนชำระคืนกับสถาบันการเงินที่เราไปกู้ โดยทั่วไปแล้ว เงินที่เราต้องวางก้อนแรกอยู่ที่ประมาณ 5-10% จากราคาห้องที่ต้องการซื้อ
เงินดาวน์ 0% คืออะไร จำเป็นต้องจ่ายหรือไม่
สำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้านหลังแรกคงสับสนว่า ในเมื่อเงินดาวน์เป็นเงินก้อนแรกที่เราต้องจ่ายเมื่อต้องการจะซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูง แต่ดันมีการดาวน์ 0% เสียอย่างนั้น นั่นหมายความว่าอย่างไร? โดยส่วนใหญ่แล้วการดาวน์ 0% มักเกิดขึ้นเวลาที่เราซื้อรถยนต์มากกว่าบ้าน หมายความว่าเราสามารถซื้อสินทรัพย์ได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนแรกเลยแม้แต่บาทเดียว เป็นการกระตุ้นยอดขายที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในตอนแรก แต่สิ่งที่จะตามมาคือยอดผ่อนชำระและดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามไปด้วย และยังอาจเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ให้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก
ข้อควรระวังในการเตรียมเงินดาวน์ กับดักอันตรายที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
จากข้อมูลทั้งหมดที่ว่ามา เชื่อว่าทุกคนคงพอรู้แล้วว่าการวางเงินก้อนแรกก่อนซื้อบ้านหรือรถคืออะไร และมีความสำคัญแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการเตรียมเงินก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นกัน เพราะหากเราวางเงินไว้เพียงพอก็จะช่วยให้เราได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำลง ผ่อนเร็วขึ้น เพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อควรระวังที่คุณควรทราบเอาไว้ ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน
อันดับแรกเราควรเปรียบเทียบราคากับทรัพย์สินและกำหนดจำนวนเงินอย่างเหมาะสมว่า เราควรวางเงินสำหรับดาวน์บ้านหรือรถเท่าไหร่ จากนั้นควรคำนวณเงินเพื่อเตรียมสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน หรือค่าประกัน เป็นต้น
2. วางแผนอย่างรอบคอบ
แม้ว่าเราจะแนะนำบัตรกดเงินสดสำหรับคนที่อาจจะมีเงินไม่เพียงพอสำหรับการดาวน์ แต่ก็ยังคงต้องวางแผนให้รอบคอบอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์รายรับรายจ่ายอย่างละเอียดเพื่อให้รู้ว่าเราสามารถจัดการเงินได้เท่าไหร่ต่อเดือน ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และหารายได้เพิ่ม
3. ศึกษาเงื่อนไขสินเชื่ออย่างละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินต่าง ๆ หรือเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระให้สอดคล้องกับกำลังการชำระหนี้ของเรา
กู้สินเชื่อไม่ผ่าน ขอเงินดาวน์คืนได้ไหม? หรือต้องเสียเงินไปฟรีๆ
สิ่งที่หลายคนกังวลมากที่สุดในการวางเงินดาวน์คือ จะเป็นอย่างไรหากเราจ่ายดาวน์ไปแล้วแต่ดันกู้สินเชื่อไม่ผ่าน ไม่สามารถขอสินเชื่อธนาคารเพื่อนำเอาเงินส่วนที่เหลือไปซื้อสินทรัพย์ได้ เราต้องบอกลาการขึ้นบ้านใหม่ไปเลยและเสียเงินฟรีหรือเปล่า? คำตอบก็คือขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ โดยรายละเอียดมีดังนี้
ขอเงินที่วางดาวน์คืนได้หรือไม่ ดูจากอะไร
1. สัญญาซื้อขาย
เงินที่เราชำระไปนั้นถึงจะเป็นการวางเงินดาวน์ แต่ก็นับเป็นส่วนหนึ่งในสัญญาซื้อขาย หากสัญญาไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เพราะกู้สินเชื่อไม่ผ่าน ผู้ซื้อก็มีสิทธิ์ที่จะขอคืนเงินได้ตามหลักการทั่วไป
2. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อ โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสินค้าหรือบริการตามสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้ได้
3. คำพิพากษาจากศาล
คำพิพากษาของศาลจากหลายคดีได้ยืนยันสิทธิ์ของผู้ซื้อในการขอคืนเงินที่เคยวางเงินดาวน์เอาไว้เมื่อไม่สามารถกู้สินเชื่อได้อย่างที่คาดหวัง โดยระบุว่าเงินที่วางดาวน์ไปนั้นไม่ใช่เงินมัดจำ แต่ถือเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้า
สามารถขอเงินคืนทั้งหมดได้หรือไม่
- ตรวจสอบเงื่อนไขสัญญา
สัญญาซื้อขายในแต่ละฉบับก็มีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป สัญญาบางฉบับอาจระบุให้ผู้ซื้ออย่างเราสละสิทธิ์ในการขอคืนเงินดาวน์หากกู้ไม่ผ่าน ฉะนั้น ก่อนลงนามจึงต้องอ่านสัญญาให้ละเอียดและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
บางครั้งถึงแม้ว่าเราจะสามารถขอคืนเงินที่ดาวน์ไปได้ แต่เราก็ยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วนที่เกิดขึ้นจริงเช่นกัน เช่น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ หรือค่าธรรมเนียมการทำสัญญา
วิธีการขอเงินคืน
1. ติดต่อผู้ขาย
ติดต่อผู้ขายเพื่อแจ้งให้ทราบว่าเราไม่สามารถกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ จากนั้นให้ขอทำเรื่องขอคืนเงินที่จ่ายไปล่วงหน้า
2. ตรวจสอบสัญญา
เราควรศึกษาเงื่อนไขสัญญาให้ละเอียดว่าขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้ในการขอคืนเงินมีอะไรบ้าง
3. รวมเอกสาร
จากนั้นให้เราเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเสร็จรับเงิน สัญญาซื้อขาย หรือหลักฐานการกู้สินเชื่อไม่ผ่าน
4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
กรณีมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ เราขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอสังหาริมทรัพย์เลย
เงินดาวน์คือกุญแจสู่สิ่งที่คุณต้องการ ให้การผ่อนสบายขึ้นกว่าเดิม
สรุปแล้ว เงินดาวน์ คือ จำนวนเงินก้อนแรกที่ผู้ซื้อต้องจ่ายให้ผู้ขาย โดยเงินนี้จะช่วยลดจำนวนยอดเงินที่ต้องกู้จากสถาบันการเงิน ทำให้ผู้ซื้อผ่อนชำระได้น้อยลง และยังเป็นการแสดงความสามารถในการชำระหนี้ให้ธนาคารเห็นอีกด้วย เรามักต้องวางเงินดาวน์เวลาที่ต้องการซื้อทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้าน รถ หรือคอนโด ไม่ว่าจะอยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่าคอนโดก็ตาม ฉะนั้น เราควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อเสนอเกี่ยวกับเงินดาวน์ให้ดี เพราะจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และเลือกตัวเลือกได้อย่างเหมาะสมกับความสามารถทางการเงินของเรามากที่สุด
แต่หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเงิน มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้ต้องใช้เงินก้อน ไม่ต้องการทำเรื่องขอสินเชื่อด่วนให้วุ่นวาย บัตรกดเงินสด KTC PROUD ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีและมีความน่าสนใจเช่นกัน ช่วยให้คุณสามารถหาเงินมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉินได้โดยที่ไม่สร้างภาระทางการเงินมากจนเกินไป มีติดกระเป๋าเอาไว้อุ่นใจกว่า
* กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
สมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD เพื่อเงินสำรองเผื่อเหตุการฉุกเฉิน