ในยุคที่ทุกคนมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม มนุษย์เงินเดือนอยากมีรายได้มากกว่าหนึ่งช่องทาง Affiliate Marketing จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มรายได้แต่มีเวลาจำกัด เพราะการทำ Affiliate คือการสร้างรายได้เแบบไม่ต้องมีสินค้า แค่แชร์ลิงก์หรือทำคอนเทนต์แนะนำสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย บล็อก หรือเว็บไซต์ ก็ได้ค่าคอมมิชชั่นหรือรายได้เล็กๆ น้อยๆ แล้ว ทั้งนี้ หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มรายได้แบบไม่ต้องลงทุนมาก งานนี้อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณก็เป็นได้
Affiliate Marketing คือ การตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจทำการตลาดออนไลน์และเพิ่มยอดขายได้ผ่านตัวแทน
Affiliate Marketing คืออะไร ?
Affiliate Marketing คือ โมเดลทางการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่เป็นรูปแบบธุรกิจที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจทำการตลาดออนไลน์ และเพิ่มยอดขายได้ผ่านตัวแทนหรือบริษัทอื่น ที่สามารถโปรโมท
สินค้าผ่านช่องทางการขายที่เหมาะสมกับธุรกิจนั้นๆ ได้ตามแพลตฟอร์มต่างๆ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก และโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ในทางกลับกันตัวแทนหรือบริษัทในการทำ Affiliate Marketing ก็สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องมีสินค้าเป็นของตัวเอง เพียงแค่โปรโมทสินค้าผ่าน Affiliate Link เมื่อมีคนคลิกและทำการซื้อสินค้าหรือสมัครบริการผ่านลิงก์นั้น ก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นตามที่กำหนดไว้นั่นเอง ฉะนั้น จุดเด่นของ Affiliate Marketing คือ ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องจัดการออเดอร์ และไม่ต้องให้บริการหลังการขาย แค่โปรโมทสินค้าผ่านลิงก์ก็สามารถสร้างรายได้เสริมได้ จึงเป็นอีกช่องทางสร้างรายได้ที่เหมาะกับทั้งพนักงานประจำและคนที่ต้องการหารายได้จากช่องทางออนไลน์
Affiliate Marketing มีรูปแบบทำเงินอะไรบ้าง ?
Affiliate Marketing มีหลายรูปแบบในการทำเงิน โดยค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแพลตฟอร์มหรือแบรนด์ที่คุณเข้าร่วม โดยหลักๆ มีรูปแบบดังนี้
1.Pay per Sale (PPS)
เป็นการจ่ายเงินให้ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากราคาของสินค้าที่แบ่งให้ผู้โปรโมท หรือ Publisher สินค้านั้นๆ หลังจากมีการซื้อสินค้านั้นแล้ว
2.Pay per Lead (PPL)
เป็นการจ่ายเงินให้ จากการเก็บ Lead เมื่อผู้บริโภคลงทะเบียนหรือสมัครสมาชิกกับทางแบรนด์ ผ่านลิงค์ที่ผู้โปรโมท หรือ Publisher สร้างขึ้นในช่องทางของตนเอง
3.Pay per Click (PPC)
เป็นการจ่ายเงินให้ เมื่อผู้บริโภคคลิกโฆษณาผ่านช่องทางที่ผู้โปรโมท หรือ Publisher สร้างไว้ โดยไม่กำหนดว่าผู้ซื้อต้องซื้อสินค้าหรือไม่ เพียงแค่คลิกผู้โปรโมทก็ได้รับเงินแล้ว
ทำ Affiliate Marketing ที่ไหนดี ?
มาถึงตรงนี้ หากคุณสนใจสร้างรายได้จาก Affiliate Marketing สิ่งสำคัญคือการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับสไตล์การโปรโมทและกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยในไทยก็มีแพลตฟอร์มที่สามารถทำ Affiliate ได้หลักๆ ดังนี้
1.Accesstrade
เครือข่าย Affiliate Marketing รายใหญ่ในประเทศไทยที่ช่วยให้ผู้ที่ต้องการสร้างรายได้ออนไลน์สามารถโปรโมทสินค้าและบริการของแบรนด์ต่างๆ ผ่านลิงก์ของตนเอง และรับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนคลิกและทำรายการผ่านลิงก์นั้น โดย Accesstrade มีแบรนด์พันธมิตรมากมายครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อีคอมเมิร์ซ, การเงินและประกัน, การท่องเที่ยว, และอื่นๆ อีกมากมาย
2.Shopee Affiliate Program
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee ก็น่าสนใจในการทำ Affiliate เพราะสามารถให้ผู้เข้าร่วมสร้างรายได้จากการโปรโมทสินค้าในแพลตฟอร์ม โดยได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนคลิกลิงก์และทำการสั่งซื้อ ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างรายได้จากค่าคอมมิชชั่นได้สูงสุดเกือบ 30% (ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า) ทั้งยังรองรับช่องทางหลากหลาย เช่น Facebook, TikTok, Instagram, YouTube, และเว็บไซต์ เป็นต้น
3.Lazada Affiliate Program
แน่นอนว่าอีกหนึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Lazada ก็มีโปรแกรม Affiliate เช่นกัน โดยสามารถให้ผู้เข้าร่วม สร้างรายได้จากการโปรโมทสินค้าในแพลตฟอร์ม และได้รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนคลิกลิงก์และทำการสั่งซื้อ ผู้เข้าร่วมโปรโมทกับ Lazada สามารถสร้างรายได้จากค่าคอมมิชชั่นได้สูงสุด 60% (ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า) ทั้งยังรองรับช่องทางหลากหลาย เช่น Facebook, TikTok, Instagram, YouTube, และเว็บไซต์ เป็นต้น
4.Involve Asia
Involve Asia เป็นแพลตฟอร์ม Affiliate Marketing ที่ช่วยให้คุณสร้างรายได้จากการโปรโมทสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำ โดยคุณสามารถแชร์ลิงก์สินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือบล็อก และรับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีการซื้อสินค้าผ่านลิงก์ของคุณ ทั้งนี้ Involve Asia เป็นช่องทางที่สมัครง่าย โดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ เพราะสามารถใช้ Facebook, TikTok, Instagram หรือ YouTube ได้ ทั้งยังมีระบบติดตามและรายงานผลที่แม่นยำ อีกทั้ง Account Manager ที่คอยให้คำแนะนำอีกด้วย
5.TikTok
TikTok ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เรียกได้ว่าน่าสนใจอย่างยิ่งในการทำ Affiliate หรือผู้ใช้งาน TikTok อาจจะเคยได้ยินคำว่าปักตะกร้านั่นเอง โดย TikTok เปิดโอกาสให้กับ Influencer ที่มียอดติดตาม 1,000 คน ขึ้นไป เข้าร่วมทำ Affiliate โดยมีความแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เพราะผู้ใช้งานสามารถทำคลิปรีวิวสินค้า แล้วปักตะกร้าสินค้านั้นที่คลิปได้เลย หากมีคนมาซื้อสินค้าจากคลิปของเรา เราก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นของสินค้านั้นไปนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.humansoft.co.th/th/blog/affiliate-marketing
Affiliate Marketing มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ?
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า Affiliate Marketing คือช่องทางการหารายได้เสริมสำหรับผู้ที่มีช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ บล็อก หรือ โซเชียลมีเดียต่างๆ โดยก็มีข้อดีและข้อเสีย ดังต่อไปนี้
ข้อดีของการทำ Affiliate |
ข้อเสียของการทำ Affiliate |
เริ่มต้นง่าย ไม่ต้องมีสินค้าเอง ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องดูแลระบบขนส่ง แค่โปรโมตสินค้าและรับค่าคอมมิชชั่น |
ค่าคอมมิชชั่นไม่เท่ากัน และอาจเปลี่ยนแปลงได้ ค่าคอมมิชชั่นแต่ละแพลตฟอร์มและร้านค้าอาจไม่เท่ากัน และบางครั้งอาจมีการลดค่าคอมมิชชั่นโดยไม่แจ้งล่วงหน้า |
ต้นทุนต่ำ หรือแทบไม่มีต้นทุนเลย สามารถเริ่มต้นทำได้ฟรี หรือใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย เช่น ค่าโฆษณา ค่าเว็บไซต์ |
มีการแข่งขันสูง หลายคนทำ Affiliate Marketing ทำให้ต้องสร้างความแตกต่างในการโปรโมทสินค้า |
สร้างรายได้แบบ Passive Income เมื่อมีคนกดซื้อสินค้าผ่านลิงก์ของคุณ คุณสามารถรับค่าคอมมิชชั่นได้แม้ไม่ได้ทำงานตลอดเวลา |
ต้องใช้เวลาในการสร้างรายได้ ต้องอาศัยความอดทน เพราะรายได้ไม่ได้มาแบบทันที ต้องสร้างคอนเทนต์และดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย |
สามารถใช้ช่องทางได้หลากหลาย อาทิ Facebook, Instagram, TikTok, YouTube, Blog หรือเว็บไซต์ในการโปรโมท |
ต้องมีความรู้ด้านการตลาดและ SEO หากทำผ่านเว็บไซต์หรือ Blog ต้องเข้าใจ SEO เพื่อให้คนค้นหาและกดลิงก์ของเราได้ง่ายขึ้น |
อยู่ที่ไหนก็ทำได้ สามารถทำการโปรโมท เพียงมีโทรศัพท์แค่เครื่องเดียวและอยู่ที่ไหนก็ทำได้ |
ต้องมีทักษะในการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้า ผู้โปรโมทอาจต้องใช้ทักษะในการสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ การตัดต่อ การคิดคำโฆษณา เป็นต้น |
เทคนิคการทำ Affiliate Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
การจะทำ Affiliate Marketing ให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยทักษะและความรู้ด้านการตลาดเช่นกัน ทั้งนี้ ก็มีเทคนิคง่ายๆ ที่ผู้เริ่มต้นสามารถนำไปใช้ได้ ดังนี้
- เลือกสินค้าที่ใช่และแพลตฟอร์มที่เหมาะสม โดยเลือกสินค้าที่ตรงกับความสนใจหรือความเชี่ยวชาญของคุณ เช่น สายสุขภาพ ความงาม เทคโนโลยี หรือแฟชั่น ศึกษาแพลตฟอร์มที่คุณจะใช้โปรโมทสินค้านั้นๆ ว่ามีเทรนด์อะไร หรือ มีวิธีอะไรที่จะทำให้คนเห็นคอนเทนต์ของคุณ
- รู้จักกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าอย่างไร สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา เช่น รีวิวสินค้า, How-to หรือ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย เป็นต้น หรือสร้างตัวตนของคุณเอง เพื่อ Influence ให้ผู้เห็นคอนเทนต์อยากซื้อสินค้าหรืออยากได้สินค้านั้นๆ
- ผลิตคอนเทนต์คุณภาพดึงดูดความสนใจ ใช้คอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น บทความรีวิว วิดีโอ TikTok, YouTube หรือโพสต์บน Facebook, Instagram ใช้ภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพ ทำให้คอนเทนต์น่าสนใจและน่าเชื่อถือ
- ทดลองและวิเคราะห์ผลลัพธ์ อย่าลืมที่จะติดตามว่าคอนเทนต์แบบไหนที่ทำให้เกิดยอดคลิกและยอดขายมากที่สุด พร้อมกันนั้น หมั่นอัพเดทคอนเทนต์ ศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อต่อยอดและพัฒนาคอนเทนต์โปรโมทสินค้าของคุณอยู่เสมอ
Affiliate Marketing เป็นช่องทางสร้างรายได้ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมโดยไม่ต้องลงทุนเยอะ อย่างไรก็ตาม การทำให้สำเร็จต้องอาศัยความขยัน อดทน และความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ทำ Affiliate Marketing และต้องการโปรโมทคอนเทนต์บนช่องทางออนไลน์ บัตรเครดิต KTC ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำการตลาดและจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อทำการซื้อโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้คนเห็นคอนเทนต์โปรโมทสินค้าของคุณมากขึ้น เช่น Facebook Ads, TikTok Ads หรือ Google Ads ซึ่งการใช้บัตรเครดิต KTC นั้นสามารถสะสมคะแนน KTC FOREVER จากทุกการใช้จ่ายได้ เพื่อนำไปแลกรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนภายหลัง บอกเลยว่าการมีบัตรเครดิต KTC จึงไม่เพียงแต่ทำให้การโปรโมทคอนเทนต์สะดวกขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการการเงินสำหรับธุรกิจ Affiliate Marketing ของคุณ รวมไปถึงการใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของคุณอีกด้วย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC