เมื่อเริ่มต้นทำงานหลายคนวางแผนเก็บเงินเพื่อสานฝัน ซึ่งคอนโดเป็นหนึ่งในลิสต์ที่มนุษย์เงินเดือนวางแผนทางการเงินไว้ ยิ่งทุกวันนี้คอนโดหลาย ๆ โครงการมีทำเลที่ตั้งตอบโจทย์ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะที่รวดเร็ว อย่างรถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT หรือ Airport Rail Link รวมถึงใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นห้างสรรพสินค้าและตลาด ไม่แปลกที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดไว้เป็นที่อยู่อาศัย
สำหรับใครที่กำลังกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรก แต่ไม่รู้ว่าเงินเดือนและเงินในบัญชี พอซื้อคอนโดที่สนใจไหม วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันว่า ก่อนซื้อคอนโดต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ขั้นตอนกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรกยุ่งยากไหม รวมถึงซื้อคอนโดต้องมีเงินเท่าไหร่ ?
เช็กตัวเองก่อนพร้อมกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรกแล้วหรือยัง?
ก่อนจะเดินเข้าธนาคารเพื่อยื่นขอสินเชื่อกู้เงินซื้อคอนโด การ “เช็กความพร้อมของตัวเอง” คือสิ่งสำคัญมาก เพราะแม้คอนโดจะโดนใจแค่ไหน แต่ถ้าสถานะทางการเงินไม่พร้อม โอกาสกู้ไม่ผ่านก็สูง ลองสำรวจตัวเองตามหัวข้อต่อไปนี้:
1. มีรายได้ประจำและมั่นคงหรือยัง?
ธนาคารให้ความสำคัญกับ ความสม่ำเสมอของรายได้ หากคุณเป็นพนักงานประจำ มีสลิปเงินเดือนชัดเจน และทำงานต่อเนื่องเกิน 6 เดือนขึ้นไป ถือว่าได้เปรียบ ส่วนฟรีแลนซ์หรือเจ้าของกิจการ แม้จะยื่นกู้เงินซื้อคอนโดได้เช่นกัน แต่ต้องมีเอกสารแสดงรายได้อย่างเป็นระบบ เช่น รายการเดินบัญชี หรือเอกสารภาษี
2. มีภาระหนี้อื่นอยู่หรือไม่?
หนี้ที่คุณมีอยู่ตอนนี้ เช่น ผ่อนรถ บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล จะถูกนำไปรวมคำนวณในสัดส่วน DSR (Debt Service Ratio) ซึ่งโดยทั่วไปธนาคารจะให้ไม่เกิน 40–50% หรืออาจถึง 70% ของรายได้ขึ้นอยู่กับธนาคาร ถ้าคุณมีหนี้หลายรายการอยู่แล้ว โอกาสได้วงเงินกู้อาจลดลง หรือกู้ไม่ผ่านเลยก็ได้
3. มีเงินดาวน์พร้อมหรือยัง?
ธนาคารส่วนใหญ่อนุมัติสินเชื่อประมาณ 80–100% ของราคาคอนโด นั่นหมายความว่า หากธนาคารอนุมัติวงเงินได้ไม่ถึง 100% ของราคาคอนโด คุณต้องมีเงินดาวนตามยอดที่ขาดไป เช่น กู้เงินซื้อคอนโดราคา 2 ล้านบาท แต่ธนาคารอนุมัติเงินกู้ที่ 1,600,000 บาท หรือ 80% ดังนั้น ต้องเตรียมเงินดาวน 400,000 บาทไว้ชำระส่วนต่างหรือเรียกเงินก้อนนี้อีกอย่างว่า “เงินดาวน์” นั่นเอง
4. วางแผนรับมือกับค่าผ่อนรายเดือนได้หรือไม่?
อย่าลืมว่าเมื่อกู้ผ่านแล้ว คุณต้องจ่ายค่างวดทุกเดือน นานถึง 20–30 ปี ต้องมั่นใจว่ารายได้คุณสามารถรองรับภาระนี้ได้โดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน และไม่เสี่ยงเป็นหนี้เสียในอนาคต
5. มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี
ธนาคารจะตรวจสอบประวัติของธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดของผู้กู้ว่า เคยผิดนัดชำระหนี้หรือจ่ายไม่ตรงตามกำหนดหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการยื่นกู้ซื้อคอนโด และถ้าผู้กู้มีประวัติดี มีวินัยในการชำระหนี้ดี ก็มีแนวโน้มได้รับการอนุมัติสูง
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการยื่นกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรก
การยื่นกู้ซื้อคอนโดครั้งแรกกับธนาคาร จำเป็นต้องมีเอกสารประกอบครบถ้วน เพราะธนาคารจะใช้เอกสารเหล่านี้วิเคราะห์ “ความสามารถในการชำระหนี้” และ “ความน่าเชื่อถือทางการเงิน” หากเอกสารไม่ครบหรือไม่ชัดเจน อาจทำให้การอนุมัติล่าช้า อาจถูกปฏิเสธสินเชื่อได้เลย รายการเอกสารที่ต้องเตรียม อาทิ
เอกสารยืนยันตัวตน
- สำเนาบัตรประชาชน (ผู้กู้ และผู้กู้ร่วมถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / หนังสือรับรองสถานะโสด (ถ้าธนาคารร้องขอ)
เอกสารแสดงรายได้สำหรับพนักงานประจำ
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3–6 เดือน
- หนังสือรับรองเงินเดือน (บางธนาคารอาจขอ)
- Statement บัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
เอกสารแสดงรายได้สำหรับเจ้าของกิจการ/ฟรีแลนซ์
- สำเนาทะเบียนพาณิชย์ / หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
- รายงานการเงิน หรือแบบ ภ.ง.ด. 50 / 91 / 94
- Statement บัญชีธุรกิจและบัญชีส่วนตัว ย้อนหลัง 6–12 เดือน
เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี)
- เอกสารแสดงรายได้เสริม เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าคอมมิชชัน รายได้พิเศษ
- ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ในกรณีรับค่าจ้างจากหลายบริษัท
- หนังสือยินยอมให้ตรวจสอบเครดิตบูโร (ธนาคารจะให้เซ็นขณะยื่นเรื่อง)
เอกสารเกี่ยวกับคอนโด
- สัญญาจะซื้อจะขาย (กับโครงการหรือเจ้าของเดิม)
- ใบจอง + ใบเสร็จค่าจอง
- ใบเสนอราคาจากโครงการ หรือ เอกสารแจ้งราคาขายจากเจ้าของ
- แผนผังห้อง / ใบระบุขนาดพื้นที่
สิ่งที่ธนาคารพิจารณาเมื่อยื่นกู้ซื้อคอนโด
1. ความสามารถในการผ่อนชำระ (DSR: Debt Service Ratio)
DSR คืออัตราส่วนระหว่าง "หนี้ที่ต้องผ่อนชำระรายเดือน" กับ "รายได้สุทธิ" ของคุณ โดยทั่วไปธนาคารจะกำหนดให้ไม่เกิน 40–50% ของรายได้ เช่น รายได้สุทธิ 30,000 บาท ผ่อนได้สูงสุดประมาณ 12,000 –15,000 บาท/เดือน การมีหนี้อื่น เช่น บัตรเครดิต ผ่อนรถ ผ่อนมือถือ ก็ถูกนำไปคำนวณใน DSR ด้วย
2. เครดิตบูโร (ประวัติชำระหนี้)
ธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลจาก บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ว่าคุณมีประวัติค้างชำระหรือไม่ ชำระตรงเวลาหรือเปล่า เคยผิดนัด เคยปรับโครงสร้างหนี้ หรือมีบัญชีผิดปกติหรือไม่ รวมไปถึงคะแนนของเครดิตสกอร์ด้วย
3. รายได้สุทธิและความมั่นคงทางอาชีพ
- พนักงานประจำในบริษัทมั่นคง ได้เปรียบกว่าฟรีแลนซ์หรือเจ้าของธุรกิจรายย่อย
- หากเป็นฟรีแลนซ์/เจ้าของกิจการ ต้องมีเอกสารรายได้และบัญชีเงินฝากที่ชัดเจน
4. อายุ และระยะเวลาการกู้
อายุผู้กู้ จะสัมพันธ์กับ “ระยะเวลากู้” ธนาคารมักให้ผ่อนไม่เกิน 35-40 ปี หรือระยะเวลาการกู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้ต้องไม่เกิน 65 ปี หรือ 70 ปี แล้วแต่ธนาคาร
ข้อมูลจาก : https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1171, https://www.ghbank.co.th/information
5. หลักประกัน (คอนโดที่ซื้อ)
- ธนาคารจะประเมินมูลค่าของคอนโดที่จะซื้อว่า เหมาะสมกับราคาที่ขอกู้หรือไม่
- โครงการที่มีชื่อเสียง ทำเลดี และมีความน่าเชื่อถือ ธนาคารมักปล่อยกู้ได้ง่ายกว่า
- หากราคาซื้อขายสูงกว่าราคาประเมินของธนาคาร ผู้กู้ต้องเพิ่มเงินดาวน์ตามส่วนต่างของราคาซื้อขาย - ราคาประเมิน
เทคนิคเพิ่มโอกาสในการกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรกให้ผ่าน
การขอสินเชื่อคอนโดไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับรายได้หรือราคาห้องเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับ “การเตรียมตัว” และ “ความน่าเชื่อถือทางการเงิน” ของผู้กู้ด้วย ใครอยากให้ธนาคารอนุมัติเร็ว วงเงินครบ ดอกเบี้ยดี ลองใช้เทคนิคเหล่านี้
1. ปิดหนี้เล็ก ๆ ก่อนยื่นกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรก
ควร เคลียร์ให้หมดหรือเหลือน้อยที่สุดก่อนยื่นกู้ เพราะธนาคารจะนำภาระหนี้ทั้งหมดไปคำนวณ DSR (Debt Service Ratio) หาก DSR สูงเกินไป ธนาคารอาจปฏิเสธ หรืออนุมัติวงเงินไม่เต็มที่ โดยควรเคลียร์ก่อนล่วงหน้า 1-2 เดือนและไม่ก่อหนี้สินเพิ่มเติม เนื่องจากโดยทั่วไป ข้อมูลจากเครดิตบูโรที่ได้รับจะเป็นข้อมูลที่มีการอัปเดตล่าสุดประมาณ 1–2 เดือนจากวันที่ขอข้อมูล
2. รักษารายได้ให้มั่นคง
หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนงานใหม่ในช่วง 3–6 เดือนก่อนยื่นกู้ เพราะธนาคารมักต้องการความมั่นคงของรายได้ หากคุณเพิ่งเริ่มงานใหม่ อาจต้องรอให้ผ่านโปรก่อนจึงจะกู้ได้ หรือธนาคารอาจให้วงเงินน้อยลง
3. ขอสินเชื่อร่วมกับพ่อแม่หรือคู่สมรส
หากรายได้ของคุณคนเดียวไม่เพียงพอที่จะผ่อน หรือมีหนี้เดิมอยู่บ้าง การขอสินเชื่อร่วมจะช่วย “เพิ่มฐานรายได้รวม” และ “ลดความเสี่ยงต่อธนาคาร” โดยเฉพาะคู่สมรส หรือผู้ปกครองที่มีรายได้มั่นคง ยิ่งช่วยให้โอกาสผ่านสูงขึ้น
4. เลือกโครงการที่ธนาคารมีโปรโมชั่นร่วมด้วย
บางโครงการอสังหา มีการจับมือกับธนาคารเพื่อเสนอโปรพิเศษ เช่น ฟรีค่าจัดสินเชื่อ ฟรี MRTA ดอกเบี้ยต่ำปีแรก หรืออนุมัติง่ายขึ้น ลองสอบถามโครงการที่คุณสนใจว่า มีโปรโมชั่นร่วมกับธนาคารใดบ้าง จะช่วยให้ขั้นตอนง่ายและคุ้มกว่า
5. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ดูดี
บัญชีเงินเดือนหรือบัญชีใช้จ่ายหลักควรแสดงการเคลื่อนไหวที่ “มีวินัย” เช่น เงินเข้าออกตรงเวลา ไม่ถอนจนหมดบัญชี หรือใช้บัญชีอย่างสม่ำเสมอในรูปแบบที่ธนาคารมองว่า “มีเสถียรภาพ”
6. เตรียมเอกสารให้ครบ และจัดระเบียบให้ชัดเจน
แม้คุณจะมีรายได้สูง แต่หากเอกสารไม่ครบหรือส่งไม่ตรงเวลา ก็ทำให้การพิจารณาล่าช้าได้ อย่าลืม แนบเอกสารเสริม อย่าง รายได้พิเศษ เอกสารประกอบภาษี หรือใบเสนอราคาคอนโด จะช่วยให้ธนาคารวิเคราะห์ง่ายและเชื่อมั่นมากขึ้น
เงินเดือนเท่าไหร่ ถึงกู้ซื้อคอนโดราคาเท่านี้ได้?
เบื้องต้นตารางประมาณจากการผ่อนชำระ 30 ปี
เงินเดือน (บาท) |
ความสามารถในการผ่อน (บาท) |
วงเงินกู้สูงสุด (บาท) |
15,000 | 6,000 | 850,000 |
20,000 | 8,000 | 1,140,000 |
25,000 | 10,000 | 1,420,000 |
30,000 | 12,000 | 1,710,000 |
35,000 | 14,000 | 2,000,000 |
40,000 | 16,000 | 2,280,000 |
45,000 | 18,000 | 2,570,000 |
50,000 | 20,000 | 2,850,000 |
55,000 | 22,000 | 3,140,000 |
60,000 | 24,000 | 3,420,000 |
65,000 | 26,000 | 3,710,000 |
70,000 | 28,000 | 4,000,000 |
75,000 | 30,000 | 4,280,000 |
80,000 | 32,000 | 4,570,000 |
*ตารางประมาณการจากการผ่อนชำระ 30 ปี ซึ่งข้อมูลจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อาชีพ ธนาคารที่ขอสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยขณะนั้น ฯลฯ
ข้อมูลจาก https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1171
ค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องรู้ก่อนการกู้ซื้อคอนโด
- เงินจอง
- เงินทำสัญญา
- เงินดาวน์ ค่าผ่อนดาวน์ (กรณีโครงการกำลังก่อสร้าง) ปกติจะอยู่ที่ 5 - 10% ของราคาคอนโด
- ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ โดยนำไปจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน
- ค่าธรรมเนียมการโอนหรือค่าโอนคอนโด คิดเป็น 2% ของราคาประเมินจากกรมที่ดิน (ส่วนใหญ่จ่ายคนละครึ่ง อยู่ที่ตกลงกัน) โดยนำไปจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินเช่นกัน
- ค่าส่วนกลาง เป็นค่าดูแลพื้นที่ส่วนกลางของคอนโด บางแห่งจะคิดตามขนาดพื้นที่ของห้อง ควรศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบข้อมูลส่วนนี้ก่อนตัดสินใจ เพราะเป็นรายจ่ายที่ต้องตลอดระยะเวลาการครอบครอง
- ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า
- ค่าประกันภัยอาคาร จ่ายในกรณีที่นิติบุคคลของคอนโดมีการทำประกันเอาไว้
- ค่าขนของย้ายคอนโด หากต้องใช้บริการของบริษัทขนย้าย
- ค่าออกแบบตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า หากเราซื้อคอนโดที่ไม่ได้แถมเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ใดๆ ก็จำเป็นต้องสำรองเงินส่วนนี้เอาไว้ด้วย
ข้อมูลจาก https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/1171
การกู้เงินซื้อคอนโดครั้งแรกอาจดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่หากคุณเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องเอกสาร รายได้ หนี้สิน และเข้าใจหลักเกณฑ์ของธนาคาร โอกาสผ่านก็จะสูงขึ้น และยังช่วยให้คุณได้เงื่อนไขดอกเบี้ยที่คุ้มค่าอีกด้วย และถ้าคุณกำลังวางแผนซื้อคอนโด การมี บัตรเครดิต KTC ติดกระเป๋าไว้ก็ช่วยได้มาก! เพราะคุณสามารถใช้ผ่อนของตกแต่งด้วยโปรโมชั่น 0% หรือรับเครดิตเงินคืนจากร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำ สมัครวันนี้ พร้อมสิทธิพิเศษอีกเพียบสำหรับคนเริ่มต้นชีวิตใหม่ในคอนโด
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC